หลังจากรอกันมานานหลายปีแสง "Star Ocean :The Last Hope" เกม RPG ที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังสุดท้าย (หรือเปล่า) ก็ออกมาให้ได้ชื่นชมกันเสียที ที่แม้เวอร์ชั่นญี่ปุ่นจะนับเป็นภาค 4 ก็จริง แต่สำหรับ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ที่ใช้คำว่า "The Last Hope" เท่านั้น เหมือนจะเป็นการเปิดซีรีย์ใหม่ของเกมไปกลายๆ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้เป็นภาคต่อ แต่เป็นการกลับไปยังจุดกำเนิดของเรื่องราวต่างๆของซีรีย์นี้ และน่าจะเป็นความหวังหนึ่งของเกมภาษาของญี่ปุ่นในเครื่องเกมรุ่นปัจจุบันนี้ หลังจากเสียรังวัดให้กับเกมภาษาจากฝั่งตะวันตกไปพอสมควร
เมื่อเริ่มเปิดเกมมาจะพบกับ CG คุณภาพดีในระดับใช้ได้ การออกแบบศิลป์ในเกมเป็นแนวการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ออกจะดูน่ารักไปสักหน่อย แต่สำหรับเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ปรับให้ดูเป็นสากลขึ้นเล็กน้อย กราฟิกในเกมที่ทำได้ดี และมีสีสันสดใส แม้ความจริงรายละเอียดของภาพจะไม่ได้สุดยอด แต่ด้วยองค์ประกอบศิลป์ออกแบบสิ่งต่างๆในเกมที่ผสานความเป็นเกมญี่ปุ่นเข้ากับภาพยนตร์ Sci-fi ได้อย่างลงตัวทำให้งานด้านภาพสร้างความประทับใจพอสมควร ส่วนคัทซีนก็ทำได้ตามมาตรฐาน แต่การกำกับบทในส่วนของความเป็นแอ็คชั่นที่ดูธรรมดาไป ไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นได้เท่าไร
สิ่งที่โดดเด่นของเกมคือ "ระยะเวลา การโหลด" ที่เกมสามารถจัดสรรเวลาการโหลดได้ดีมากๆ แม้จะเกิดอาการกระตุกบ้างแต่ก็พอจะรับได้ และเมื่อเทียบกับเกมที่ออกมาก่อนหน้านี้ ถือว่าเกมนี้ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด รูปแบบเกมยังคงเป็น RPG เดินสำรวจ โดยมีทั้ง Map และดันเจี้ยน ขนาดใหญ่ที่ให้เดินสำรวจกันจนจุใจ โดยแต่ละดันเจี้ยน มีการสร้างปริศนามาให้ผู้เล่นต้องคบคิดหาทางผ่านแบบไม่ดูถูกผู้เล่นและซับซ้อนพอสมควร ส่วนระบบการต่อสู้จะเห็นศัตรูบนฉาก และเมื่อเราเดินไปชนเกมจะตัดเข้าฉากต่อสู้ โดยการตัดเข้าฉากต่อสู้มีทั้งการลอบโจมตีศัตรูด้านหลัง และโดนศัตรูลอบโจมตี โดยเราสามารถพุ่งตัวเพื่อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ที่ใช้ได้ดีในการหลบหลีกศัตรู
สิ่งที่ต้องชมว่ายอดเยี่ยมก็คือการตัดเข้าฉากต่อสู้ที่รวดเร็ว และไม่มีอาการโหลดเทกเจอร์ไม่ทันให้เห็นเลย ส่วนระบบการต่อสู้ยังคงเน้นความเป็นเกมแอคชั่นที่สามารถบังคับตัวละครเดินเพื่อต่อสู้ได้ โดยควบคุมได้ทีละ 1 ตัว(แต่เปลี่ยนตัวได้) ที่เราสามารถตั้งค่าเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมต่อสู้ตามแผนที่วางไว้ได้ ส่วนการกดปุ่มทำคอมโบ และใช้ท่าไม้ตายต่างๆ ที่เราสามารถตั้งค่าเองได้อย่างอิสระ โดยใช้ปุ่ม RT กับ LT และมีท่าคอมโบที่ต่อเนื่องและอลังการงานสร้างมาก ส่วนการเรียกใช้ท่าที่ลื่นรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และด้วยความยากของเกมส่งผลให้ตัวเกมไม่ใช่แค่เดินๆตีๆศัตรูก็ผ่านดังนั้นต้องใช้ทักษะการหลบหลีกทั้งพุ่งเข้าใส่,กระโดด