เกมฟอร์มยักษ์สองตัวอย่าง "Splinter Cell: Conviction" และ "R.U.S.E." เลื่อนวางจำหน่ายออกไปในปีงบประมาณหน้า ส่งผลให้ยูบิซอฟต์ ออกมาประกาศลดยอดประมาณการณ์รายได้ตลอด 12 เดือนประจำปีงบประมาณล่าสุดที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม เหลือ 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้นยังปรับกลยุทธ์ลดจุดอ่อนทางด้านเกมแคชวล ไปให้ความสำคัญในการพัฒนาเกมลง PS3 และ Xbox360
ยูบิซอฟต์ บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ที่มีฐานการผลิตในประเทศฝรั่งเศส ออกมาประกาศเลื่อนวางจำหน่ายเกมดัง 2 เกมได้แก่ "Splinter Cell: Conviction" ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าจะวางจำหน่ายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ จะเลื่อนไปวางจำหน่ายในเดือนเมษายน ทางด้านเกมสงครามโลกครั้งที่สอง "R.U.S.E."จะเลื่อนไปวางจำหน่ายในหลังปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2010
จากการเลื่อนวางจำหน่ายเกม "Splinter Cell: Conviction" และ "R.U.S.E." ออกไปจากปีงบประมาณปัจจุบัน(สิ้นสุด มี.ค.) ทำให้ยูบิซอฟต์ตัดสินใจลดยอดประมาณการณ์รายได้ในช่วงไตรมาสที่สาม และยอดรายได้ประจำปีงบประมาณ
ยูบิซอฟต์ลดยอดประมาณการณ์ในช่วงไตรมาสที่สามระหว่างเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม ลงอยู่ที่ 718 ล้านเหรียญสหรัฐ และลดยอดประมาณการณ์รายได้ประจำปีงบประมาณลงอยูที่ 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยอดประมาณการณ์ข้างต้นลดต่ำลงกว่ายอดประมาณการณ์ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ในช่วงไตรมาสที่สาม 783 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้ประจำปีงบประมาณ 1.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนั้นยูบิซอฟต์ยังคาดการณ์ว่า บริษัทจะขาดทุนจากการดำเนินงานประจำปีงบประมาณที่ 72.5 ล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดคาดการณ์รายได้จากการดำเนินงานประจำปีงบประมาณที่ 102 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับปัจจัยที่ทำให้ยูบิซอฟต์ต้องปรับลดยอดประมาณการณ์ต่างๆมาจากปัจจัยทางด้านยอดขายเกมที่ตกต่ำ , เกมหลายๆตัวที่ทำผลงานได้ไม่น่าพอใจ และการเลื่อนวางจำหน่ายเกม
การเลื่อนจำหน่าย "Splinter Cell: Conviction" และ "R.U.S.E." ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ทำให้ยูซอฟต์ลดยอดประมาณการณ์รายได้ ยูบิซอฟต์ระบุว่าเกมแนวแคชวลบนเครื่อง DS เติบโตอย่างแคบๆในปี 2009 ยอดประมาณการณ์รายได้ตกไปอยู่ที่ 232 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดต่ำลง 50 เปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามยูบิซอฟต์ยังระบุว่าเกมแคชวลบนเครื่องวี ยังถือว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเกมกิจกรรมเข้าจังหวะอย่าง Just Dance ที่ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009
แม้ว่าเกม Assassin's Creed 2 จะทำยอดขายได้ถึง 6 ล้านชุด แต่ยูบิซอฟต์ยังระบุว่าตัวเองยังมีจุดอ่อนในตลาดเกมฮาร์ดคอร์ กล่าวคือยูบิซอฟต์ ระบุว่าเกมที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ "Avatar" ของเจมส์ คาเมรอน และเกมที่ไม่ใช่แนวแคชวลบนเครื่องวี ทำผลงานได้ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขยอดขายเกม Avatar ออกมา แต่เวอร์ชั่นภาพยนตร์สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จากจุดอ่อนในตลาดเกมแคชวลในปี 2009 ทำให้ยูบิซอฟต์วางแผนที่จะให้ความสำคัญในการพัฒนาเกมลงเครื่อง เพลย์สเตชั่น 3 และ Xbox360 มากขึ้นในปีงบประมาณหน้าที่จะมาถึงหลังเดือนมีนาคม
"Yves Guillemot" ซีอีโอยูบิซอฟต์ กล่าวว่า "จากมุมมองของเราที่จะลดความสำคัญของเครื่อง DS ลง เราตั้งใจจะหันกลับไปให้ความสนใจทรัพยากรต่างๆเพื่อใช้สำหรับพัฒนาเกมฟอร์มยักษ์บนเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 และ Xbox360 ซึ่งเราคาดการณ์ว่าเครื่องคอนโซลทั้งสองตัวนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2010 เกมที่จะออกในปี 2010-11 จะมีความแข็งแกร่งบนเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 และ Xbox360 ซึ่งเป็นผลจากความพยายามของเราที่จะให้ความสำคัญไปที่จุดนั้น และมันยังช่วยให้เราสามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปพร้อมๆกับการความสามารถในการทำกำไร"
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot.com
