คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)) โดยให้คงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 7 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2566
วันนี้ (26 ส.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ครม. เห็นชอบให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เป็น 7% ต่ออีก 2 ปี สิ้นสุด ก.ย. 2566 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)) โดยให้คงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 7 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2566 พร้อมทั้งรับทราบมาตรการภาษีบรรเทาผลกระทบของประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID – 19 ที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการไปควบคู่กัน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ประชาชนและผู้ประกอบการและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)
นอกจากมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในครั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรได้ดำเนินมาตรการภาษีบรรเทาผลกระทบของประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปพร้อมกัน ดังนี้
1. ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เงินหรือสภาพคล่องอยู่ในมือประชาชนและผู้ประกอบการให้ยาวนานขึ้น และเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้งานบริการของภาครัฐให้ประชาชนสามารถติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องเดินทางไปติดต่อ ณ สำนักงาน โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการสาธารณะ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ทุกคนอยู่บ้านภายใต้แนวคิด “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการฯ จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้อยู่ในมือประชาชนและผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจประมาณ 181,221 ล้านบาท ได้แก่
(1) ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการฯ และชำระภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด. 50 ภ.ง.ด.52 และภ.ง.ด.55) งบการเงิน และ Disclosure Form จากภายในวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 22 กันยายน 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 23 กันยายน 2564
(2) ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการฯ และชำระภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2564 (ภ.ง.ด.51) จากภายในวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 22 กันยายน 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 23 กันยายน 2564
(3) ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการฯ และชำระภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี สำหรับปีภาษี 2564 (ภ.ง.ด.94) จากภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564
(4) ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการฯ และชำระภาษี ภาษีเงินได้ หัก ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 และภ.ง.ด.54) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30 และ ภ.พ.36) และภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40) จากภายในวันที่ 7 หรือ 15 ของเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 29 ตุลาคม 2564 30 พฤศจิกายน 2564 และ 30 ธันวาคม 2564
2. งดหรือลดเบี้ยปรับสำหรับกรณีที่ประชาชนและผู้ประกอบการไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการฯ ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะภายในกำหนดเวลา หรือยื่นแบบแสดงรายการฯ ผิดพลาด สำหรับแบบที่ต้องยื่นภายในเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 ตามลำดับ โดยหากยื่นแบบฯ ภายใน 3 เดือน นับแต่พ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบฯ ที่ได้ขยายออกไปข้างต้นจะได้รับการงดหรือลดเบี้ยปรับ โดยงดเบี้ยปรับเมื่อชำระภาษีและเงินเพิ่มครบถ้วน และลดเบี้ยปรับในอัตราต่ำสุดร้อยละ 2 เมื่อชำระภาษีไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของภาษีที่ต้องชำระ
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้ลดค่าปรับทางอาญากรณีดังกล่าวให้เหลืออัตราต่ำสุด โดยหากมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ลดเหลือ 1 บาท หากมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ลดเหลือ 2 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากค่าปรับทางอาญาเป็นการเปรียบเทียบปรับแทนการฟ้องร้องดำเนินคดี จึงไม่อาจงดค่าปรับให้ได้
ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี