"เมญ่า" พึ่งนักบำบัดทันก่อนเป็นโรคซึมเศร้า สถานการณ์ครอบครัวกลับมาดีเหมือนเดิม ไม่ใช่การฝืน ให้อภัยดีที่สุด แต่ขู่ทำดีก็อยู่ ไม่ดีก็ไม่อยู่ จิตตกลูกถูกหมากัดหน้า เห็นหมาแล้วระแวง
กลับมาเมืองไทยได้ไม่ทันไร ก็ออกอีเวนต์รับทรัพย์กันรัวๆ สำหรับ "เมญ่า นนธวรรณ บรามาซ" โดยเจ้าตัวเผยว่าตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวดีเหมือนเดิมแล้ว ที่ผ่านมาแค่ห่างกัน เป็นการถอยเพื่อประคอง ตอนนี้ทุกอย่างแฮปปี้ พร้อมเปิดใจเรื่องที่ทำให้จิตตกต้องพึ่งนักบำบัด
“ก็ดีค่ะ ปกติดีค่ะ ไม่ได้หย่าตั้งแต่แรก แค่อยู่ในช่วงที่ห่างกันเฉยๆ เมื่อปีที่แล้ว และก็เป็นการคุยกันปกติว่าเอายังไงไหวหรือเปล่า มันเป็นเรื่องของช่วงเวลาด้วยนั่นแหละค่ะ ช่วงโควิด-19 ช่วงที่ 5-6 เดือนเราต่างคนต่างไม่ได้กลับมาเจอกัน ซึ่งพอได้เจอปุ๊บก็โอเคค่ะ ดีเลย รวมถึงตอนที่เกิดอุบัติเหตุกับลูกด้วย กรณีที่เขาโดนหมากัดกับไหปลาร้าหัก ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นแล้ว ลูกก็กลับมาเป็นปกติ มีรอยแผลเป็นนิดๆ หน่อยๆ
ตอนที่เห็นแม่ดาวน์เยอะเลยค่ะ กว่าจะกลับมาหัวเราะได้ยิ้มได้ หรือกว่าจะกลับมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ก็ต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะมันก็กระทบจิตใจพอสมควร”
เผยหมาหวงสามีเลยกัดหน้าลูก
“ถ้ากรณีหมากัด ตอนนั้นก็เป็นจังหวะที่ญ่ากำลังทำกับข้าวอยู่ค่ะ ส่วนลูกก็อยู่กับพ่อ แต่เหมือนว่าพี่หมาเขาเดินตามลูกญ่าเข้าไปในห้องที่พ่อเขาโทรศัพท์อยู่ และมันก็น่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่าง แต่เท่าที่สอบถามคือลูกก็ไม่น่าจะไปทำอะไรพี่หมาอยู่แล้ว น่าจะเป็นในลักษณะของพี่หมาเขาหวงพ่อมากกว่าก็เลยกัดลูกที่หน้า
จริงๆ หมาอยู่มานานแล้วค่ะ แต่น่าจะเป็นเพราะเราไปๆ มาๆ ด้วยแหละค่ะพี่หมาเขาเลยไม่ค่อยชิน ซึ่งตอนนี้จากที่พูดคุยกับสามีเราก็สรุปว่าให้เขาแยกพื้นที่กัน”
ทะเลาะเพราะแย่ เคยเตือนแล้ว
“ไม่เชิงทะเลาะหรอกค่ะ แต่เหมือนเรารู้สึกแย่มากกว่า เพราะญ่าเคยบอกแล้วว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ญ่ากลัวที่สุดและก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งพอมันเกิดปุ๊บเราก็บอกไปว่าเราเตือนแล้ว ส่วนทางสามีเองก็โอเคเขาก็ยอมรับว่าคงต้องแยกแล้วจริงๆ”
รับร้องไห้หนักมาก กลัวลูกเป็นแผลเป็น
“กลัวอยู่แล้วค่ะ กลัวตั้งแต่เกิดเรื่องเลย ที่แม่ร้องไห้หนักก็เพราะกลัวลูกเป็นแผลเป็นนี่แหละ ทุกคนที่รู้ข่าวก็เป็นห่วง ทุกข์มากค่ะ ซึ่งพี่หมาที่บ้านเขาฉีดยาเป็นปกติอยู่แล้วค่ะเรื่องนี้ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร จะมีก็แค่รักษาแผลในช่วงนั้นตามอาการ”
เห็นหมาแล้วระแวงกว่าลูก
“ไม่เลยค่ะ ลูกหนูไม่กลัวหมาเลย แฮปปี้กับพี่หมาด้วยซ้ำ ยังอยากเล่น ยังอยากกอด ยังอยากจูบพี่หมาเหมือนเดิม มีแต่เรามากกว่าที่เวลาเห็นหมาก็จะรีบอุ้มลูกขึ้นสูงๆ เอาลูกก่อน แม่ระแวงกว่าลูกค่ะ”
ชีวิตครอบครัวกลับมาแฮปปี้แล้ว
“โอเคนะคะ แฮปปี้ค่ะ กลับไทยกักตัวเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าออกมายืนต่อหน้าพี่ๆ (หัวเราะ) กักตัวไปทั้งหมด 16 วันสวยๆ และสาเหตุที่กลับมาก็เป็นเพราะว่ามาร่วมงานแต่งเพื่อน งานแต่งแก้ว ก็เลยยอมกักตัวยอมอยู่นี่แหละ
ตอนแรกสามีก็อยากตามมาค่ะ แต่เขาเองก็ต้องดูตารางอะไรหลายๆ อย่างของเขาด้วย รวมถึงเรื่องของพี่หมา ใครจะมาช่วยดูแลพี่หมาให้เราได้บ้างในช่วงที่เรามาไทย สถานะครอบครัวตอนนี้เหมือนเดิมปกติไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ
