xs
xsm
sm
md
lg

Netflix แถลงใหญ่เปิดตัวซีรีส์เรื่องใหม่ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แถลงข่าวเปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับซีรีส์จาก Netflix เรื่อง ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) ที่นำแสดงโดย จอนโซนี , คูคโยฮวาน , อีจองฮยอน , ควอนแฮฮโย และ คิมอินกวอน ซึ่งในครั้งนี้ก็มีผู้กำกับ ยอนซังโฮ และผู้เขียนบท รยูยงแจ มาร่วมในงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย

Q: อยากให้ผู้กำกับช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็นซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey)
ผู้กำกับยอนซังโฮ: อย่างที่ทราบกันดีว่าผมเคยกำกับผลงานแอนิเมชั่นมาก่อน สำหรับนักเรียนที่ศึกษาด้านแอนิเมชั่น Parasyte ถือเป็นมังงะที่เปรียบเสมือนคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ว่าได้ครับ เดิมทีตัวผมเองก็เป็นแฟนตัวยงของผลงานต้นฉบับอยู่แล้วด้วย สำหรับคนที่ชอบอ่านมังงะ พออ่านไปเรื่อยๆ ก็จะโดนดึงดูดเข้าไปอยู่ในโลกของมังงะเรื่องนั้น และมักจะจินตนาการตามว่านอกจากในมังงะแล้ว โลกใบอื่นจะเป็นแบบไหนและเกิดอะไรบ้าง ดังนั้น ตอนที่ได้อ่านเรื่อง Parasyte เมื่อสมัยเรียน ผมจึงเกิดจินตนาการขึ้นมาว่าถ้าที่ญี่ปุ่นมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้วที่เกาหลีจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) ครับ หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมจึงเขียนจดหมายไปหาคุณนักเขียนฮิโตชิ อิวาอากิ เพื่อเสนอไอเดียเกี่ยวกับซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) และบอกเขาว่าอยากสร้างผลงานจากไอเดียนี้ โชคดีที่เขาเห็นชอบและอนุญาตให้ผมลองทำได้ตามใจชอบ จึงได้เริ่มวางแผนและพัฒนาเป็นโปรเจกต์นี้ครับ 

Q: ชื่อทีมเฉพาะกิจ “เดอะ เกรย์” หรือ “ทีมเกรย์” ที่ปรากฏในเรื่อง ได้รับการนำมาตั้งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อซีรีส์ด้วย มีเหตุผลพิเศษอะไรหรือเปล่า
ผู้กำกับยอนซังโฮ:
ตอนแรกที่คุยกับผู้เขียนบทรยูยงแจ หน่วยเฉพาะกิจจะมีเจ้าหน้าที่ทีมไวท์ที่เปิดเผยตัวตน และเจ้าหน้าที่ทีมแบล็กที่ปกปิดตัวตน ซึ่งทั้งสองจะรวมพลังและทำภารกิจร่วมกัน จึงได้ตั้งชื่อเป็นหน่วยเฉพาะกิจทีมเกรย์ขึ้นมา ผมคิดว่าผลงานเรื่องนี้กล่าวถึงประเด็นของ “การอยู่ร่วมกัน” ซึ่งเหมือนกับผลงานต้นฉบับ ตัวละคร “ซูอิน” ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างมนุษย์และปรสิตก็เปรียบเสมือนสีเทา ซึ่งดูสอดคล้องกันดีกับแก่นเรื่อง ผมจึงเลือกใช้ชื่อ “เดอะ เกรย์” ในชื่อซีรีส์ครับ 

