การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ประกาศทิศทางการพัฒนาระบบทางพิเศษ ครั้งสำคัญ เนื่องในโอกาสครบรอบ 53 ปี มอบแคมเปญพิเศษ คืนค่าผ่านทาง 50% ตอบแทนลูกค้า Easy Passและมุ่งยกระดับการให้บริการรองรับอนาคตการเดินทางของประเทศโดยเตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไร้คนขับผ่านระบบสื่อสารอัจฉริยะ V2X (Vehicle-to -Everything) ควบคู่กับการปรับลดจำนวนช่องเงินสด และเพิ่มช่องทางชำระค่าผ่านทางอัตโนมัติ Easy Pass ให้ได้ 70 % ภายในปี 2570 เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และลดความแออัดบริเวณหน้าด่านสำหรับผู้ใช้ทางพิเศษทั่วทุกสายทาง
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ประธานกรรมการ กทพ. กล่าวเนื่องในโอกาสครบรอบ 53 ปี กทพ. ว่า“ตลอดระยะเวลา 53 ปีที่ผ่านมา กทพ. ได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน และแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมถึงการขยายโครงข่ายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมสนับสนุน กทพ. ในการผลักดันการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อให้โครงข่ายคมนาคมสมบูรณ์และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง”
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า “การครบรอบ 53 ปี คือ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคทางพิเศษอัจฉริยะ กทพ. มุ่งพัฒนาระบบรองรับยานยนต์ไร้คนขับและปรับลดช่องเงินสดให้เหลือเท่าที่จำเป็น เพื่อลดเวลารอคิวบริเวณหน้าด่านฯ สร้างประสบการณ์เดินทางที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าเร่งก่อสร้างโครงการทางพิเศษบนถนนพระราม 2 และพัฒนาโครงทางพิเศษข่ายในส่วนภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนและผู้ใช้ทางพิเศษได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และในโอกาสครบรอบ 53 ปี ขอมอบสิทธิประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการกับ แคมเปญพิเศษ คืนค่าผ่านทาง 50% สำหรับผู้ใช้ Easy Pass เท่านั้น ในวันที่ 6 มกราคม 2569 เวลา 00.01–23.59 น. ครอบคลุมทางพิเศษทั้ง 7 สายทางของ กทพ. โดยระบบจะคืนเงินให้แบบ real-time พร้อมแจ้งเตือนผ่าน App. Exat Portal สำหรับผู้ที่ผูกบัญชีไว้ และสามารถตรวจสอบยอดการเติมเงินผ่าน Mobile Application และ www.ThaiEasyPass.com ได้ทันที”
ในด้านความคืบหน้าของโครงการก่อสร้าง กทพ. ได้เร่งรัดการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ซึ่งมีความก้าวหน้าของการดำเนินงาน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ร้อยละ 92.13 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569 กทพ. ให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบ นอกจากจะให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรมละความปลอดภัย ยังมีการบูรณาการกับกรมทางหลวง เพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกันและเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างทางพิเศษของ กทพ. กับ ทางยกระดับของกรมทางหลวง ได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ กทพ. พร้อมเดินหน้าโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายกะทู้–ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีการดำเนินงาน 2 ระยะ ดังนี้
โครงการทางพิเศษสายกะทู้–ป่าตอง ระยะที่ 1 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ กทพ. ดำเนินก่อสร้างเป็นทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง (สำหรับรถยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง) ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร และมีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลางของแนวสายทาง (อุโมงค์ มีระยะทาง 1.85 กิโลเมตร) ด้วยรูปแบบการออกแบบควบคู่การก่อสร้าง (Design & Build) และวงเงินลงทุน 10,964.77 ล้านบาท เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุ และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของจังหวัดภูเก็ตให้ทันสมัยและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน กทพ. อยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกผู้รับจ้างในการก่อสร้าง ซึ่งหากได้ผู้รับจ้างฯ แล้ว คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2573
ในส่วนของระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กม. คาดว่าจะนำเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติภายในปี 2569 นี้ ซึ่งหากโครงการทางพิเศษสายกะทู้–ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ทั้ง 2 ระยะ แล้วแสร็จสมบูรณ์ จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ช่วยลดเวลาเดินทางและเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนได้
กทพ. จะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลและยกระดับโครงข่ายทางพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเดินทางอย่างปลอดภัย คล่องตัว และยั่งยืนสำหรับประชาชนทั่วประเทศ


