xs
xsm
sm
md
lg

StarCraft II ปะทะ Dawn of War II

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เราจะมาเปรียบเทียบเกมวางแผนแนวไซไฟที่ทุกคนรอคอยระหว่างเกม StarCraft II และเกม Warhammer 40,000: Dawn of War II จุดมุ่งหมายก็คือต้องการให้รู้ว่าแต่ละเกมมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไม่ได้จะเปรียบเทียบว่าเกมไหนดีกว่าเกมไหน ติดตามกันได้ครับ

Blizzard เป็นชื่อที่คนเล่นเกมพีซีคงรู้จักกันดีเพราะพวกเขาคือผู้สร้างเกมซีรีส์ Warcraft อันโด่งดัง ภาคล่าสุดคือ The Frozen Throne expansion ซึ่งเป็นภาคเสริมของเกม Warcraft III: Reign of Chaos และยังเป็นผู้สร้างเกมวางแผนแบบเรียลไทม์อันโด่งดังอีกเกมนั่นคือเกม StarCraft และตัวเสริมที่ชื่อว่า Brood War หลังจากการรอคอยอันแสนยาวนานของแฟนเกมนี้ Blizzard ก็ได้ประกาศภาคใหม่ที่จะมาในอนาคตที่ชื่อว่า StarCraft II Terrans: Wings of Liberty ซึ่งก็ยังไม่มีกำหนดว่าจะออกจำหน่ายเมื่อไร ได้แต่หวังว่าจะมีข่าวดีในปีนี้

Relic ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างเกมวางแผนระดับแนวหน้า ด้วยการสร้างเกมที่มีความคิดที่แตกต่างจากแนวเดิม เริ่มต้นด้วยผลงานเกมที่มีชื่อว่า Homeworld และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้สร้างเกม Warhammer 40,000: Dawn of War และก็มีภาคเสริมตามมาอีกสามภาค จากนั้นก็ได้สร้างเกมวางแผนระดับยอดเยี่ยมอีกเกมที่ชื่อว่า Company of Heroes และปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้เราก็จะได้พบกับ Warhammer 40,000: Dawn of War II


ปีที่ผ่านมา Blizzard ได้ประกาศแบ่ง StarCraft II ออกเป็นสามภาคคือ StarCraft II Terrans: Wings of Liberty, StarCraft II Zerg: Heart of the Swarm และ StarCraft II Protoss: Legacy of the Void แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่ารายละเอียดการเล่นของทั้งสามภาคจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร รู้แต่เพียงว่าน่าจะมีให้เล่นประมาณ 20ถึง30 ฉากในโหมดผู้เล่นเดี่ยวและในโหมดผู้เล่นหลายคน แต่ละภาคก็จะมียูนิตใหม่และสิ่งก่อสร้างแบบใหม่และจะเน้นโหมดผู้เล่นเดี่ยวที่แตกต่างกันตามเรื่องราวของเผ่าพันธุ์ที่เป็นเนื้อเรื่องหลัก ส่วนโหมดผู้เล่นหลายคนก็จะมีให้เล่นทั้งสามเผ่าพันธุ์

ใน Dawn of War II ก็คล้ายกัน โหมดผู้เล่นเดี่ยวจะเน้นเนื้อเรื่องของ Space Marines และก็ยังมีเผ่าพันธุ์ให้เล่นอีกสามเผ่าพันธุ์คือ Tyranids, Orkz และ Eldar ซึ่งสามารถเลือกเล่นได้ในโหมดผู้เล่นหลายคน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีภารกิจย่อยในโหมดผู้เล่นเดี่ยวให้เล่นด้วย แต่ในตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดสำหรับส่วนนี้

เกมทั้งสองเกมนั้นมีความต่างในเรื่องของรูปแบบการเล่น สำหรับ Blizzard ในเกม StarCraft II นั้นยังคงยึดรูปการเล่นแบบดั้งเดิม แต่ก็ใส่สิ่งใหม่ลงในเกม มียูนิตใหม่พร้อมกับความสามารถใหม่และก็รูปแบบการเล่นในโหมดผู้เล่นเดี่ยวที่ให้อิสระในการเล่นมากว่าภาคเดิม เกมการเล่นแบบดั้งเดิมที่มีในเกม StarCraft II ก็คือเน้นการสร้างฐานและเก็บทรัพยากร เก็บเกี่ยวแร่และก๊าซ สร้างหุ่นก่อสร้าง สร้างส่วนอัพเกรดต่างๆ จากนั้นก็สร้างทหารและยูนิตต่างๆที่เราต้องการออกมา เน้นการบังคับอย่างละเอียดทุกส่วนในสนามรบ

