กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่า หากเกิดแผลแล้วรับประทานไข่ จะทำให้เกิดแผลเป็นนูนนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ชี้แจงว่า การรับประทานไข่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผลเป็นนูน ระหว่างเกิดบาดแผลสามารถรับประทานไข่ได้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งการดูแลแผลอย่างถูกวิธี และการนวดบริเวณแผลเป็นเป็นประจำในระหว่าง 6 เดือนแรกจะช่วยลดการขยายตัวและการนูนตัวของแผลเป็นได้
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง รับประทานไข่ทำให้แผลเป็นนูน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่า หากเกิดแผลแล้วรับประทานไข่ จะทำให้เกิดแผลเป็นนูนนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ชี้แจงว่า การรับประทานไข่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผลเป็นนูน ระหว่างเกิดบาดแผลสามารถรับประทานไข่ได้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยแผลเป็นนูนมี 2 ชนิด คือ 1. แผลเป็นนูนเกิน ที่แผลจะนูนขึ้นมาแต่ไม่ขยายเกินขอบเขตของบาดแผล เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถกลับมาใกล้เคียงกับแผลเป็นปกติได้ภายใน 1 ปี ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และ 2. แผลเป็นคีลอยด์ แผลจะนูนขึ้นมา และขยายเกินขอบเขตของบาดแผล เมื่อเกิดขึ้นแล้วแผลจะนูนและใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลา ซึ่งแผลเป็นชนิดนี้มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป อีกทั้งพันธุกรรมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลเป็นคีลอยด์เช่นกัน
แผลเป็นสามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น ผ่าตัด ใช้สเตียรอยด์แบบฉีด ซึ่งวิธีเหล่านี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ สำหรับวิธีที่สามารถดูแลแผลเป็นด้วยตัวเอง ทำได้ด้วยการใช้แผ่นแปะลดรอยแผลเป็นได้แก่ แผ่นซิลิโคน (Silicone) ใช้หลังเกิดแผลสดหายดีแล้ว โดยปิดแผลเป็นตลอด 24 ชั่วโมงนาน 3 เดือน, แผ่นเทปเหนียว (Microporous) ใช้ปิดลงบนแผลเป็น โดยอุปกรณ์ทั้งสองชนิดนี้จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ สามารถซื้อและขอรับคำปรึกษาในการใช้แผ่นแปะลดรอยแผลเป็นจากเภสัชกรได้ตามร้านขายยาทั่วไป เพราะการดูแลแผลอย่างถูกวิธี และการนวดบริเวณแผลเป็นเป็นประจำในระหว่าง 6 เดือนแรก จะช่วยลดการขยายตัวและการนูนตัวของแผลเป็นได้
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556 และสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การรับประทานไข่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผลเป็นนูน ระหว่างเกิดบาดแผลสามารถรับประทานไข่ได้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งการดูแลแผลอย่างถูกวิธี และการนวดบริเวณแผลเป็นเป็นประจำ ในระหว่าง 6 เดือนแรกจะช่วยลดการขยายตัวและการนูนตัวของแผลเป็นได้