xs
xsm
sm
md
lg

“น้ำฝน เพชรปวีณ์” แม่ที่สู้เพื่อลูก ยันฟ้องผัวไฮโซตระกูลเจ้าสัวให้เซ็นรับรองบุตร ไม่ได้หวังมรดก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ “น้ำฝน เพชรปวีณ์” อดีตนางงาม โดนผัวไฮโซทำร้ายร่างกาย ไม่รับรองบุตรเข้าตระกูลเจ้าสัว รับชะตากรรมเหมือนเป็นเมียน้อย-เมียหลวงในคราวเดียวกัน! ยันไม่ได้ฟ้องหวังมรดก

“น้ำฝน เพชรปวีณ์ หิรัญกุลชัชวาล” Mrs. Thailand 2022 อดีตนางงาม วันนี้ออกมาเผยความคืบหน้าคดีฟ้องสามีไฮโซตระกูลเจ้าสัวเพื่อให้เซ็นรับรองบุตรให้ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากอีกฝ่ายไม่ยอมรับ หนำซ้ำออกอุบายให้ไปหาสามีเก่า โบ้ยให้ลูกในท้องเป็นลูกสามีเก่า กระทั่งวันหนึ่งโป๊ะแตก กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว อยู่ๆ สามีที่เป็นไฮโซกลับเข้ามาในชีวิต อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา สุดท้ายสามีคนนี้ไม่รับรองบุตร และทำร้ายร่างกาย น้ำฝนเปิดใจหมดเปลือกผ่านรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ มาพร้อม ทนายกุ้ง อำนวยพร มณีวรรณ์ ดำเนินรายการโดย “หมิว อุบลรัตน์ เถาว์น้อย” ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00 -14.45 น. ทางช่องท็อปนิวส์

เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร เล่าที่มาที่ไป รู้จักสามีที่เป็นไฮโซได้ยังไง?
น้ำฝน : เรารู้จักกัน เจอกันด้วยบังเอิญ เหมือนพรหมลิขิต เจอกันบนเครื่อง เราเดินทางไปลำปาง บ้านเกิด เขาก็ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น เราได้เจอกันด้วยความบังเอิญและคบกัน ไม่ได้แต่งงาน ที่บ้านไม่รับรู้เลย

วันนึงตั้งท้องเราบอกสามียังไง และสามีตอบกลับมายังไง?
น้ำฝน : เราก็ดีใจนะคะ เราจะเป็นคุณแม่ ดีใจมาก เราก็โทรไปบอกเขาว่าเราตั้งท้องนะ แล้วสิ่งที่ฝนได้รับตอบกลับครั้งแรกคือ ทำไม เราก็อ้าว ไม่ดีใจเหรอ ทุกอย่างดำเนินด้วยความรัก ไม่มีเรื่องบาดหมางใจกันตลอด เราคบกัน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน จนเราตั้งท้อง ก็บอกเขาไปเลย จะให้เขารู้ว่าจะมีลูกแล้วนะ แต่เขาไม่ดีใจกับเรา

ช่วงคบกัน พ่อแม่สามีทราบมั้ย?
น้ำฝน : น่าจะไม่ทราบค่ะ ตอนคบกันก็เปิดเผยนะคะเขาก็พาเราไปรู้จักเพื่อนของเขา พยายามพาไปที่บ้านตอนพ่อแม่เขาอยู่ อาม่าอยู่ พยายามให้เรารู้จักกับครอบครัวเขา แต่มีเหตุบังเอิญหรือสถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าได้บางทีพ่อแม่เขาก็ไม่อยู่