ในเกม Warhammer 40,000: Dawn of War II นั้น Relic เน้นเรื่องการยึดจุดยุทธศาสตร์เป็นหลักใน โหมดผู้เล่นเดี่ยวใช้รูปแบบการเล่นที่คล้ายกับเกมแอคชันอาร์พีจีเหมือนกับที่มีในเกม Diablo และก็ยังสามารถเล่นแบบร่วมมือกันกับเพื่อนได้ด้วย เกมการเล่นจะเน้นให้ผู้เล่นเคลื่อนที่ออกไปในฉากให้มากที่สุด ยึดจุดยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มทรัพยากร การสร้างฐานก็เพื่อการพัฒนายูนิตและสร้างยูนิตใหม่เท่านั้น และต้องจัดการเรื่องของการสำรวจฉากและการจัดการเรื่องของเทคนิคในการต่อสู้แบบต่างๆ จะไม่มีการสร้างฐานในโหมดผู้เล่นเดี่ยว

การต่อสู้ในเกม StarCraft II และเกม Dawn of War II นั้นแตกต่างกัน ในเกม Dawn of War II เราจะได้เจอกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและไม่ตายตัว แต่ในเกม StarCraft II ถ้าทำอะไรก็จะได้สิ่งที่ตอบแทนกลับมาแบบเที่ยงตรงทุกครั้งเช่นเราทำแบบ X แน่นอนสิ่งที่ตามมาก็จะเป็นแบบ Y

อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างคือในเกม Dawn of War II เราสามารถเอายูนิตเข้าไปอยู่ภายในสิ่งก่อสร้างได้และใช้สิ่งของต่างๆเป็นที่กำบังได้แต่ก็สามารถทำลายได้ด้วยจรวดหรือระเบิดเช่นเดียวกับในเกม Company of Heroes ทำให้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจคาดเดาได้

ส่วนในเกม StarCraft II นั้น Blizzard ก็ได้เพิ่มรายละเอียดหลายอย่างลงในฉากไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ซึ่งมีความสูงต่ำทำให้มีผลกับกลยุทธในการเล่น มีสิ่งกีดขวางภายในฉากที่ปิดกั้นการขยายฐานแต่เราสามารถทำลายมันได้ หอคอยในฉากที่ช่วยเพิ่มระยะการมองเห็น แต่หลักส่วนใหญ่ในการเล่นก็เน้นที่การขยายฐาน ระยะการโจมตีของยูนิตต่างๆ และการเคลื่อนไหวขอยูนิตแต่ละส่วนที่ต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้มีการเพิ่มในส่วนของการมีปฏิกิริยากับฉากเหมือนกับในเกม Dawn of War II


ส่วนต่อมาก็คือเรื่องของกองทหารที่ในเกม Dawn of War II เน้นกองทหารกลุ่มเล็กแต่มีความสามารถมากมายหลายอย่างให้เลือกใช้และการบังคับก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมายแต่อย่างใด ส่วนในเกม StarCraft II เน้นการบังคับกองทหารกลุ่มใหญ่และยังต้องใช้ความสามารถในการควบคุมอย่างละเอียดอีกด้วยพร้อมทั้งเสริมด้วยยูนิตที่มีความสามารถพิเศษอย่างเช่น Ghost ของ Terran ยาน Mothership ของ Protoss และ Zerg Queen ซึ่งยูนิตเหล่านี้เพียงยูนิตเดียวสามารถทำอะไรได้หลายอย่างและบางยูนิตยังอัพเกรดย่อยๆได้อีก

ในส่วนของความสามารถพิเศษนั้นทั้งสองเกมก็มีการอัพเกรดได้เช่นเดียวกัน อาจจะได้มาจากการค้นคว้าด้านเทคโนโลยีหรือการติดตั้งอุปกรณ์อัพเกรดเฉพาะยูนิต โดยเฉพาะในเกม Dawn of War II จะเด่นชัดอย่างมากเพราะในการต่อสู้นั้นการสร้างกองทหารแต่ละกลุ่มจะได้ความแข็งแกร่งมากหรือน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความพิเศษของแต่ละเผ่าพันธุ์ด้วย

ในเกม StarCraft II ผู้เล่นยังคงต้องจดจ่อกับการคอยบังคับยูนิตแต่ละยูนิตอย่างมากแต่ในเกม Dawn of War II นั้นกองทหารจะถูกควบคุมด้วย AI ที่สามารถตัดสินใจได้ว่าเมื่อถูกโจมตีจะต้องหาที่กำบังและทำการโจมตีโต้ตอบไปอย่างเป็นอัตโนมัติเปิดโอกาสให้ใช้แนวทางในการออกคำสั่งได้อย่างหลากหลายและรูปแบบการเล่นก็ยังเป็นแบบรุกคืบไปตามที่กำบังต่างๆ

