“อิงฟ้า” ว้าวมาก กรรมการอึ้ง! หุ้น MGI พุ่งทะยาน 30 บาท รับจุกๆ ปันผลครั้งแรก มั่นใจพุ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แจงแคมเปญ 750,000 หนัก แต่บ่งบอกให้เห็นว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง แนะนางงามขายของ ให้มองด้านบวก จะได้ไม่บั่นทอนและเหนื่อย
ตาแตกกันเลยทีเดียว หลังมูลค่าหุ้น MGI ทะยานสู่ 30 บาท งานนี้แม้แต่ “อิงฟ้า วราหะ” ก็ยอมรับว่าเป็นอะไรที่ว้าวมาก โดยในงาน แถลงข่าว เปิดตัวคอนเทนต์ oneD ORIGINAL เจ้าตัวก็เผยว่ารับปันผลครั้งแรกจุกๆ ไปเลย ของตนยังมีอยู่อีก 1.9 ล้านหุ้น มั่นใจขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ลั่นปีนี้คิวเต็มแล้ว ใครติดต่อเล่นหนัง-ละคร ให้รอปีหน้า
“ก็อึ้ง กรรมการอึ้งค่ะ คิดว่ามันเป็นอะไรที่ว้าวมากๆ แล้วก็ดีใจกับผู้ถือหุ้นทุกคน หนูว่าไปได้เรื่อยๆ เพราะ MGI มันมีอะไรหล่อเลี้ยงตลอด ไม่ว่าจะเป็นผลงาน หรือสินค้าต่างๆ ก็สามารถต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ของหนูตอนนี้น่าจะเหลืออยู่ประมาณ 1,900,000 จริงๆ เดี๋ยวจะมีทั้งเพิ่มและทั้งลด ก็เป็นการเทรดไปด้วย หนูเล่นหนูก็อยากได้กำไร ช่วงที่มันขึ้นเราก็อาจจะมีการเทรดเพื่อเอาทุนคืน แล้วอาจจะต่อลงเพิ่มสลับสับเปลี่ยน (ปลายปีรอปันผลแบบจุกๆ?) ครั้งแรกก็จุกอยู่ค่ะ (หัวเราะ)”
คาดปีหน้ามีละครต่อ ปีนี้คิวแน่นหมดแล้ว
“คิดว่ามี แต่ว่าอาจจะเป็นคิวการถ่ายก็น่าจะเป็นช่วงปีหน้าเลย เพราะคิวในปีนี้แน่นหมดแล้ว เดี๋ยวมีภาพยนตร์ค่ะ แล้วก็ซีรีส์ด้วยที่กำลังจะถ่าย ติดต่อได้แต่รอปีหน้า ส่วนหนังตอนนี้ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ว่ามีรีชู๊ตหรือเปล่า ก็จะได้ดูกันในวันที่ 19 สิงหาคม ก็ถ่ายเดือนที่แล้วที่หายไปประมาณหนึ่งเดือน เขาขอคิวมาประมาณนี้ เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคมก็จะถ่ายละคร
คือหนูคิดว่ามันจะง่ายกว่านี้ แต่จริงๆ มันยากมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสมจริง ด้วยความที่เป็นจอใหญ่ทุกอย่างต้องสมจริงมากๆ ก็จะมีบางอันที่เราต้องลงลึกจริงๆ สำหรับความรู้สึกนั้นๆ ก็จะมีเอาออกบ้างหรือบางทีก็สถานที่แดดร้อนมากพอเราถ่ายกันบนเนินเขา บนดอย ไม่ได้อยู่ในร่ม อากาศร้อน พอเราเช็กมอนิเตอร์ทุกครั้งแต่ละซีนก็ทำให้เราหายเหนื่อย คุ้มค่าสมกับการรอคอยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นละครหรือว่าภาพยนตร์
ถามว่าอากาศกับบทอะไรยากกว่ากัน ต่างกันมาก ละครจะมีความพีเรียดในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 มีความสวยไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม แต่ภาพยนตร์จะมีความโทรมนิดหนึ่ง เพราะว่าด้วยความที่ตัวละครค่อนข้างจะเรียลมาก แต่งให้ดูโทรมขึ้น คล้ำขึ้น จะมีบางอันที่เราถ่ายกันช่วงท้ายๆ แทบจะไม่ต้องทาใต้ตาเพราะว่าโทรม ไหม้แดด สมจริงแน่นอน บอส (ณวัฒน์ อิสรไกรศีล) ก็บอกว่าคุ้มค่าแน่นอน หนูคิดว่าเขาก็น่าจะภูมิใจและมั่นใจกับผลงานที่ออกมาว่าต้องดีมากๆ”