อะไรทำให้เขาไม่พร้อมรับเด็กเป็นลูก?
น้ำฝน : ฝนก็ไม่แน่ใจ เราไม่ทราบเบื้องหลังครอบครัวเขา ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขามาพูดครั้งนึงตอนอยู่ต่อหน้าคุณหมอ เขาอยากทราบว่าท้องจริงหรือเปล่า เขาก็ไม่ได้พูดว่าจะไม่รับ เขาแค่เฉยๆ ไปก่อน เขาพาไปรพ.เซ็นต์หลุยส์ ไปคุยกับคุณหมอว่าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณหมอก็นับวันปกติ แต่มาช่วงที่จบประโยคสุดท้ายของคุณหมอ เขาบอกว่ายุติการตั้งครรภ์ได้มั้ย พูดต่อหน้าเลย เรารู้สึกแย่มาก ร้องไห้ว่าทำไมคุณถึงมีจิตใจเช่นนี้ ปกติที่คบกันมา คุณจิตใจดีมาก คุณอยากรับเลี้ยง ดูแลชีวิตเรา หลังเราผิดพลาดกับสามคนเก่ามาแล้ว รพ.ก็ไม่มีทางทำให้ เขาก็ถามว่าทำไมอยากเป็นเช่นนั้น เขาบอกเหตุผลว่าทางฝนได้ทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว อาจมีอันตรายหรือมีผลต่อเด็ก หมอบอกว่าไม่มีผลนะครับ ตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ไม่ทำให้เด็กเสียหาย หรือผิดพลาด

หลังรพ.ไม่ทำแท้งให้ สามีทำยังไงต่อ?
น้ำฝน : เขาขออีเมล์คุณหมอ อยากทำให้ได้ค่ะ เรากลับมาเขาก็คะยั้นคะยอ บอกว่าเอาออกได้มั้ย เรื่องนี้เขาไม่ทันตั้งตัว เราก็อ้าว แต่ตอนนั้นคุณตั้งใจทำนะ

เหตุผลอะไรที่เขาไม่พร้อมมีลูกกับเรา?
น้ำฝน : เราไม่แน่ใจค่ะ ว่าเบื้องหลังคืออะไร เราก็ถามว่าทำไม เขาบอกเอาออกเถอะ เขาพูดหลายรอบมาก จนเราบอกว่าไปเหอะหยุดการติดต่อไปเลย คุณไม่รับไม่เป็นไร ฉันจะเลี้ยงลูกของฉันเอง

คุณฝนไม่ได้ทำแท้ง สเต็ปถัดมา เขาออกอุบายให้คุณฝนไปหาแฟนเก่า?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ ยังไงเขาก็ไม่รับเลี้ยงแล้ว เขาบอกเราผิดเงื่อนไข ถ้าเราเอาลูกออกเขาก็จะดูแลต่อ ซึ่งเราก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้น จิตใจเขาก็แย่มากแล้ว ที่ทำกับลูกแบบนี้ เราก็กลัวเรื่องบาปกรรมด้วย การที่จะเอาเด็กออก มันเป็นบาปเป็นกรรม ถ้าคุณไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ฉันจะใช้ชีวิตของฉันเอง เขาก็ออกอุบายว่าไปใช้ชีวิตกับสามีเก่ามั้ย ให้ทำยังไงก็ได้ให้เขารับว่าลูกในท้องเป็นลูกของยู

แลกกับผลประโยชน์อะไรมั้ย?
น้ำฝน : ไม่มีเลยค่ะ เขาเหมือนตัดพวกเราไปเลย เหมือนลอยตัวไปเลย

ไม่โวยวายหรืออาละวาดเหรอ?
น้ำฝน : เราก็ร้องไห้ฟูมฟาม ทำอะไรไม่ได้ เขาเหมือนหนีเราไปเลย ไม่ให้เราติดต่อได้ เราไม่รู้จะตามหายังไง สุดท้ายเรามาคิดว่าเราต้องดำเนินชีวิตต่อไป ทำยังไงก็ได้ ให้เก็บลูกเราไว้ ไม่ให้ใครมาทำร้าย เราก็เลยกลับไปหาแฟนเก่า ทำยังไงก็ได้ให้ลูกเรารอด

สามีเก่าเชื่อเหรอ?
น้ำฝน : เขาไม่เชื่อแน่นอนค่ะ เขายังถามเลยว่าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเราไม่ได้มีอะไรกัน เราเลิกกันไปแล้ว เขาก็พาลูกคนเล็กฝนไปตรวจดีเอ็นเอ ประมาณ 3 ปีค่ะ