ในโหมดผู้เล่นเดี่ยวของเกม StarCraft II นั้น Blizzard ยังเน้นระบบแบบดั้งเดิมโดยคลิกเลือกไปตามเมนูหรือพูดคุยผ่านจอมอนิเตอร์แบบเดียวกับการคลิกเลือกในเมนูต่างๆของภาคแรก Jim Raynor ตัวฮีโร่ ของฝ่าย Terran สามารถที่จะไปยังส่วนต่างๆของยานอวกาศเพื่อพูดคุย วางแผนหรืออัปเกรดยูนิตและความสามารถต่างๆก่อนที่จะเดินทางไปทำภารกิจในแต่ละฉาก และการเล่นในฉากก็ยังคงรูปแบบเดิมคือสร้างและขยายฐาน สร้างยูนิตและทำลายฝ่ายตรงข้าม

เราสามารถที่จะเลือกไปยังฉากไหนก่อนก็ได้ เมื่อเล่นผ่านแล้วก็จะเป็นการปลดล็อคยูนิตใหม่และการอัพเกรดความสามารถใหม่ และสามารถเลือกเทคโนโลยีในสายที่ต้องการโดยไม่ต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังทำให้สามารถเลือกซื้อยูนิตพิเศษอย่างเช่น Wraiths และ Firebats ที่ไม่มีในโหมดผู้เล่นหลายคนมาใช้ได้หรือการอัปเกดแบบพิเศษอย่างเช่นเพิ่มจำนวนทหารในบังเกอร์จากเดิมที่ใส่ได้แค่ 4 คนให้เพิ่มเป็น 6 คน และเราก็จะเห็นการเล่นแบบนี้ในส่วนแคมเปญของฝ่าย Protoss และ Zerg ที่จะตามออกมาทีหลังด้วยเช่นเดียวกัน

ในเกม Dawn of War II เราจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆด้วยยานอวกาศ และเลือกฉากย่อยต่างๆและยึดสิ่งก่อสร้างในฉากเพื่อทำการอัปเกรดหน่วยทหาร รูปแบบการเล่นของ Relic ถูกพัฒนาขึ้นในลักษณะของเกม RTS ผสมกับเกม action RPG กองทหารที่มีให้ใช้จะมีจำนวนจำกัด และเมื่อใช้กองทหารเล่นผ่านแต่ละฉากก็จะได้รับค่าประสบการณ์และสามารถใช้แต้มประสบการณ์ที่ได้มาทำการอัปเกรดและปลดล็อคความสามารถใหม่ได้ อย่างเช่นหัวหน้าหน่วยสามารถทำการยั่วยุศัตรูให้เสียสมาธิได้หรือว่าช่วยป้องกันเพื่อนที่กำลังอยู่ในอันตรายได้

ในฉากเราจะได้รับภารกิจย่อยเช่นเดียวกับในเกม RPG เพื่อเดินทางไปยังส่วนต่างๆของฉากและรับค่าประสบการณ์และของตอบแทนเป็นไอเท็มต่างๆ การสังหารศัตรูนอกจากเราจะได้ค่าประสบการณ์แล้วเรายังได้ไอเท็มพื้นพลังชีวิตหรือไอเท็มพิเศษและไอเท็มบางอย่างที่ได้ก็จะดีมากหรือน้อยตามสีของไอเท็มเช่นเดียวกับไอเท็มที่ได้ในเกม Diablo

ของที่เก็บได้ในฉากเราสามารถนำไปสวมใส่ให้กับหน่วยทหารของเราได้ซึ่งมันจะเพิ่มพลังโจมตีหรือพลังป้องกันให้ แล้วยังมีช่องของเครื่องประดับที่สามารถเลือกใส่ได้อย่างหลากหลายเพื่อให้ได้ค่าพลังอย่างที่ต้องการ เช่น ส่วนเพิ่มเติมของชุดเกราะ, กระสุนปืนสไนเปอร์, ระเบิดมือ, กล่องพยาบาลหรือป้อมปืนเลเซอร์

จะไม่มีการสร้างฐานในโหมดผู้เล่นเดี่ยวของเกม Dawn of War II หนทางที่จะเรียกกำลังเสริมก็ด้วยการยึดสิ่งก่อสร้างต่างๆในฉากที่ป้องกันโดยฝ่ายของศัตรู ถ้าสามารถยึดได้ก็สามารถที่จะรักษาทหารที่บาดเจ็บหรือขอความร่วมมือกับกองทหารอื่นที่ไม่ได้มาร่วมกับเราในตอนแรกหรือว่าเรียกกองกำลังเสริมใหม่ๆลงมาในฉากได้

