xs
xsm
sm
md
lg

ทีม God of War ยังอุบชื่อผลงานตัวถัดไป ทุบสร้างภาคสาม $44ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สตีฟ เคตเตอร์สัน
เว็บไซต์ IndustryGamers สัมภาษณ์พิเศษ “สตีฟ เคตเตอร์สัน”โปรดิวเซอร์อาวุโสของซานต้า โมนิกา สตูดิโอ ผู้พัฒนาเกมซีรีส์ “ก็อด ออฟ วอร์”(God of War) เกมที่มีคิววางตลาดภาค 3 ในวันที่ 16 มี.ค.นี้บนเครื่องเพลย์สเตชัน3(PS3) ถือเป็นอีกหนึ่งเกมแม่เหล็กสไตล์เกมแอ็กชันผจญภัยที่มีแฟนๆให้การตอบรับมาทุกภาค เปิดงบสร้างภาคล่าสุด 44 ล้านเหรียญสหรัฐ

เคตเตอร์สันเกริ่นประวัติตัวเองให้ทราบคร่าวๆว่า เขาทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมเกมมากว่า 15 ปี โดยมีผลงานเกมตู้ให้เห็นอยู่บ้าง แต่ในระยะหลังก็ได้มาทำเกมคอนโซลราว 10 ปี อย่างในซีรีส์ก็อด ออฟ วอร์ก็อยู่ในทีมพัฒนามาเป็นเวลา 7 ปี เริ่มจากเป็นผู้กำกับศิลป์ก่อน จากนั้นก็ขยับไปโปรดิวเซอร์ในภาคสอง และได้มานั่งตำแหน่งโปรดิวเซอร์อาวุโสในภาคสาม

ทีมงานอาวุโสของทีมเล่าถึง การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อนำเกมเทพสงครามสู่ยุค HD ว่า พวกเขาชอบที่จะพยายามลองทำด้วยตัวเอง ซึ่งบ่อยครั้งทำได้ดีกว่าตอนแรกเสมอ โดยยกตัวอย่างการประชุมกันในทีมครั้งหนึ่งเกี่ยวกับฉากเปิดของเกมภาค 2 ที่มีฉากสู้กับเจ้าตัวยักษ์ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้อย่างที่คิดไว้หรือไม่ และในภาค 3 ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาก็คิดว่าจะทำได้ดีกว่า อย่างเมื่อ 3 ปีก่อน เขาเคยบอกกับภรรยาว่า พวกเราไม่มีทางที่จะทำได้ดีกว่านี้แล้ว เรียกว่าในปีแรกก็มักจะคิดแบบนั้น มันเหมือนเป็นเกณฑ์ที่ตั้งไว้ มันยังไม่ดีพอสำหรับทีมงาน เมื่อเขาได้ลองเล่นเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน จนพวกเขาได้กลับมาทำมันอีกครั้ง มันก็เป็นอย่างที่เห็น

เมื่อถามถึงเดโมก็อด ออฟ วอร์ ตัว E3 2009ที่ปล่อยดาวน์โหลดไปลองเล่นว่ามันจะอะไรที่ถูกปรับแต่งสำหรับตัวเกมจริงๆบ้าว เคตเตอร์สันตอบว่า มันก็ดูเรียบร้อยดี เดิมทีตั้งใจจะออกตอนช่วง E3 แต่มันยังไม่มีพวกเทคนิคด้านแสง,โมชัน-เบลอ,ความลึกของฉาก,ฟิลเตอร์แสงเงา และการปรับเฟรมเรต พวกเขาคงไม่คิดฆ่าตัวเองในเดโมแน่ โดยเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแสดงให้คนทั่วไปได้เห็น มันรวมเอาสิ่งที่พวกเขาต้องการจะอวดไว้ ขณะเดียวกัน มันก็มีบางคนที่ต้องการเล่นแบบเต็มๆทีเดียวเลยก็มี เหมือนไม่ต้องการชมภาพยนตร์ตัวอย่างสำหรับหนังเรื่องใหม่ แต่ปรารถนาที่จะไปโรงหนังเพื่อชมในวันเปิดฉายวันแรก

โปรดิวเซอร์อาวุโสกล่าวต่อว่า พวกเขาต่างภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำเอามากๆ และต้องการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ต้องการให้หยุดเล่นแล้วจากไป โดยอยากให้ได้ประสบการณ์แบบเดียวกัน ส่วนประเด็นที่ถูกถามเกี่ยวกับผลงานเกมระดับคุณภาพอื่นๆจากทีมซานตา โมนิกาอีกหรือไม่ เคตเตอร์สันตอบกว้างๆว่า แน่นอน เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่การทำลายสถิติ แต่ต้องการรักษามาตรฐานให้คงที่ ตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้สำหรับผลงานตัวถัดไป แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด ช่วงนี้ยังไม่มีไอเดีย เพราะเพิ่งเสร็จภารกิจจากเกมภาค 3 มาหมาดๆ หลังจากทุ่มเทเวลาทำมา 3 ปี และ 7 ปีในซีรีส์ ขนาดลูกเขาเอง ยังอายุน้อยกว่าด้วยซ้ำ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับโปรเจกต์ใหญ่นะ แต่ยังไม่ตัดสินใจทำจริงๆจังๆ มันต้องใช้เวลาพอสมควร

“ตอนนี้มีเกมเดียวที่ผมมีโอกาสได้เล่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นก็คือ Dead Space มันยังมีเกมอื่นๆอีกที่ออกมา แต่ไม่มีโอกาสนั่งลงเพื่อเล่นมัน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ความจริงการเล่นเกมที่เจ๋งๆ มันก็ช่วยให้เราทราบว่านักพัฒนาเกมอื่นๆเขาทำอะไรไปถึงไหนแล้ว ”เคตเตอร์สันกล่าว

เคตเตอร์สันยืนยันย้ำอีกครั้งว่า แม้ว่าก็อด ออฟวอร์ภาค 3 จะเป็นตัวจบไตรภาค แต่ก็คิดว่าคงไม่เป็นตัวสุดท้ายในซีรีส์ พวกเขากำลังมองหาความแตกต่างที่จะสามารถทำได้ มันก็คงจะดีที่จะกลับไปสานต่อ ทุกๆสิ่งมีความเป็นไปได้ มันคงเร็วไปที่จะบอก

ปิดท้ายเกี่ยวกับตัวผู้กำกับเกมภาคล่าสุด “Stig Asmussen” โดยเคตเตอร์สันหวังว่าเขาจะยังอยู่ร่วมงานต่อไป (ก่อนหน้านี้แกนนำหลัก “เดวิด จาฟฟี่” กับ “โครี่ บาร์ล็อก” ก็โบกมือลาทีมไปแล้ว) หากหมดเขาไป สตูดิโอก็คงไปต่อไม่ได้

ด้าน "จอห์น ไฮจ์ต" ทีมงานจากซานตา โมนิกา สตูดิโอ เปิดเผยถึงต้นทุนในการพัฒนาเกมก็อด ออฟ วอร์ภาค3 ว่าใช้เงินไปถึง 44 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,440 ล้านบาท ตอนที่ทำเกมภาค 2 เสร็จ พวกเขามีทีมงานอยู่ราวๆ 60 ชีวิต แต่ในภาค 3 จำนวนทีมงานได้เพิ่มมาเป็น 132 คน

ข้อมูลและภาพประกอบจาก...
www.industrygamers.com
www.vg247.com
www.gamekyo.com
God of War3
ภาพงานในมาดริด
ภาพงานในมาดริด
ภาพงานในมาดริด
กำลังโหลดความคิดเห็น