เขาไม่เชื่อแล้วทำไมเขาถึงรับ?
น้ำฝน : เขามีจิตใจที่ดี เขาสงสารเรา เราเคยเป็นภรรยาเก่าและตั้งท้องอยู่ เราบอกให้สงสารเถอะ ฝนอยากกลับมาดูแลลูกชายคนโตด้วย มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่แยกกันอยู่คนละห้อง

วันที่อุ้มท้องกลับไป เราบอกเขายังไง?
น้ำฝน : ขอโทษเรื่องทั้งหมดที่เราเคยทะเลาะกัน มีปากเสียงกันจนทำให้เลิกรากัน ณ วันนี้ฝนอยากให้พี่ให้อภัย ให้เราสองคนกลับมาอยู่ที่บ้านได้มั้ย เขาถามอีกคนคือใคร เราบอกว่าลูกในท้องของฝนกับพี่นั่นแหละ

ได้กลับไปมีสัมพันธ์กับแฟนเก่าบ้างมั้ย?
น้ำฝน : ไม่มีเลยค่ะ

เขาก็รับคุณฝนกลับมา และรับเด็กคนนี้ด้วย รับรองบุตรเรียบร้อย แล้วมาโป๊ะแตกได้ยังไงว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูก?
น้ำฝน : ตั้งแต่เกิดมา หน้าน้องก็ไม่เหมือนลูกชายคนโตแล้วค่ะ เค้าโครงไม่เหมือนคุณพ่อ เราก็บอกว่าเป็นฝั่งฝนมั้ง ฝั่งแม่ เพราะลูกชายคนโตเหมือนเขามาก เราก็แก้ตัวไปเรื่อยๆ

จุดที่เขาบอกว่าไม่ใช่ลูกเขาแน่ๆ?
น้ำฝน : ยิ่งโตมาก็ยิ่งไม่เหมือน แค่นั้นแหละค่ะ แล้วก็เขาสงสัยว่าเราไม่ได้มีอะไรกันแล้วจะท้องได้ยังไง แต่โอเคเขาสงสารเรา เราดูแลลูกคนโตไปด้วย ก็เหมือนไม่ได้ยุ่งกัน ปล่อยๆ ไป จนวันนึงเขาเริ่มสงสัย เป็นจังหวะนึงเขาค่อยๆ สืบเรื่องมาเรื่อยๆ เรื่องตรวจดีเอ็นเอ เขาก็เลยจับลูกชายคนเล็กไปตรวจเอง แล้วโป๊ะแตกว่าไม่ใช่ลูก ตอนนั้นฝนไม่รู้เรื่อง เขาก็ยังมีจิตใจเมตตารักลูกคนเล็กอยู่นะคะ ก่อนหน้านั้นเขาเลี้ยงดูเหมือนลูก แต่พอเขารู้ก็เริ่มให้ไปอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่ให้ความสำคัญ ตอนตรวจดีเอ็นเอไปแล้ว เขาก็ยังเลี้ยงลูกอยู่ แต่เว้นระยะห่างไปเรื่อยๆ

วันไหนที่เขาตัดสินใจบอกเรา?
น้ำฝน : ลูกร้องไห้ว่าไม่ได้ไปไหนกับป่ะป๊าเลย เกิดอะไรขึ้น ทำไมให้หนูอยู่คนเดียว ลูกให้พี่เลี้ยงโทรหา ซึ่งเขาก็บอกว่าให้ฝนรับลูกไปซะ เพราะเขาไปตรวจดีเอ็นเอมาแล้ว เขาบอกว่าจะแจ้งขอยกเลิกรับรองบุตรลูกคนเล็ก

ตอนนั้นตกใจมั้ยเขารู้ความจริง?
น้ำฝน : ตกใจค่ะ เขาก็แจ้งความดำเนินคดี ขอยกเลิกการรับรองบุตร