ในการเล่นแต่ละฉากอาจจะใช้เวลาราวๆ 20 นาที ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะได้เจออะไรบ้าง อาจจะต้องต่อสู้กับหัวหน้าฉาก หรือจะต้องบังคับอย่างละเอียดลออเพื่อใช้ความสามารถพิเศษต่างๆในการโจมตี และหลังจากที่จบภารกิจก็ออกจากฉากกลับไปที่ยานอวกาศของเราและก็เลือกเล่นในฉากต่อๆไป

ในโหมดผู้เล่นหลายคนของเกม StarCraft II เราจะได้ใช้ยูนิตใหม่จำนวนมากที่มีความสามารถใหม่ อย่างเช่น Protoss Colossus ที่สามารถเดินข้ามไปยังพื้นที่สูงต่ำโดยไม่ต้องอาศัยทางลาด และรูปแบบของการเล่นก็ยังคงเน้นแบบดั้งเดิมโดยการสิ่งก่อสร้างต่างๆด้วยความแม่นยำและแน่นอนเพื่อให้การขยายฐานเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สร้างความมั่นคงในการเก็บเกี่ยวทรัพยากร และสร้างกองทหารที่เต็มไปด้วยยูนิตที่แข็งแกร่ง ยิ่งบังคับยูนิตก่อสร้างได้ดีมากเท่าไรก็ยิ่งมีผลกับชัยชนะมากเท่านั้น

โหมดผู้เล่นหลายคนของเกม Dawn of War II นั้นนำเสนอการเล่นที่แตกต่าง เราจะต้องเลือกยูนิตฮีโร่ในตอนแรกที่เราเลือกเผ่าพันธุ์ ซึ่งจะมีทั้ง Force Commanders ที่เป็นยูนิตต่อสู้แท้ๆไปจนถึง Apothecary ซึ่งเป็นยูนิตที่เน้นในเรื่องของการช่วยเหลือและการรักษา ยูนิตฮีโร่สามารถเพิ่มความสามารถพิเศษ เพิ่มระดับประสบการณ์และคืนชีพได้หลังจากที่ตายเช่นเดียวกันในเกม Warcraft III


สิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวใช้สร้างยูนิตทั้งหมด การเล่นเน้นให้ผู้เล่นออกไปยังฉากให้มากที่สุด ค้นหาและยึดจุดยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มทรัพยากร หลังจากที่ยึดจุดยุทธศาสตร์สำหรับเรียกกำลังพลและจุดยุทธศาสตร์สำหรับสร้างพลังงานแล้ว ก็สามารถที่จะเริ่มสร้างยูนิตและอัปเกรดต่างๆได้ทันที การชนะในโหมดนี้ไม่ได้อยู่ที่การทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้หมดเพียงอย่างเดียว การยึดจุดยุทธศาสตร์ที่เป็น Victory Point ได้ก็สามารถที่จะชนะได้เช่นเดียวกัน

ทั้งสองเกมเน้นในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน ต่างกันก็แต่เพียงรูปแบบที่นำเสนอเท่านั้น ในเกม StarCraft II เราจะต้องสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆรอบฐาน แบ่งส่วนการค้นคว้าเทคโนโลยีออกเป็นหลายส่วน แต่ในเกม Dawn of War II นั้นใช้วิธีการพัฒนาเทคโนโลยีในสิ่งก่อสร้างเพียงแห่งเดียวแต่พัฒนาเทคโนโลยีให้กับยูนิตทั้งหมด ในเกมทั้งสองเกมถ้า่ผู้เล่นรู้จักส่วนต่างๆของฉากและการเข้าใจการพัฒนาเทคโนโลยีก็จะทำให้ผู้เล่นได้ชัยชนะในการเล่น

รายละเอียดของเกม StarCraft II อาจจะยังมีอีก เนื่องจากตัวเกมยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและยังไม่มีกำหนดออกวางจำหน่าย ส่วนเกม Dawn of War II นั้นมีกำหนดออกวางจำหน่ายในเดือน กุมภาพันธ์ปีนี้แล้วครับ และก็ยังมีตัวอย่างสำหรับโหมดผู้เล่นหลายคนให้ได้ลองทดสอบกันผ่านระบบ Steam ในวันที่ 21 มกราคมนี้ คนที่จะได้ทดสอบก่อนก็คือผู้ที่เป็นเจ้าของเกม Warhammer 40,000: Dawn of War Soulstorm และก็จะให้คนทั่วไปได้ทดสอบกันในวันที่ 28 มกราคมนี้ครับ
ข้อมูลจาก
http://pc.ign.com

กำลังโหลดความคิดเห็น