และการเลือกใช้ท่าให้ถูกต้องถูกจังหวะเพื่อจัดการศัตรู ส่วนบอส ก็ไม่ได้จัดการกันง่ายๆ จนอาจเรียกได้ว่าระบบการต่อสู้เกือบจะเป็นเกมแอ็คชั่น ที่สนุกมันสะใจกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้เกมยังมีระบบ สกิลที่หลากหลาย ไว้ให้ได้อัพค่ากันมากมาย ไม่ว่าจะไว้เพื่อต่อสู้ ผสมของ สร้างสิ่งต่างๆ เพิ่มค่าพลัง ทำอาหาร และอีกมาก แถมด้วยระบบ Beat ที่จะอัพค่าพลัง ทักษะและเพิ่มสกิลใหม่ๆรวมทั้งรูปแบบการโจมตีได้ตามความต้องการ ส่วนระบบ Private Action ที่ไว้สานสายสัมพันธ์กับตัวละครต่างๆโดยที่ระบบนี้จะส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมก็ยังคงไว้ และยังมี Quest ย่อยให้เล่น ทำให้องค์ประกอบเสริมภายในเกมมีมากมาย ถ้าใครชอบการตั้งค่าที่หลากหลายแต่ไม่ยุ่งยากต้องชอบ แถมตัวเกมยังคงความยาวไว้โดยมีความยาวมากกว่า 40 ชม. แถมเล่นแล้วยังทำให้ติดหนึบชนิดเล่นกันข้ามวันข้ามคืน
ที่ดูน่าผิดหวังไปหน่อยของเกมนี้คือ "มุมกล้อง" แม้จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่กลับพาผู้เล่นไปยังมุมอับบ่อยครั้ง และทำให้ผู้เล่นสับสนทิศทางจนต้องมองแผนที่(ที่ไม่สามารถดูมุมกว้างได้) มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าเกมนี้ใช้การเจอศัตรูแบบสุ่ม แต่เกมนี้ใช้ระบบเจอศัตรูเป็นตัวๆในฉากที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาเราเสมอ ทำให้เมื่อเราเข้าสู่ดันเจี้ยนที่คับแคบเราจะโดนศัตรูโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวบ่อยครั้งทำให้น่าหงุดหงิดบ้าง ส่วนดนตรีในเกมที่ผสมผสานความเป็นเพลงจากเกมญี่ปุ่นที่ใช้แนวดนตรีPOP กับ เพลงบรรเลงที่ได้ยินกันในภาพยนตร์ Sifi ได้อย่างลงตัว แต่มันก็ราบเรียบไม่มีอะไรโดดเด่น ส่วนเสียงพากย์(ภาษาอังกฤษ)ก็ทำให้ดีตามมาตรฐาน แต่ก็ยังสู้การพากย์เวอร์ชั่น ญี่ปุ่นไม่ได้
เสียดายเพราะ "มุมกล้องที่ไม่ดี" แท้ๆ ทำให้ การเดินทางท่องอวกาศครั้งนี้ลดระดับจากเกมภาษาชั้นยอด มาเป็นเกมภาษาเกมที่ดีเกมหนึ่ง ที่แม้ตัวเกมไม่ได้สร้างความน่าทึ่งและแปลกใหม่ในระบบของเกมเท่าไรนัก แต่โดยรวมเกมทำออกมาได้ดี ไม่ดูครึ่งๆกลางๆเหมือนเกมก่อนหน้านี้อย่าง Last Remant กับ Infinite Undiscovery ดังนั้นถ้าคุณชื่นชอบเกม RPG ญี่ปุ่นแท้ๆต้องชอบ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความหวังครั้งนี้จะดูน่าผิดหวังเล็กน้อย คงต้องรออีกหนึ่งสุดยอดความหวังที่น่าจะหวังได้มากกว่าอย่าง Final Fantasy XIII ที่จะออกเฉพาะ PS3 (ภาษาญี่ปุ่น)ในปีนี้ และเดโม ในเดือนเมษายน นี้ซึ่งพบกับบทวิจารณ์ เดโมแน่นอน ถ้าทางทีมงานสามารถหาแผ่นมาลองได้
ข้อดี : การต่อสู้ที่รวดเร็วสนุก เวลาการโหลดที่น้อย
ข้อเสีย : มุมกล้องไม่ดี, ไม่มีอะไรแปลกใหม่
ข้อแนะนำ : ปรับมุมกล้องใหม่
เกมการเล่น | 8.8 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 8.5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ความคุ้มค่า | การท่องอวกาศที่คุ้มค่าน่าเล่น |
ภาพรวม | 8.8 |
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)