"คาซุโอะ ฮิราอิ" บอสใหญ่โซนี่ออกมาเปิดเผยว่าในอนาคต การเล่นเกมผ่านระบบออนไลน์บนเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 จะถูกแบ่งเป็นสองระดับ ระดับบนจะเป็นพรีเมียมมาพร้อมกับคอนเทนต์พิเศษที่สมาชิกจะต้องจ่ายเงินค่าบริการ นอกจากนั้นยังเปิดเผยระบบบริการ SOS ให้อุปกรณ์ทุกตัวของโซนี่สามารถดาวน์โหลดคอนเทนต์ได้จากระบบนี้
หนึ่งในจุดขายสำคัญของเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 คือการเล่นเกมผ่านระบบออนไลน์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามมีข้อมูลล่าสุดเปิดเผยออกมาว่าในอนาคต โซนี่มีแผนที่จะแบ่งแยกสมาชิกลงทะเบียนออนไลน์บนเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค เป็น 2 ระดับ คล้ายคลึงกับระบบออนไลน์ Xbox live บนเครื่อง Xbox360(Silver กับ Gold)
ข้อมูลการแบ่งสมาชิกลงทะเบียนออนไลน์ เพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์คออกเป็น 2 ระดับมาจากสไลด์ที่โซนี่นำมาพรีเซนต์เกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัท โดยระบุว่าในปี 2010 จะมีรายได้ใหม่เข้ามาจากสมาชิกที่ลงทะเบียนผ่านเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค โดย "คาซุโอะ ฮิราอิ" ซีอีโอโซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ออกมายืนยันแนวคิดว่า "เราจะสร้างสรรบริการใหม่ที่เป็นมากกว่าบริการแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายบนเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค เราจะเสริมคอนเทนต์พรีเมียมเข้าไปพร้อมกับเปิดให้บริการโมเดลสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่าย"
จากแนวความคิดข้างต้นอาจจะทำให้เจ้าของเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 หลายคนตกใจ และคิดว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะต้องจ่ายเงินเพื่อเล่นเกมผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งต่อมา "ฮิราอิ" ได้ออกมาพูดอีกครั้ง ยืนยันว่าสมาชิกยังคงสามารถเล่นเกมได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย "โซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ จะพยายามเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นด้วยการนำเสนอความบันเทิงรูปแบบใหม่สู่ผู้บริโภคผ่านการผสมผสานกันระหว่าง ฮาร์ดแวร์ , ซอฟต์แวร์ , อุปกรณ์เสริม และเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค โดยเฉพาะในส่วนของการเล่นเกมผ่านระบบออนไลน์ เรากำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่โมเดลธุรกิจสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้บริการและคอนเทนต์แบบพรีเมียม เพื่อเป็นส่วนเสริมให้กับบริการในปัจจุบันที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย"
ขณะนี้ทางโฆษกของโซนี่อเมริกายังไม่ออกมาให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามเจ้าของเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ในตอนนี้ก็ถือว่ายังโชคดีเนื่องจากสามารถเข้าเล่นเกมออนไลน์ , เฟซบุ๊ก และสตีมวิดีโอจาก Netflix ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในทางกลับกันหากเป็นระบบออนไลน์ Xbox live ผู้ที่ต้องการเล่นเกมออนไลน์ , ใช้งานเฟซบุ๊ก หรือสตีมวิดีโอจาก Netflix จะต้องเป็นสมาชิกแบบ Gold ที่เสียค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 50 เหรียญสหรัฐต่อปี
อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญของโซนี่ที่เปิดเผยออกมาในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน ก็คือโครงการของโซนี่ที่พยายามขึ้นทาบเป็นคู่แข่งกับระบบบริการ iTune ของแอปเปิ้ล ซึ่งเป็นระบบบริการจัดจำหน่ายคอนเทนต์สำหรับผลิตภัณฑ์มัลติมิเดีย