Q: อยากสื่อสารอะไรผ่านซีรีส์เรื่องนี้ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey)
ผู้กำกับยอนซังโฮ:
มังงะเรื่อง Parasyte มีเมสเสจที่หนักแน่นเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกัน หรือการตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นนอกเหนือจากมนุษย์ ในทำนองเดียวกัน ซีรีส์เรื่อง ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) ก็กล่าวถึงประเด็นของการอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการพยายามที่จะอยู่ร่วมกันของตัวละคร “ซูอิน” และ “ไฮดี้” ซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมต้องการแสดงให้เห็นว่า องค์กรที่เรียกได้ว่าเป็นผลลัพธ์จากการอยู่ร่วมกันหรือถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการอยู่ร่วมกันของมนุษย์นั้น มีความสัมพันธ์อย่างไรกับตัวบุคคล เพราะฉะนั้นตัวละครมากมายที่ปรากฏในเรื่อง อย่างเช่น ซอลคังอูที่เป็นสมาชิกแก๊งอันธพาล กลุ่มตำรวจ และกลุ่มลัทธิศาสนาที่ปรสิตสร้างขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหลากหลายรูปแบบที่มีอยู่จริงในสังคมเกาหลี รวมถึงซูอินซึ่งพยายามจะอยู่ร่วมกันกับพวกเขาในผลงานเรื่องนี้ ผมอยากฝากให้ผู้ชมได้ทบทวนถึงคำนิยามของการอยู่ร่วมกันในสังคมของพวกเราครับ 

Q: คุณให้ความสำคัญกับสิ่งใดเป็นพิเศษบ้างในการเรียบเรียงบทซีรีส์เรื่อง ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) และเขียนเรื่องเล่าในแบบฉบับเกาหลี
ผู้เขียนรยูยงแจ:
ถ้าอ่านต้นฉบับของญี่ปุ่นจะสังเกตได้ว่าตัวตนของเหล่าปรสิตนั้นจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยอย่างช้าๆ และพวกมันเองค่อนข้างใช้เวลาในการทำความรู้จักมนุษย์ แต่ด้วยความที่โซเชียลมีเดียของเกาหลีสมัยนี้ล้ำหน้าไปมาก ถ้าเปิดเรื่องด้วยการให้ปรสิตปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์เลย มนุษย์ก็จะได้รับรู้ถึงตัวตนของพวกมันได้เร็วขึ้น ส่งผลให้หน่วยเฉพาะกิจทีมเกรย์รวมตัวเร็วขึ้นด้วย มนุษย์เองก็จะได้เตรียมรับมือกับปรสิต ปรสิตก็จะได้เรียนรู้และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน เคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่มเป็นองค์กรแบบนี้ ตอนเขียนบทผมพยายามที่จะทำให้เรื่องราวมีจุดที่แตกต่างกับต้นฉบับครับ 

Q: รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับยอนซังโฮอีกครั้ง หลังจากเคยร่วมงานกันในซีรีส์เรื่อง Monstrous
ผู้เขียนรยูยงแจ:
ผมเองก็เคยเป็นคนทำแอนิเมชั่นเหมือนผู้กำกับยอนซังโฮ เราจึงได้พูดคุยถึงผลงานการ์ตูนและแอนิเมชั่นที่ชื่นชอบกันบ่อยครั้ง แล้วก็ได้พูดถึง Parasyte ด้วย ตอนที่ผู้กำกับบอกว่าอยากสร้างซีรีส์เรื่องนี้ ผมก็ทักท้วงเขาว่า คงซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับไม่ได้หรอกมั้ง แต่เขาเขียนจดหมายไปถึงเจ้าของผลงานมังงะต้นฉบับ แถมเจ้าของต้นฉบับยังเอ่ยปากอีกว่า รีบเซ็นสัญญาก่อนที่ผู้กำกับจะเปลี่ยนใจเถอะ การได้ร่วมงานกับผู้กำกับยอนซังโฮมักจะมีเรื่องสนุกและเรื่องน่าแปลกใจอยู่ตลอดเวลาเลยครับ เวลาที่ร่วมงานกับเขา ผมเหมือนได้สนุกกับจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด จนบางทีก็รู้สึกว่าไม่ได้ถูกจ้างมาเขียนบท แต่รู้สึกเหมือนผมต่างหากที่เป็นคนจ่ายเงินเพื่อที่จะเขียนบทได้อย่างอิสระ 