ก่อนหน้านี้มีปัญหา ก็เคยอัปเดตไปแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นช่วงที่เราต่างคนต่างถอยเพื่อดูว่าอะไรเป็นยังไง และญ่าเองก็พูดชัดเจนมาตลอดว่าเราไม่ได้หย่า เราแค่ถอยห่างออกมาเฉยๆ”
รักไม่ราบรื่นเป็นเรื่องปกติชีวิตคู่ ถอยออกมาเพื่อประคับประคอง ไม่อยากแตกหัก
“มันเป็นทุกคนแหละค่ะ แต่อยู่ที่ว่าในช่วงเวลานั้นเราจะรักษาจิตใจของตัวเองได้มากแค่ไหน หรือถ้าหากเราอยู่ตรงนั้นแล้วเราทุกข์มาก เราก็คงต้องเลือกสักทางเหมือนกันเพื่อให้เราสามารถรักษาความสัมพันธ์ให้ดีกว่านี้ ซึ่งถ้าสมมติว่าตอนนั้นญ่าตัดสินใจหนักกว่านี้ วันนี้เราก็คงไม่สามารถกลับมาสานสัมพันธ์กันได้ ญ่ามองว่ามันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคน เรื่องของอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัวค่ะ
ไม่เชิงว่าเพราะลูกค่ะ แต่มันเป็นลักษณะภาพรวมมากกว่า ถ้าหากญ่าไหวญ่าก็กลับได้ แต่จุดนั้นถ้าไม่ไหวญ่าก็ออกมาอีก คือมันเกิดขึ้นได้ตลอด ญ่ามองว่าการที่ญ่าถอยออกมาในตอนนั้นมันก็คือการประคับประคองนั่นแหละ ญ่าทำเพื่อไม่ให้มันเกิดการแตกหักที่ยิ่งใหญ่”
ไม่ใช่การฝืน ให้อภัยดีที่สุด แต่ขู่ทำดีก็อยู่ ไม่ดีก็ไม่อยู่
“ถ้าญ่าฝืน ญ่าก็ไม่ทำหรอกค่ะ เป็นการให้อภัยกันมากกว่าค่ะ ให้อภัยเขาได้แล้ว ถ้ามันเกิดอีก ทางนั้นเองเขาก็น่าจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะญ่าก็เคลียร์กับเขาแล้วว่าถ้ามันมีอีก หรือถ้าญ่าไม่ไหว ญ่าก็อาจจะต้องเลือกทางอื่น ถามว่าเขารับปากไหม เขาก็พยายามนะคะ พยายามมากๆ อยู่ และตัวเราเองก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ถ้าทำดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็ไม่อยู่
ถามว่าเขาง้อเรายังไง ก็ปกตินั่นแหละค่ะ เราก็ให้โอกาสกัน เราไม่คิดถึงเรื่องเก่าแล้ว เราโฟกัสแค่ว่าเราจะทำยังไงให้ครอบครัวเรามีความสุข ให้ลูกอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข”
สามีโทรศัพท์หาทุกวัน
“เขาโทร.หาทุกวันค่ะ และลูกก็ไม่ค่อยสนใจพ่อแล้ว ลูกจะเล่นอย่างเดียว (หัวเราะ) เรากลับวันที่ 3 มีนาคม ช่วงนี้ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำงานเต็มที่ กลับมารับงาน ที่โน่นไม่ต้องกักค่ะ ที่โน่นชิลกันมาก ติดวันละ 20,000-30,000 คน
เอาจริงๆ ญ่าผ่านพ้นวิกฤตมาได้เพราะเราทำตามกฎค่ะ เราต้องรักษาตัวเอง และก็ระวังความเจ็บป่วยของคนอื่นด้วย เราต้องไม่แพร่เชื้ออะไรให้เขา หรือถ้าเราไปที่ชุมชนเราก็ต้องระวังตัวนิดหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างมีสติและเคารพสิทธิ์ของแต่ละคน”
จิตตกถูกด่าบ้าเล่นติ๊กต่อกจนลูกหมากัด ต้องพึ่งนักบำบัด
“ก็ตามนั้นแหละ คือเรื่องของลูกจริงๆ มันเกิดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่ญ่าเพิ่งจะมาโพสต์ว่ามันเกิดเหตุการณ์โน่นนั่นนี่ประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งคนที่เขาเห็นข่าวเขาก็ไม่ได้ดูหรอกค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนไหน เขาดูแค่ว่าลูกโดนหมากัด จากนั้นเขาก็เลยสันนิษฐานกันต่อไปว่าแม่น่าจะเล่นแต่ติ๊กต๊อกเลยไม่สนใจลูก
ซึ่งสำหรับตัวญ่าเองกว่าที่จิตใจญ่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้มันก็ใช้เวลาหลายเดือน ที่เห็นว่าญ่าหายไปจากติ๊กต่อกไม่ใช่เพราะไม่อยากให้แฟนคลับได้ดู แต่มันเป็นเพราะญ่านอยด์ญ่าจิตตกจนต้องพึ่งนักบำบัด”
รับเกือบเป็นโรคซึมเศร้า แต่ปรึกษานักบำบัดทันเวลา
“เกือบค่ะ ถ้าหาไม่ทันก็คงซึม แต่รักษาไม่นานเพราะได้เข้าไปปรึกษากับนักบำบัดทันพอดี ตอนนี้แฮปปี้ค่ะ เข้าใจ ก็มองว่าแบบช่างมันเถอะ เราเข้าใจแล้วว่าเราทำดีที่สุดแล้ว”