เราไม่อธิบายเหรอ?
น้ำฝน : ทำทุกอย่างแล้วค่ะ จากนั้นก็แยกกันอยู่ ออกจากบ้านเขา มาเลี้ยงลูกคนเล็กเอง

สามีไฮโซก็กลับมา?
น้ำฝน : ตอนนั้นไม่กลับมาค่ะ ประมาณ 5-6 ปีที่ไม่ได้ติดต่อกัน มีช่วงนึงปี 65 เขาติดต่อมา เขาเห็นว่าฝนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีตำแหน่งหน้าที่ในสังคม ลูกชายเขาก็เรียนหนังสือเก่ง ได้รับรางวัลเหรียญทอง ได้เป็นนักกีฬาโรงเรียน เขาก็ติดต่อกลับมา เขาร้องไห้ด้วยนะคะ

มูฟออนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว อยู่ๆ แฟนไฮโซกลับมาร้องไห้ขอโอกาสกลับมาดูแลลูก ฝนก็ให้อภัยเขา?
น้ำฝน : ไม่ได้ให้อภัยค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะกลับมาทำไม ตอนแรกไม่ได้อยากได้ลูกคนนี้ ตอนนั้นไม่คิดเหรอ ก็ด่าเขาว่าใจไม้ไส้ระกำ หมายังรักลูก แต่นี่เป็นลูกทั้งคน ทำไมยังให้เอาออก ตอนนี้จะกลับมาทำไม

เขาบอกฝนยังไง?
น้ำฝน : เขาขอเจอลูกหน่อยได้มั้ย วันนั้นเขาคิดผิดไปแล้ว วันนี้เขาเห็นลูกน่ารักมาก อยากได้ลูกไปเลี้ยง ไปดูแล ตอนนั้นเขาจะเอาแค่ลูกค่ะ ฝนก็บอกว่าไม่ได้ เพราะคุณก็มีครอบครัวใหม่ไปแล้ว เขาบอกงั้นย้ายไปทั้งแม่ทั้งลูกเลยที่เชียงใหม่ เขาอยู่ลำปาง น่าจะไปมาหาสู่กันง่ายกว่า

คุณฝนก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่เชียงใหม่?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ เขาก็ดูแล เช่าคอนโดให้อยู่ จ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าเรียน

ตอนนั้นกลับมาเป็นแฟนกับเขามั้ย?
น้ำฝน : ระยะนึงค่ะ

แต่เขามีครอบครัวแล้ว?
น้ำฝน : ค่ะ ตอนแรกภรรยาเขาไม่รู้ แต่หลังๆ รู้ เขาขอให้ยอมรับฝนและลูก อีกฝั่งน่าจะไม่ยอมรับค่ะ แต่สิ่งที่เขาทำคือเขาพาลูกไปสถานที่ต่างๆ และแนะนำให้เพื่อนๆ เขารู้ว่าเป็นลูกชายคนแรกของเขา ที่เขาปิดบังมานาน

คุณฝนเป็นโลกใบที่สอง?
น้ำฝน : ฝนเปรียบเสมือนเมียน้อยและเมียหลวงในคราวเดียวกันนั่นแหละค่ะ เหมือนฝนเป็นเคสสตัสดี้ให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มีสถานะทั้งเมียน้อยและเมียหลวง

ไม่จำเป็นต้องยอมกลับไปคบกันก็ได้นี่?
น้ำฝน : เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับแม่เลี้ยง เราเลยต้องไปประกบ ดูแลลูกด้วยตัวเอง ไม่ให้เขาเอาลูกไปโดยพลการ

ก็เลยกลับมาสปาร์กกันอีกครั้ง แล้วจุดแตกหักที่ทำให้กลายเป็นคดีความคืออะไร?
น้ำฝน : เราพยายามให้เขาจดทะเบียนรับรองบุตรตามกฎหมาย ที่มีปัญหาเพราะเขาบ่ายเบี่ยง ไม่จดสักที เราไม่ต้องการให้เขายืดเวลาแบบนี้แล้ว เราเลยขอร้องเขาว่าเมื่อไหร่จะไปตรวจดีเอ็นเอ รับรองบุตร ทำแบบนี้ให้หน่อยได้มั้ย ถ้าหากคุณรักลูกจริง