Q: อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่อง ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey)
จอนโซนี:
อย่างแรกเลยเพราะเป็นผลงานที่ฉันเองรู้จักและคุ้นเคยดีอยู่แล้วค่ะ เลยอยากรู้ว่าถ้าฉากหลังที่เกิดเหตุการณ์ในเรื่องขึ้นเป็นที่เกาหลี เรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหน และในฐานะผู้ชม ฉันก็คิดว่าเป็นผลงานที่น่าติดตามชม เพราะมุมมองที่เล่าถึงปรสิตนอกโลกที่ตกลงมายังโลกมนุษย์เป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาก ยิ่งไปกว่านั้น การได้ลองใช้ชีวิตร่วมกับปรสิตแม้มีมุมที่ออกจะจินตนาการลำบากอยู่บ้างถึง แต่ฉันก็อยากลองท้าทายตัวเองและรู้สึกตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน จึงตกลงรับบทนี้ค่ะ 

คูคโยฮวาน: เมื่อเราได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในโลกของผลงานที่เราชื่นชอบ แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเลยครับ ถึงแม้ว่าตอนที่เคยได้ร่วมงานกับผู้กำกับยอนซังโฮจะมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ก็สนุกสนานครับ ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืม เลยก็กลับมาหาผู้กำกับอีกครั้งครับ 

อีจองฮยอน: เพราะผลงานต้นฉบับโด่งดังอยู่แล้ว แถมผู้กำกับยังย่อยอดจักรวาลเดิมโดยบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เกาหลี ไม่ใช่ที่ญี่ปุ่น เลยทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่ และรู้สึกดีใจมากที่ได้รับบทเป็นจุนกยอง ซึ่งเป็นตัวละครที่ผู้กำกับสร้างขึ้นมาใหม่ค่ะ 

ควอนแฮฮโย: เพราะสีผมของผมเป็นสีเทา (เกรย์) มั้งครับ ฮ่าๆ ผมน่าจะเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ไม่เคยอ่านมังงะต้นฉบับ แต่เดี๋ยวหลังจากที่ซีรีส์เรื่องนี้ได้ปรากฏต่อสายตาผู้ชมในวันที่ 5 เมษายนที่จะถึงนี้ ผมคิดว่าผมจะลองหาอ่านต้นฉบับดูครับ อย่างที่ผู้เขียนบทกล่าวไปก่อนหน้านี้ การได้ร่วมงานกับผู้กำกับยอนซังโฮเป็นเรื่องที่สนุก จึงทำให้ผมทำงานอย่างสนุกสนานเสมอครับ 
คิมอินกวอน: ผมเคยร่วมงานกับผู้กำกับยอนซังโฮในซีรีส์เรื่อง The Cursed และภาพยนตร์เรื่อง The Cursed: Dead Man’s Prey ครั้งนี้ก็ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง อย่างที่ผู้เขียนบทกล่าวเลยครับ กองถ่ายของผู้กำกับยอนซังโฮครื้นเครงมาก ผมตื่นเต้นกับกองถ่ายนี้ที่เหมือนเป็นสนามเด็กเล่นเปิดกว้างให้เล่นสนุกได้เต็มที่ มันน่าทึ่งและน่าประทับใจมากที่สามารถถ่ายทอดภาพความสยองขวัญของมังงะต้นฉบับมาสู่บรรยากาศในกองถ่าย  เป็นประสบการณ์ที่แปลกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้กระโดดโลดเต้นอยู่ในกองถ่ายที่มีบรรยากาศแบบนั้นครับ 

Q: อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร “ซูอิน” ที่คุณรับบทในซีรีส์เรื่องนี้ และอยากทราบว่ามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการรับบทนี้
จอนโซนี:
ตัวละครซูอินอายุ 29 ปี ทำงานที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและใช้ชีวิตตัวคนเดียวโดยปราศจากครอบครัว จากการตีความของฉัน ก่อนที่จะพบกับไฮดี้ ซูอินคิดมาตลอดว่าเธออยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว กัดฟันสู้ และรับผิดชอบกับหน้าที่ ชีวิตเธอมีจุดพลิกผันที่ฉันรู้สึกว่ามีเสน่ห์มากเลยค่ะ คือเมื่อมนุษย์ที่ไม่มีความปรารถนาอะไรเลยในชีวิต ยอมรับให้สิ่งมีชีวิตอื่นมาอาศัยอยู่ในร่างกายตัวเอง และพอมาเจอกับคังอู เธอก็เริ่มได้เรียนรู้ด้านอื่นๆ ในชีวิต เช่น การอยู่ร่วมกันและความผูกพันของมนุษย์ ทำให้เธอมีแรงใจในการใช้ชีวิตขึ้นมา ซึ่งฉันคิดว่าพัฒนาการของตัวละครซูอินน่าสนใจมากค่ะ 

