"ยูบิซอฟต์" หนึ่งในบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของโลก ออกมาประกาศแนวทางในอนาคต ที่จะนำแบรนด์เกมที่ประสบความสำเร็จ มาต่อยอดทำภาคต่อออกวางจำหน่ายทุกๆ 12 ถึง 18 เดือน
จากความสำเร็จทุกๆปีของเกมซีรีส์ "คอล ออฟ ดิวตี้" จากค่ายแอคติวิชัน ทำให้ยูบิซอฟต์ตระหนักถึงความสำคัญของซีรีส์เกมที่ตัวเองมีอยู่ และ ออกมาแสดงความเห็นระบุว่าจะพยายามระมัดระวังในการสร้างเกมซีรีส์ใหม่ขึ้นมาเนื่องจากเป็นภาระหนัก พร้อมกับยืนยันว่าจะให้ความสำคัญไปกับการสร้างเกมคุณภาพจากแบรนด์เกมที่ตัวเองมีอยู่แล้ว
"Alain Corre" กรรมการผู้จัดการยูบิซอฟต์ยุโรป กล่าวว่า "เราปรับปรุงองค์กรของเราเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อเป้าหมายในการสร้างเกมที่มีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาสร้างความประหลาดใจและสร้างความพอใจให้กับผู้เล่นเป็นประจำทุกปี คุณจะได้เห็นภาคต่อใหม่ๆจากเกมที่ประสบความสำเร็จทุกๆ 12 ถึง 18 เดือน ซึ่งมันจะมีความแตกต่างมากพอกับเกมภาคก่อน เพื่อความมั่นใจว่าผู้เล่นจะไม่รู้สึกเบื่อ"
"เกมซีรีส์ คอล ออฟ ดิวตี้ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เพราะว่ามันออกวางจำหน่ายมาแล้วมากกว่า 5 ปี ซึ่งทุกๆปีจะมีเกมภาคใหม่ออกมา และมันก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นทุกปี แอคติวิชันไม่เคยลดหย่อนในเรื่องคุณภาพของเกม ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะนำมาใช้กับแบรนด์เกมของยูบิซอฟต์บ้าง"
"Corre" ระบุว่าความท้าทายของยูบิซอฟต์คือการสร้างเกมระดับคุณภาพภายใต้ระยะเวลาจำกัด เขายอมรับว่าบางครั้งการทำงานในระยะเวลาที่จำกัดมาจากความกดดันจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยเขายกตัวอย่างล่าสุดเกม Avatar ที่สร้างจากภาพยนตร์ของเจมส์ คาเมรอน ซึ่งเมื่อเกมออกมาวางจำหน่ายก็มียอดขายที่ไม่ดี รวมถึงกระแสวิจารณ์ก็ไม่ดีด้วย นอกจากนั้นเขาได้เปิดเผยว่าการในการสร้างเกมแต่ละครั้งจะพยายามทำให้เกมนำเสนอประสบการณ์ออกมาดีที่สุด แต่บางครั้งมันไม่ง่ายเนื่องจากต้องทำตามกฏอะไรต่างๆของสตูดิโอภาพยนตร์ ซึ่งมันเป็นการจำกัดจินตนาการในการสร้างเกม แตกต่างอย่างชัดเจนกับการสร้างเกมใหม่ของตัวเองขึ้นมา ที่สามารถใส่จินตนาการลงไปได้อย่างเต็มที่"
ซีรีส์เกมประสบความสำเร็จของยูบิซอฟต์มีอยู่หลายตัว อาทิ Assassin's Creed , Ghost Recon , Prince of Persia และ Splinter Cell
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamesindustry.biz