ทำไมต้องตรวจดีเอ็นเออีกรอบ?
น้ำฝน : ตอนฝนเป็นโจทก์ฟ้องเขา มีข้อผิดพลาดตรงไหนไม่ทราบ ฝนเซ็นให้เขาเซ็นแค่จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ได้ให้เซ็นเรื่องเซ็นรับรองบุตร

ก่อนหน้าฝนกลับมาคบหรือกลับมาแล้ว?
น้ำฝน : ก่อนค่ะ เราอยากให้เขาเซ็นรับรองบุตร แต่เราไม่สามารถฟ้องเขาได้ เราเลยให้ลูกเขียนคำร้องเป็นโจทก์ขอร้องต่อศาลให้พ่อตัวจริงมารับรอง

พอคุณฝนเลิกกับสามีเก่าที่เป็นแฟน ก็ตัดสินใจฟ้องให้คนเป็นพ่อจริงๆ มารับรองบุตร แต่ตอนนั้นคุณฝนแพ้ เพราะว่า?
น้ำฝน : ฝนเซ็นแทนลูกเรื่องรับค่าเลี้ยงดูมา เราเซ็นเพราะเราไว้ใจทนายคนนึง เขาบอกว่าเดี๋ยวจะสู้ในศาลในชั้นต่อไป เรื่องการตรวจดีเอ็นเอ

พอเซ็นแล้วเราแพ้เลย คุณฝนเลยเปลี่ยนจากทนายคนนั้นมาเป็นทนายกุ้ง?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ ก็เป็นบทเรียนสำคัญ

ถูกทำร้ายร่างกายด้วย เรื่องเป็นยังไง?
น้ำฝน : พอเราคะยั้นคะยอ เขาก็เริ่มไม่พอใจ บ่ายเบี่ยง เริ่มเหมือนโต้แย้ง มาวันนึงเราถามว่าเมื่อไหร่จะทำ เขาให้เราไปหาสถาบันตรวจดีเอ็นเอ เราก็หาให้แล้ว ตอนแรกเขาบอกให้ไปตรวจดีเอ็นเอก่อนแล้วค่อยไปทำที่ศาล เราพร้อมตรวจมาก เพราะลูกเขาแน่นอน เขาบ่ายเบี่ยง จนเกิดการขึ้นเสียงและทะเลาะกัน เราแค่บอกว่าไหนลองเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรสิ จะทำให้วันไหน แค่นั้นเองค่ะ เขาเกิดการโมโห หาเรื่อง จะขอดูโทรศัพท์ว่ามีใครไลน์มา เขาก็เริ่มโมโหว่าเราไม่ให้โทรศัพท์เขา เขาก็มาตี มาผลักให้ล้มหน้าห้อง ตอนนั้นลูกอยู่ เขาก็ทำแบบนี้หลายครั้งแล้ว ในห้องไม่มีกล้อง เราก็เลยวิ่งมาข้างล่าง หากล้องวงจรปิดตรงสวน เขาก็ตีๆ ผลักให้ล้ม ใช้โทรศัพท์ตบเรา จนมีเลือด มีแผล ตอนนั้นเราก็เริ่มขอความช่วยเหลือจากรปภ.