หลังจากที่ปรสิตเข้ามาอยู่ในร่างและมีไฮดี้ปรากฏตัวออกมา เป็นจุดที่ไม่สามารถใข้แค่แสดงของฉันเพียงอย่างเดียวได้ ดังนั้น ฉันจึงอยากถ่ายทอดตัวละครซูอินให้ละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของซูอินก่อนที่จะได้เจอกับไฮดี้ หรือภาพลักษณ์ในชีวิตประจำวันต่างๆ ฉันพยายามแสดงออกมาให้ใกล้เคียงกับภาพลักษณ์ในความเป็นจริงมากขึ้น ส่วนตอนแสดงเป็นไฮดี้ ฉันนึกถึงจุดร่วมของปรสิตตัวอื่นๆ และจุดเด่นของไฮดี้ที่แตกต่างจากปรสิตอื่นเล็กน้อย ฉันคิดว่าถ้าฉันวาดกรอบของตัวละครซูอินออกมาให้ชัดเจน ก็น่าจะเห็นข้อแตกต่างระหว่างซูอินกับไฮดี้ได้โดยธรรมชาติค่ะ 

Q: อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร “ซอลคังอู” และอยากทราบว่ามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการรับบทนี้
คูคโยฮวาน:
คังอูเป็นมนุษย์ที่ชอบหนีครับ เรียกว่าหนีเป็นชีวิตจิตใจ แต่เมื่อเขาหนีกลับไปบ้านเกิดและได้เจอกับซูอินและไฮดี้ที่นั่น เขาจึงค่อยๆ ได้เรียนรู้ที่จะหนีให้น้อยลงครับ ในซีรีส์คังอูค่อนข้างรับข้อมูลเยอะมาก ทั้งต้องสื่อสารให้ผู้ชมทราบ และก็ต้องบอกให้ซูอินรับรู้ด้วย ผมคิดว่าผมมีบทบาทเป็นผู้ส่งสารให้กับทุกคนครับ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เปิดตาดูให้ดี เงี่ยหูฟังให้ชัด และผมหวังว่าเขาจะดูเป็นคนที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แกร่งกว่ามนุษย์คนอื่นครับ 

Q: อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร “จุนกยอง” และอยากทราบว่ามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการรับบทนี้
อีจองฮยอน:
จุนกยองเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยตำรวจ และเป็นโปรไฟล์เลอร์ชื่อดัง (นักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร) เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งซึ่งสูญเสียสามีไปเพราะปรสิต หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และมองการไล่ล่าสังหารปรสิตเป็นเหมือนการเล่นเกม แม้อาจจะดูไม่ค่อยปกติ แต่เป็นตัวละครที่กระตือรือร้นและแข็งแกร่งมากค่ะ 
เนื่องจากตัวละครนี้ค่อนข้างต่างจากคาแรคเตอร์ทั่วไป ช่วงแรกกว่าจะจับจุดได้ก็ลำบากอยู่ค่ะ เลยต้องขอคำปรึกษาจากผู้กำกับด้วย โจทย์ข้อแรกคือต้องไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นทั้งน้ำเสียงและโทนเสียงก็ต้องแสดงออกมาให้ดูแตกต่าง แถมจะออกมาดูเหมือนคนปกติไม่ได้ด้วย เพราะผู้หญิงคนนี้ฆ่าปรสิตราวกับกำลังเล่นเกมที่เธอสนุกกับมันสุดๆ ดังนั้นเลยต้องคอยถามผู้กำกับอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ถ่ายเสร็จแล้วก็ยังถามอีกว่าโอเคไหม ถามจนกว่าจะทำมันออกมาได้ดีค่ะ 

