มูลนิธิ Overseas Compatriot Culture and Education Foundation (OCCEF) ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล “10 เยาวชนดีเด่นชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ครั้งที่ 6” โดย ชิต ลี (เต๋อ) ผู้ก่อตั้งสื่อภาษาจีนในประเทศไทย VisionThai 看見泰國 ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 20 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีปทั่วโลก
ชิต ลี วัย 40 ปี เริ่มต้นเส้นทางอาชีพจากวิศวกรซอฟต์แวร์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากไต้หวัน ประจำประเทศไทย ก่อนจะก้าวสู่การเป็นผู้ก่อตั้งสื่อ ปัจจุบันเขาได้ดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี พร้อมวางแผนและจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศเกือบพันครั้ง อีกทั้งยังศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตร GEMBA ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 19 ของเอเชียตามผลการจัดอันดับจาก QS World University Ranking ปี 2025 ในกลุ่ม Global MBA นอกจากนี้ ในปี 2023 เขาในฐานะตัวแทนสื่อภาษาจีนโพ้นทะเล ยังได้รับเชิญเข้าพบอดีตประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ในฐานะที่เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมไต้หวันเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประสบความสำเร็จในการพา Vision Thai 看見泰國 ก้าวไกลอย่างสง่างามจาก “การทำให้ผู้คนมองเห็นประเทศไทย” ไปสู่ “การทำให้โลกได้มองเห็นไต้หวัน”
ปี 2023 ชิตลีผู้ก่อตั้ง VisionThai看見泰國ในฐานะตัวแทนสื่อภาษาจีนโพ้นทะเลได้รับเชิญกลับไต้หวันเข้าพบประธานาธิบดีไช่อิงเหวินในขณะนั้น
เกือบพันโปรเจกต์เชื่อมโยงไต้หวัน-ไทย “ชิต ลี”ผู้ผลักดันความร่วมมือสำคัญ
“VisionThai 看見泰國” สื่อภาษาจีนในไทยที่ก่อตั้งโดยชิต ลี ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มสื่อเพียงหนึ่งเดียวจากไต้หวันที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยเป็นภาษาจีนเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการตลาดบูรณาการระหว่างประเทศ สนับสนุนธุรกิจไทยในการบุกเข้าสู่ตลาดกลุ่มผู้ใช้ภาษาจีน ควบคู่ไปกับการเป็นกำลังสำคัญของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไต้หวันในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ
ปี 2024ชิตลีในฐานะผู้นำคณะผู้แทนไทยนำคณะเข้าร่วม Smart City Summit & Expoและเข้าพบรองประธานสภานิติบัญญัติไต้หวัน
จาก “มองเห็นประเทศไทย” สู่ “ประเทศไทยมองเห็นเรา” ความสำเร็จในวันนี้เกิดจากการไม่ขีดจำกัดตัวเองและไม่ยอมแพ้ ควบคู่ไปกับการลงมือทำอย่างจริงจัง ชิตลี กล่าวว่า “ผมอยากให้คนไต้หวันหลาย ๆ คนได้เห็นถึงทุกความเป็นไปได้ของอนาคตผ่านตัวผม จากการเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีทรัพยากรหรือเครือข่ายใด ๆ แต่ก็สามารถสร้างธุรกิจในต่างแดนได้สำเร็จ เปลี่ยนสิ่งที่ ‘Impossible’ ให้กลายเป็น ‘I'm Possible’ และนำทรัพยากรต่าง ๆ มาสู่ไต้หวัน สร้างคุณค่าให้กับบ้านเกิด”
จากวัยเด็กที่ยากลำบาก สู่ผู้บริหารบริษัทข้ามชาติ
ชิต ลี (เต๋อ) เกิดในปี 1984 ที่กรุงไทเป ครอบครัวมีฐานะยากจน ในช่วงวัยเด็ก เนื่องจากธุรกิจของพ่อแม่ประสบปัญหา เขาต้องย้ายบ้านถึง 6 ครั้ง และเริ่มช่วยทำงานบ้านตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบากนี้ทำให้เขาเคยถูกกลั่นแกล้งจนทำให้ขาซ้ายหัก แต่ประสบการณ์เหล่านี้ก็ได้หล่อหลอมให้เขามีความเข้มแข็งและอดทน เมื่ออายุ 9 ขวบ เขาเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์และเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ด้วยตนเอง ในช่วงมัธยมปลาย เขาเคยแต่งหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่แชร์กับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นนำเขาสู่เส้นทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 ชิต ลี ต้องรับความท้าทายจากการถูกส่งตัวมาประจำการที่ประเทศไทยในฐานะวิศวกรซอฟต์แวร์ ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากไต้หวันในเวลาต่อมา จนกระทั่งในปี 2014 เขาและภรรยาชาวไต้หวัน แองเจิ้ล เฉิน ผู้คลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล ได้เริ่มต้นจากศูนย์ก่อตั้งสื่อภาษาจีนในไทย VisionThai 看見泰國 ขึ้นมาและเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกลุ่มธุรกิจ VT ซึ่งครอบคลุมบริการ MICE การตลาดระหว่างประเทศ และบริการด้านไอทีแบบครบวงจร รวมถึงคอยช่วยเหลือสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและบริษัทชั้นนำในการขยายตลาดสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเป็นสะพานเชื่อมให้ธุรกิจไทยเข้าถึงตลาดกลุ่มผู้ใช้ภาษาจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
ชิตลีเริ่มต้นจากศูนย์ก่อตั้งสื่อและสร้างเครือข่ายธุรกิจการตลาดระหว่างประเทศ
คว้ารางวัล 10 เยาวชนดีเด่นชาวจีนโพ้นทะเลต้นแบบความมุ่งมั่นของเยาวชนไต้หวันในต่างแดน
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 11 ปีของการก่อตั้ง VisionThai 看見泰國 จากจุดเริ่มต้น “มองเห็นประเทศไทย” สู่“ประเทศไทยมองเห็นเรา” ชิต ลี ยังคงนำทีมก้าวไปสู่เป้าหมาย “ให้โลกมองเห็นไต้หวัน” โดยมูลนิธิ Overseas Compatriot Culture and Education Foundation (OCCEF) จะจัดพิธีมอบรางวัลนี้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 เพื่อเชิดชูเยาวชนผู้มีวิสัยทัศน์และมีเป้าหมายในการก้าวไปสู่เวทีโลก
สิบปีแห่งความพากเพียร ชิต ลี ได้พิสูจน์แล้วว่า แม้เกิดมาในครอบครัวที่ยากลำบาก หากมีความมุ่งมั่นและยึดมั่นในอุดมการณ์ ก็สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ชีวิตของเขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดของเยาวชนไต้หวัน และจุดประกายความหวังให้เยาวชนที่มีความฝันที่จะ “ก้าวสู่โลกกว้าง และเปล่งประกาย” ดังคำที่เขากล่าวไว้ “เปลี่ยน Impossible ให้เป็น I'm Possible” นี่คือการแสดงออกถึงจิตวิญญาณความเข้มแข็งของไต้หวันบนเวทีโลก