เขาคิดว่าคุณฝนมีผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า ถึงขอดูโทรศัพท์?
น้ำฝน : เขาใจร้อน ขี้หึงขี้หวง ตอนนั้นเราอยากได้คำมั่นสัญญาจากเขา ไม่ว่าจะลายลักษณ์อักษร หรือเสียง ก็ถามว่าเขากลัวอะไร

นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ ฝนไม่ทนแล้ว แล้วเขาบอกจะทำให้ลูกเห็น เขาไม่แคร์ลูกเลย

ที่ผ่านมา ใครเป็นคนจ่ายค่าเทอม?
น้ำฝน : เทอมแรกเขาจ่าย แต่หลังจากทะเลาะกัน เขาเริ่มไม่จ่ายแล้ว คอนโดที่ฝนอยู่เขาก็เริ่มไม่จ่ายด้วย ตอนนั้นเราไม่มีหน้าที่ ไม่มีการงานอะไรที่นั่น หวังให้เขามาดูแลอย่างเดียว เขาก็ให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะดูแลอย่างดี

สุดท้ายโทรหาตร.ยังไง?
น้ำฝน : วิ่งเอาโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ รปภ. โทรหา 191 เลย

ทางพฤตินัยเขาก็ดูแลลูกคนนี้เป็นอย่างดี ทำไมอยากให้เขาเซ็นรับรองบุตร?
น้ำฝน : อยากให้ถูกต้องตามกฎหมายค่ะ ไม่ว่าลูกจะไปเรียน หรือเรียนต่อ มันต้องทำเอกสารทั้งหมด

ตอนนี้ในสูติบัตรไม่มีชื่อพ่อ?
น้ำฝน : ยังเป็นชื่อแฟนเก่าคนเดิม แต่เขาอยากเอาออกเหมือนกัน แต่เขายังเอาออกไม่ได้ เพราะพ่อที่แท้จริงไม่รับรองบุตร ก็ต้องคาไว้แบบนี้ มันคือปัญหา

ทนายกุ้ง : ที่คุณฝนพูดถึงบุตรคนนี้กับผู้ชายไฮโซคนนี้ เขามีบุตรด้วยกันมาก่อนที่ผู้ชายจะไปแต่งงาน เขาเลิกรากันไป ก่อนผู้ชายไปแต่งงานกับภรรยาคนใหม่ เขากลับมาอีกรอบเพื่อดูแลบุตร คุณฝนต้องการให้เขาจดทะเบียนรับรองบุตร จึงทะเลาะวิวาทกันนั่นแหละ จนกระทั่งคุณฝนร้องว่าขอให้ผู้ชายคนนี้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีการตกลงกัน ทำในสัญญายอมว่าคุณฝนไม่ติดใจเรื่องเซ็นรับรองบุตร แต่ให้จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรได้ อันนี้เป็นการรับรองโดยพฤตินัย แต่ไม่สมบูรณ์แบบในทางกฎหมาย ฉะนั้นสิทธิ์และหน้าที่ของพ่อและลูก มันเสียสิทธิ์หลายอย่าง ยกตัวอย่าง ถ้าจดรับรองบุตร สิทธิต่างๆ ตามกฎหมาย อย่างมรดก ซึ่งตอนนี้ลูกคุณฝนมีสิทธิได้รับมั้ย มีสิทธิได้รับ เพราะเขารับรองบุตรโดยพฤตินัยไปแล้ว ด้วยการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร ให้นามสกุล ให้การส่งเสียเลี้ยงดู ให้การศึกษา

เด็กใช้นามสกุลใคร?
น้ำฝน : ใช้นามสกุลฝนค่ะ ตอนแรกที่เกิดใช้นามสกุลแฟนเก่า ต้องไปตรวจหรือเซ็นรับรองบุตรก่อนเขาถึงให้ใช้นามสกุลพ่อเขา

ลูกคิดถึงพ่อมั้ย?
น้ำฝน : เขาก็ถามถึงค่ะว่าป่ะปี๊หายไปอีกแล้วเหรอ แต่เขาก็รู้เรื่องทั้งหมดนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น หลังย้ายมาจากเชียงใหม่ เขาก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ส่วนมากทะเลาะกันเรื่องให้เซ็นรับรองบุตรนี่แหละค่ะ