Q: อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร “ชอลมิน” และอยากทราบว่ามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการรับบทนี้
ควอนแฮฮโย:
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในผลงานต้นฉบับมีตัวละครนี้หรือเปล่า แต่ถ้าเทียบกับบทตัวละครของนักแสดงท่านอื่น ซึ่งดูไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ตัวละครของผมน่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากสุด เป็นคนแบบที่พบเจอได้รอบตัว แต่ถ้าจะหาจุดเหมือนที่ผมกับตัวละครมีเหมือนกัน คงเป็นการเป็นคนเหงาในองค์กร แม้เราจะมีสังกัดแต่เราสามารถถูกตัดออกจากกลุ่ม หรือด้วยเหตุผลหลายๆ ประการอาจทำให้เราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ผมเคยตั้งคำถามเหมือนกันว่า แท้จริงแล้วตัวละครของผมนั้นมีบทบาทอะไรกันแน่ ผมหวังว่าตัวละครชอลมินจะทำให้ผู้ชมรู้สึกสบายใจและได้รับคำปลอบใจ และตระหนักว่ามีคนอยู่เคียงข้างคุณครับ 

Q: อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร “วอนซอก” และอยากทราบว่ามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการรับบทนี้
คิมอินกวอน :
ผมรับบทเป็นเจ้าหน้าที่สายสืบรุ่นน้องของพี่ควอนแฮฮโย ซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนและมีความเป็นกันเองมาก ผมกับรุ่นพี่เลยพร้อมใจกันสร้างตัวละครที่เราจะพบได้ทั่วไปในชีวิตจริง เมื่อคำนึงถึงประเด็นหลักของซีรีส์ที่พูดถึงความเป็นองค์กรใหญ่ รวมถึงการที่ปรสิตไม่มีตัวตนอยู่จริงในกองถ่าย ทำให้ผมค่อนข้างกังวลกับบทนี้พอสมควร ผมพยายามคำนึงถึงความเป็นองค์กรและจุดยืนที่เราควรเลือกยืน เพื่อถ่ายทอดบทของเจ้าหน้าที่ตำรวจธรรมดาคนหนึ่งที่มีความแตกต่างออกไปเล็กน้อยครับ 
ผมคิดว่ามันมีความแฟนตาซี ไม่ว่าจะเป็นการที่ปรสิตที่เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างกายเรานั้นไม่ได้มีตัวตนอยู่ในกองถ่าย และต้นฉบับก็มาจากมังงะ ทำให้ผมกำหนดทิศทางการแสดงตั้งแต่เนิ่นๆ ผมคุยกับรุ่นพี่ค่อนข้างเยอะ และบอกกับเขาว่า ก็แสดงให้เห็นตัวตนของพวกเราเนี่ยแหละ ผมพยายามที่จะใส่ตัวตนของผมเข้าไปในตัวละครค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การใช้ชีวิต อารมณ์ รวมถึงบุคลิกด้วยครับ 

Q: อยากทราบว่าผู้กำกับให้ความสำคัญกับเรื่องใดเป็นพิเศษในการใชเทคนิค Visual Effect (VFX) ระหว่างการกำกับซีรีส์เรื่องนี้
ผู้กำกับยอนซังโฮ:
ถ้าต้องจำแนกประเภทของผลงานเรื่องนี้ อันที่จริง Parasyte จัดอยู่ในประเภทแนว Body Snatcher หรือการเล่าถึงความหวาดกลัวเมื่อใครสักคนที่เรารู้จักคุ้นเคยดีในชีวิตประจำวัน จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปจากที่เราเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง และต้นฉบับเองก็เผยให้เห็นโฉมหน้าที่สยองขวัญของมนุษย์ ผมจึงคิดว่า ฉากเผยโฉมหน้าปรสิตเป็นจุดสำคัญมาก ผมจึงอยากใช้ VFX ในการทำให้ใบหน้านักแสดงเปลี่ยนเป็นปรสิตได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ก่อนหน้านี้ผมเคยสร้างสัตว์ประหลาดมาหลายครั้งแล้วก็จริง ซึ่งสัตว์ประหลาดในผลงานก่อนหน้านี้มีรูปแบบที่ตายตัวมาก แต่ปรสิตในเรื่องนี้มีการเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ จึงต้องใช้เทคนิค VFX ขั้นสูงครับ อีกโจทย์หนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากคือ จะทำอย่างไรให้มันออกมาสมจริงเหมือนเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวันของพวกเราด้วยครับ 