ชมพาร์ตเนอร์ “เจฟ ชาเตอร์” หรือ “วรกมล ซาเตอร์” ลั่นกดดันเล่นกับมืออาชีพ แต่บอกตัวเองไม่มีอะไรทำไม่ได้
“ตอนแรกก็ว่าจะเข้าขากันยังไงดี ด้วยคาแรกเตอร์ของเขาและของเรา แต่จะมีความเป็นศิลปินที่พอเราเริ่มคุย ตลอดหนึ่งเดือนที่ถ่ายด้วยกันน่ารักมาก คอยซัปพอร์ตกันดีค่ะ ส่วนที่คนคาดหวังว่าเป็นเราแล้วต้องออกมาดีก็มีบ้างที่รู้สึกกดดัน เราจะทำได้ไหม อย่างละครมีซีนที่ต้องเล่นกับนักแสดงมืออาชีพ ก็มีความรู้สึกว่าเราจะเล่นได้ไหม แต่สุดท้ายจะคอยบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้”
แนะนางงามขายของ ให้มองด้านบวก จะได้ไม่บั่นทอนและเหนื่อย
“จริงๆ ก็เข้าใจทุกมุมมอง เรามาอยู่ตรงนี้แล้วก็เคยเป็นผู้เข้าประกวดมาก่อน แต่ในปี 2024 แคมเปญมันอาจจะหนักมากขึ้น เพราะว่าด้วยความที่ตอนนี้ MGI หรือมิสแกรนด์ มีความก้าวหน้าในเรื่องของตลาดหลักทรัพย์หรืออะไรก็ตาม มันก็ต้องบ่งบอกให้เห็นว่าคนที่จะมาอยู่ตรงนี้ ต้องสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
แล้วเราบอกชัดเจนว่ามีเรื่องมีธุรกิจนั่นคือการขายของ แต่ว่าในที่นี้อยากจะบอกน้องๆ ว่า บางทีต่อให้ยอดมันจะไม่ถึง แต่ว่าเราเห็นความพยายาม เห็นความตั้งใจ อันนี้เราก็เข้าใจได้ แต่หนูว่าสิ่งที่บอสณวัฒน์อาจจะสื่อ อาจจะหมายถึงว่า บางคนอาจจะไม่ได้ดูมีความตั้งใจที่จะตั้งกล้องนำเสนอ หรือพรีเซนต์สินค้าจริงๆ ก็เลยทำให้ยอดไม่ดีหรือว่ายังไง แต่สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้น้องๆ ให้มีประสบการณ์ทุกๆ ด้านแล้วกัน
ถือว่าการขายของมันก็ทำให้เราได้ค่าคอมบ์ฯ มันก็มีรายได้มากขึ้น เพราะว่าทุกๆ การไลฟ์ถ้าน้องๆ ขายได้มันก็มีค่าคอมบ์ฯ ที่จะไปต่อยอดตัวเองได้ เพราะว่าบางคนได้บางเดือนเป็นแสน ก็พยายามมองให้มันเป็นด้านบวก จะไม่บั่นทอน แล้วก็เหนื่อยด้วย สำหรับหนูก็ยังมองว่าในปีนี้ ที่เรามีส่วนในการตัดสิน ก็มองในความเป็นบิวตี้ควีนเป็นหลักด้วย”
ถ้าถามสำหรับหนูสิ่งที่หายไป ก็คือบิวตี้ควีน แล้วเราก็จะได้เห็นส่วนมากเน้นไปคนหนึ่งดีด้านนี้ก็ดีไปเลย ขาดด้านนี้ ก็มีคุยกับบอสว่าเจอคนที่ถูกใจบ้างหรือยัง บอสก็คิดเหมือนเรา ว่ามันยังเจอคนที่อยู่ตรงกลางพอดีๆ ยังไม่ได้ ก็อาจจะมีเวลาให้น้องๆ ทำการบ้านเพิ่ม บางคนอาจจะขายของเยอะจนลืมเพอร์ฟอร์แมนซ์ตัวเอง หรือบางคนเพอร์ฟอร์มฯ ดีมาก แต่ธุรกิจดูจะยาก ก็เป็นกำลังใจให้ เราก็ดูคนที่จะมาต่อยอดได้”
แจงแคมเปญ 750,000 ยอดสูงมาก แต่ได้ไปแค่ภูเก็ต
“สำหรับหนูมองว่าถ้าทำยอด 750,000 ได้ อันนี้เราอยากให้น้องคิดไปในด้านบวก ว่ามีค่าคอมบ์ฯ ที่ได้เยอะเช่นเดียวกัน สำหรับการขายที่มีแคมเปญแต่ละแคมเปญเราก็เข้าใจ ว่าน้องๆ จะมีความเหนื่อย ความล้า หรือว่าบางคนมีแสงหรือแฟนคลับที่มาซัปพอร์ตไม่เหมือนกัน หรือแฟนคลับบางคนรู้สึกว่ามันมีแคมเปญเยอะจนซื้อไม่ทันอะไรก็ตาม เราพอเข้าใจ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันคือบทพิสูจน์ที่เราก็อยากจะเห็นว่าถ้าคุณทำได้ คุณเอาอยู่ คุณก็สามารถเอาชนะจังหวัดที่เหลือได้ ถ้าทำได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ก็รอดูในแคมเปญต่อไปค่ะ”