เขารู้มั้ยว่าพ่อมีครอบครัวแล้ว?
น้ำฝน : รู้ค่ะ เราก็แคร์ความรู้สึกลูก เราถามอะไรมากไม่ได้ เราแค่ให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ขาดอะไร เขามีเราก็เหมือนมีทั้งพ่อทั้งแม่ ยิ่งกว่ามีพ่อซะอีก เขาบอกว่าตอนมีพ่อเขาก็ไม่ได้มีความสุขอะไร เขาเป็นเด็กที่รับรู้มาตั้งแต่แรกค่ะ เขาอยากอยู่กับเราเพื่อให้เลี้ยงเขา จะได้ไม่เครียดไม่ร้องไห้อีก

เขาก็กลับมาอยู่จุดที่มีคำถามอีกรอบ?
น้ำฝน : ล่าสุดเขาเจอพ่อที่ศาล เดินสวนกัน พ่อทำเป็นมองไม่เห็น เขาก็มองมาที่เรา เราก็รีบเอาเขามาซุกไว้ที่หน้าอก อย่าไปมอง เขาบอกไม่เห็นเป็นไรเลย เราจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักเราแล้ว เขาไม่ทักทายลูกเลยค่ะ เดินสวนกันสองรอบ ลูกไหว้สวัสดี ฝนก็ไม่ทัก แค่มองดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไรกับลูก เขาก็ทำลูกเป็นเหมือนอากาศ ลูกก็เสียใจ น้ำตาคลอ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ

ทนายกุ้ง : เขาจ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าศึกษา ก็เหมือนเป็นการรับรองบุตรอยู่แล้ว เขาก็มีสิทธิได้รับมรดก เพียงแต่ว่าถึงเวลาไปยื่นขอรับมรดก มีคนคัดค้านแน่นอน เพราะมันยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย สมมติวันนึงเขาเกิดเป็นดารา เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงขึ้นมา อยากใช้สิทธิดูแล ทำไม่ได้นะ เพราะไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ปกติแล้ว ลูกฟ้องพ่อแม่เป็นคดีอุทลุมไม่ได้ แต่เคสนี้ถ้าเขาไม่รับรองบุตร ไม่คุ้มครอง เด็กคนนี้สามารถฟ้องผู้ชายคนนี้คดีอุทลุมได้ เขาถือเป็นบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีหลายอย่างที่เขาเสียสิทธิไป

โอกาสชนะ?
ทนายกุ้ง : ตอนนี้เขาเป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกำหนดถิ่นที่อยู่อยากให้ไปอยู่ตรงโน้นตรงนี้ทำไม่ได้นะ ถ้าเขายินยอมได้ แต่ถ้าไม่ยินยอม จะบังคับเขาไม่ได้ เลือกสถานที่การศึกษาก็ไม่ได้ อบรมสั่งสอนบุตรตามสมควรก็ไม่ได้นะ คุณไม่มีสิทธิออกแบบชีวิตลูกคนนี้ ถ้าคุณฝนเอาลูกไปเลย คุณก็ไม่มีสิทธิตามเอาคืน

เขาอาจไม่แคร์ก็ได้หรือเปล่า?
ทนายกุ้ง : อนาคตมันก็ไม่แน่ เกิดเด็กคนนี้กลายเป็นเศรษฐีร่ำรวย อยากเป็นพ่อ อยากโชว์ว่าลูกเป็นคนเก่ง เป็นคนดี คุณก็ได้แต่นั่งมองนะ คุณจะเสียสิทธิไปเลยตามกฎหมาย สิทธิของพ่อก็มี ถ้าไม่จดรับรองบุตร เขาก็เสียสิทธิมากมายด้วยซ้ำ ถ้าเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายจะภูมิใจกว่ามั้ย นี่ลูกของฉัน ดีกว่ามาจ่ายแค่ค่าเลี้ยงดูเฉยๆ

อาจเป็นเพราะเขามีครอบครัวอยู่แล้วหรือเปล่า?
ทนายกุ้ง : มันก็ไม่ได้เกี่ยว การรับรองบุตร หลายคนก็ไข่ไว้เยอะนะ เขาสามารถจดรับรองบุตรได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้มีลูก แต่คุณจดทะเบียนซ้อนไม่ได้ แต่จดรับรองบุตรคนไหนก็ได้ที่เกิดจากคุณ ทำได้

ภาระค่าใช้จ่ายจะตามมาด้วยหรือเปล่า หากเซ็นรับรองบุตร?
ทนายกุ้ง : เขาอาจกลัวตรงนี้หรือเปล่า มันก็ไม่พ้นอยู่แล้วแหละ เขาต้องเลี้ยงดูจนกว่าเด็กคนนี้จะบรรลุนิติภาวะ หากเลี้ยงดูตัวเองไม่ได้ เขาต้องดูแลตลอดชีวิต อาจกลัวตรงนี้หรือเปล่า แต่เด็กคนนี้หากไม่มีพ่อ เขาจะเติบโตไปยังไง อยู่ในสังคมยังไง มันเป็นปมด้อยสำหรับเด็กนะ เกิดวันนึงเด็กคนนี้เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา คุณพูดได้แต่จะภูมิใจตรงไหน ถ้าคุณไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย

ทำไมอยากให้เขาเซ็นรับรองบุตร หรือเพราะเขาเป็นไฮโซ เราอยากได้มรดกหรือเปล่า?
ทนายกุ้ง : เรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรที่เขาทำไว้ เงื่อนไขระยะเวลาแค่สั้นๆ ถ้าอนาคตต่อไป ค่าเลี้ยงดูที่เคยตกลงกันไว้ เขาไม่ได้รับรองบุตร เขาก็ไม่ต้องจ่ายอีกต่อไป น้องก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากเขา ไม่สามารถเรียกร้องให้เขาจ่ายเพิ่มได้

ไม่ได้แปลว่าอยากให้เขามารับรองบุตรเพราะได้มรดก?
ทนายกุ้ง : ไม่เกี่ยวกับตรงนั้น อนาคตไม่มีใครรู้ ลูกอาจรวยกว่าพ่อ ฝนอยากให้เด็กมีพ่อถูกต้องตามกฎหมาย ตอนนี้มีแค่ชื่อในทะเบียน เพราะคนเก่าก็อยากเอาชื่อเขาออก ต้องมีชื่อพ่อที่แท้จริงก่อน ตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่ศาลสั่งไปแล้ว ให้เพิกถอนการรับรองบุตรไปแล้ว เพียงแต่เด็กต้องมีชื่อบิดาในสูติบัตรไง

ถ้าแฟนไฮโซไม่จดทะเบียนรับรองบุตร ชื่อสามีเก่าก็จะคาไปแบบนี้เหรอ?
ทนายกุ้ง : ตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องรอให้ศาลสั่ง คดีอยู่ระหว่างศาล ก็หวังพึ่งศาล ถ้าศาลสั่งให้จด เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เราใช้คำสั่งศาลไปที่อำเภอจดได้เลย อีรุงตุงนังค่ะ

พอมีทางออกสู้ได้?
ทนายกุ้ง : กฎหมายถ้าศาลสั่งให้จด เขาก็ต้องจด ปฏิเสธไม่ได้

อยากฝากอะไรเขา?
น้ำฝน : อย่าเรียกว่าไฮโซเลยค่ะ จิตใจเขาต่ำตมกว่าหมาข้างถนนอีก เรื่องนี้ลูกขอร้องให้คุณมารับในสิ่งที่ควรเป็น ทุกวันนี้ฝนไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเอง ไม่ได้ต้องการเงิน อยากให้คุณมารับผิดชอบลูก สงสารลูกเถอะค่ะ ถามว่าต้องการเงินเขาหรือเปล่า ไม่ค่ะต้องการความยุติธรรมให้ลูก สู้เพื่อลูกเท่านั้นค่ะ ถ้าคุณเป็นคน มีจิตใจเป็นมนุษย์จริงๆ รับลูกเถอะค่ะ อย่าทำร้ายลูกเลย ลูกเป็นลูกของคุณ มีจิตใจเหมือนกัน (เสียงเครือ)















กำลังโหลดความคิดเห็น