Q: รู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องถ่ายทอดบทบาทของตัวละครที่อยู่รวมกับปรสิต ซึ่งต้องใช้จินตนาการสูงพอสมควรเลย และบรรยากาศในการถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง
จอนโซนี:
เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของฉันเหมือนกันค่ะ ถึงแม้ผู้กำกับจะสาธิตและแนะนำแนวทางอย่างชัดเจน แต่ปัญหาคือ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมากับสิ่งที่ฉันจินตนาการมันสอดคล้องกันแค่ไหน ระหว่างถ่ายทำจึงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย อีกอย่างคือมีส่วนของบทแอ็คชั่น ซึ่งมีทีมคุณครูสอนการแสดงมาร่วมเข้าฉากและต่อสู้กัน ฉันคิดว่าจังหวะรับส่งค่อนข้างยาก แถมยังเหงาด้วยค่ะ เพราะต้องตั้งหน้าตั้งตาสู้โดยที่มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ฉันก็พยายามตั้งสมาธิ จินตนาการว่า กำลังต่อสู้และโต้ตอบกับฝ่ายตรงข้ามอยู่ค่ะ 

Q: มีอะไรอยากจะฝากถึงผู้ชม Netflix กว่า 190 ประเทศทั่วโลกไหม?
จอนโซนี:  
คิดว่าทุกคนน่าจะอยากรู้ว่าเรื่องราวใหม่ที่สร้างโดยผู้กำกับยอนซังโฮในซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) จะเป็นอย่างไร ฉันเองก็เพลิดเพลินกับผลงานเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มอ่านบทและรู้สึกสนุกตลอดการถ่ายทำ และอยากให้คนได้รับชมกันเยอะๆ เลยค่ะ ฉันตั้งใจถ่ายทอดตัวละครซูอินและไฮดี้ออกมาอย่างสุดความสามารถ ฝากติดตามชมกันเยอะๆ ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ 

คูคโยฮวาน: นอกจากความทุ่มเทเรื่องเทคนิค VFX เป็นพิเศษแล้ว ผมคิดว่าองค์ประกอบที่สำคัญของซีรีส์เรื่องนี้คือ การแสดงออกทางอารมณ์ที่ถ่ายทอดความในใจของซูอินครับ หวังว่าทุกท่านจะรับชมทั้ง 6 ตอนโดยไม่มีเบื่อ ขอบคุณครับ 
อีจองฮยอน: ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ ฝากส่งกำลังใจและติดตามชมพวกเราวันที่ 5 เมษายน ที่จะถึงนี้ด้วยนะคะ 

ควอนแฮฮโย: ในฐานะนักแสดง เราได้ถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ในมุมของผู้กำกับและทีมงาน นี่เป็นเวลาที่พวกเขาจะได้พบปะกับผู้ชมทั้งหลาย ผมขอฝากผลงานซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) ที่เล่าถึงสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่และเรื่องราวใหม่ๆ ไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยครับ 

คิมอินกวอน: ฝากติดตามชมซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) กันเยอะๆ นะครับ ช่วยส่งกำลังใจและเสียงสนับสนุน ให้จักรวาล Parasyte ได้ดำเนินต่อไปด้วยนะครับ 

ผู้เขียนบทรยูยงแจ: ถ้ามังงะต้นฉบับเล่าถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าปรสิตในญี่ปุ่น ซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) ของพวกเราก็ถือเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกาหลี ผมหวังว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น และภาพของโลกใน Parasyte ได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน นอกจากนี้ ในผลงานเรื่องนี้มีของขวัญบางอย่างที่แฟนๆ Parasyte ทั่วโลกจะต้องตื่นตาตื่นใจด้วยครับ ฝากส่งเสียงเชียร์และกำลังใจด้วยนะครับ หวังว่าการถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบใหม่นี้ จะสามารถเข้าถึงคนดูได้ ขอบคุณครับ 

ผู้กำกับยอนซังโฮ: สำหรับฉากสุดท้ายของฉากสุดท้ายของซีรีส์ ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) ผมคิดว่า แฟน ๆ มังงะ Parasyte จะต้องร้องว้าวกันแน่ๆ ฝากติดตามถึงตอนจบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ





















กำลังโหลดความคิดเห็น