ระบบบริการคอนเทนต์ของโซนี่ มีชื่อชั่วคราวในตอนนี้ว่า "Sony Online Service"(SOS) บริการนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถได้รับประสบการณ์ความบันเทิงบนอุปกรณ์มิเดียเน็ตเวิร์คทุกชนิดจากโซนี่ ตั้งแต่อุปกรณ์เครื่องเล่นพกพา ไปจนถึงอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่างโทรทัศน์ Bravia HDTVs "คาซุโอะ ฮิราอิ" ซีอีโอโซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ระบุว่าบริการ SOS ที่เปิดเผยออกมานี้เป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ของเขา ที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์เน็ตเวิร์คและกลุ่มบริการ
ฮิราอิ ระบุว่า บริการ SOS จะรองรับ ID ผู้ใช้หนึ่งคนให้สามารถใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของโซนี่ได้ทุกตัว เป้าหมายของบริการนี้ต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าของโซนี่มากขึ้น การนำเสนอของฮิราอิ มีการนำผลิตภัณฑ์หลายๆตัวที่รองรับ SOS มาโชว์ อาทิ โทรทัศน์ HDTVs , เครื่องเล่นบลูเรย์ , อุปกรณ์อ่านE-book , แลปท้อป , เครื่องเล่นวอล์กแมน MP3 , PSP Go และเพลย์สเตชั่น 3
การมีเครื่อง PSP และเพลย์สเตชั่น 3 เป็นส่วนหนึ่งในบริการ SOS ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด เนื่องจากเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์คที่เปิดให้บริการบนแพลตฟอร์มเกมทั้งสองข้างต้น เป็นรากฐานโครงสร้างระบบบริการ SOS "ฮิราอิ" กล่าวว่า "ระบบบริการ SOS จะเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุนของเรา จากความได้เปรียบที่เรามีบริการ เพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์คอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งจะทำให้เราสามารถบริหารระบบได้ง่าย , บริการการจ่ายเงินได้ง่าย และระบบจำหน่ายคอนเทนต์ที่ดี ซึ่งมันทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนของเราลดลงไปด้วย"
จากการที่เพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์คเข้ามาเป็นส่วนประกอบหลัก ระบบบริการ SOS จะพยายามขยายบริการไปยังอุปกรณ์พกพาของโซนี่ด้วย "การเปิดตัวผลิตภัณฑ์พกพาเคลื่อนที่ตัวใหม่ที่สามารถใช้งานเน็ตเวิร์คได้จะกลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบบริการ SOS เนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์ที่จะติดอยู่กับผู้ใช้ทุกวัน" ขณะนี้ทางโซนี่ยังไม่ได้เปิดเผยว่าระบบบริการ SOS จะเริ่มใช้เมื่อไร
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โซนี่ออกมาเปิดเผยว่าขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค 33 ล้านคน ในแต่ละวันมีจำนวนคนเฉลี่ย 5.4 ล้านคนล็อกออนเข้าไปในเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์ค และมีประมาณ 1.4 ล้านคนที่เข้าไปยังเพลย์สเตชั่น สโตร์ ในแต่ละเดือนมีผู้ใช้ดาวน์โหลดคอนเทนต์ไปประมาณ 25 เพตะไบต์(petabytes) หรือคิดเป็นประมาณเนื้อที่ดีวีดีแบบซิงเกิลเลเยอร์ 5,000 แผ่น ขณะนี้มีเกมเพลย์สเตชั่น3 และ PSP บนเพลย์สเตชั่น สโตร์มากกว่า 650 เกม พร้อมด้วยภาพยนตร์ 2,417 เรื่อง , รายการโทรทัศน์ 15,042 เรื่อง และไอเท็มพิเศษกว่า 10,000 ชิ้น อาทิ ธีมต่างๆ "ฮิราอิ"ระบุว่าขณะนี้ทางโซนี่คาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 563 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีงบประมาณล่าสุดที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2010 ซึ่งหากทำได้จริงจะเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 3 เท่า
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot.com