นินเทนโดถก "กว่าจะมาเป็น DSi"

บทสัมภาษณ์ล่าสุด ที่“ซาโตรุ อิวาตะ” ประธานนินเทนโดนั่งพูดคุยกับทีมพัฒนาของตัวเองให้แฟนๆได้ทราบถึงที่มาที่ไปของเครื่องเกมพกพาโมเดล3 ว่า กว่าจะมาเป็น “นินเทนโด ดีเอสไอ” (DSi) อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น มันผ่านมีการนำเสนอไอเดียอะไรมาบ้าง

อิวาตะสนทนากับ “มาซาโตะ คุวาฮาระ” หัวหน้าวิศวกรฝ่ายพัฒนาของนินดทนโดและลูกทีมอีก2 คน “ยุอิ อิฮาระ” กับ “เคนทาโระ มิตะ” จากการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ขอสรุปคร่าวๆให้ได้ทราบกันพอหอมปากหอมคอ

ทีมวิศวกรฝ่ายพัฒนาเปิดเผยว่า การพัฒนาเครื่อง DSi เริ่มต้นขึ้นช่วงปลายปี 2006 ซึ่งความจริงแล้วทีมงานเองก็ยังไม่แน่ใจว่าโปรเจกต์นี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะเป็นการเสริมคุณสมบัติ ไม่ได้เป็นเครื่องเกมแบรนด์ใหม่ ด้านไอเดียเรื่องการใส่กล้อง 2 ตัวลงไปนั้น เริ่มต้นขึ้นจาก ตัวเครื่อง DS เองก็มี “หู” พร้อมอยู่แล้ว นั่นก็คือไมโครโฟน ดังนั้น สิ่งต่อไปตามความรู้สึกของนักออกแบบก็คือ “ตา”

ตอนแรกคิดว่า หากใช้กล้อง 2 ตัวจะสิ้นเปลื้อง ก็เลยคิดที่จะใส่กลไกที่ทำให้กล้องหมุนได้ลงไปดีกว่า แต่ปรากฏว่ามันจะเป็นการเพิ่มต้นทุนและและเสี่ยงต่อความเสียหายในการใช้งาน ในท้ายที่สุดจึงตัดสินใจติดตั้งทั้งด้านนอกและด้านในของตัวเครื่องเหมือนอย่างที่เห็น

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ภาพกล้องถูกจำกัดความละเอียดอยู่ที่ 300,000 พิกเซล หรือ 640x480 นั้นเกิดจากขีดความสามารถของตัวโปรเซสเซอร์ที่มีขีดจำกัด หากเพิ่มความละเอียดภาพลงไปก็จะทำให้โปรเซสเซอร์ทำงานหนักและล่าช้าได้

ขณะที่การเพิ่มสลอตเสียบ “SD การ์ด” เข้ามา ก็มาจากการผลักดันของ “ชิเงรุ มิยาโมโตะ”ที่มองถึงการใช้งานในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันใช้เพียงแค่บันทึกรูปภาพและบทเพลง

ทั้งนี้ ในช่วงกระบวนการออกแบบเครื่องที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ต.ค.ปี 2007 แบบเครื่องดั้งเดิมของ DSi ไม่เป็นที่อภิรมย์จากบริษัทนัก เนื่องจากความใหญ่โตเกินไป ทีมงานจึงออกแบบกันใหม่อีกครั้งโดยโยกย้ายส่วนประกอบภายในเพื่อลดขนาดโครงภายนอกเครื่อง ส่วนของรูปล่อยเสียงของลำโพง DSi ที่ทำออกมาเพียงรูเดียวในแต่ละข้าง (2 โมเดลแรกมีหลายรู)นั้นก็เป็นเหตุผลเรื่องความสวยงามที่นักออกแบบมองเรื่องความเรียบง่ายเป็นหลัก และพื้นผิวตัวเครื่องที่ดูด้านขึ้นนั้นก็มาจากการที่ไม่อยากให้เห็นรอยนิ้วมือติดบนตัวเครื่องนั่นเอง

การใส่เมมโมรี่ลงไปใน DSi นั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบเครื่องของตัวเองได้ตามใจชอบ นักออกแบบเรียกว่า "My DS" โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ไม่จำเป็นถึงขั้นต้องมีวางขายเป็นกล่อง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องคิดเลขเซลด้า หรือนาฬิกา Animal Crossing ที่จะขายในราคาต่ำมากๆ