กรณีการประกาศฐานะการเงินประเทศไทย ขาดทุน 1.069 ล้านล้านบาท และนำมารวมเป็นหนี้สาธารณะของประเทศ โดยอ้างถึงผลกระทบต่อผู้เสียภาษีอากรนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงว่า รายงานที่ราชกิจจาฯ ประกาศ เป็นการแสดงรายการงบการเงินของแบงก์ชาติ และเป็นธุรกรรมที่เกิดจากการทำหน้าที่ปกติของธนาคารกลาง ในการดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจ จึงไม่ถือเป็นหนี้สาธารณะของประเทศแต่อย่างใด
วันนี้ (23 พ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลว่า ตามที่มีการโพสต์และแชร์ข้อความในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ราชกิจจาฯ ประกาศ ฐานะการเงินประเทศไทยขาดทุนสะสม 1.069 ล้านล้านบาท ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการประกาศราชกิจจาฯ ว่าเป็นการประกาศฐานะการเงินประเทศไทย ที่ขาดทุนสะสมมูลค่ากว่า 1.069 ล้านล้านบาท และนำมารวมเป็นหนี้สาธารณะของประเทศ โดยอ้างถึงผลกระทบต่อผู้เสียภาษีอากรนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า รายงานดังกล่าวที่ราชกิจจาฯ ประกาศ เป็นการแสดงรายการงบการเงินของแบงก์ชาติ และเป็นธุรกรรมที่เกิดจากการทำหน้าที่ปกติของธนาคารกลาง ในการดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจ จึงไม่ถือเป็นหนี้สาธารณะของประเทศแต่อย่างใด
โดยฐานะการเงินของธนาคารกลางเป็นผลจากการทำหน้าที่ตามพันธกิจ ซึ่งในแต่ละปีอาจเกิดกำไรและขาดทุน เช่น จากการตีราคาสินทรัพย์ต่างประเทศเป็นเงินบาท และจากต้นทุนการออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่อง เป็นต้น ซึ่งตัวเลข 1.069 ล้านล้านบาท เป็นผลการขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้นหลายปีไม่ใช่ของปีนี้ปีเดียว ดังนั้นหนี้สินในงบการเงินของแบงก์ชาติ ไม่ถือเป็นหนี้สาธารณะของประเทศ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติเช่นเดียวกันทั่วโลก ตามนิยามของ IMF ที่กำหนดมาตรฐานการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจการเงินเพื่อการเปรียบเทียบและติดตามการทำนโยบายของสมาชิก
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bot.or.th หรือโทร. 1213
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : รายงานดังกล่าวที่ราชกิจจาฯ ประกาศเป็นการแสดงรายการงบการเงินของแบงก์ชาติ ซึ่งผลขาดทุนสะสมแบงก์ชาติ ไม่ถือเป็นหนี้สาธารณะของประเทศ
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง