xs
xsm
sm
md
lg

"ณวัฒน์" ปักธง นำทัพ MGI เวทีนางงามแรกของไทยและของโลก เข้า "มหาชน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ก่อนหน้านี้ สมญา "อิงฟ้า มหาชน" ของ "อิงฟ้า วราหะ" มิส แกรนด์ ไทยแลนด์ปี 2022 มาจากการอวยยศของหมู่มวลแฟนคลับ ที่ให้เกียรติในฐานะที่เป็นขวัญใจของมหาชน ที่ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มรากหญ้า จนถึงบรรดาไฮโซ

แต่วันนี้ของ อิงฟ้า สามารถมีคำต่อท้ายชื่อเป็น "มหาชน" อย่างถูกต้อง และเป็นทางการ

เพราะมีรายนามใปรากฎเป็นผู้ถือครองหุ้นอยู่ใน บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ถึง 2 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนถึง 0.95%

ขณะที่ ชาล็อต ออสติน รองอันดับ 5 ในปีเดียวกัน ก็มีหุ้นอยู่ในสัดส่วน 0.95 % หรือ 2,000,000 หุ้น เท่ากัน

และแน่นอนว่า ผู้ถือครองหุ้นในสัดส่วนสูงสุด ก็หนีไม่พ้นบิ๊กบอส อย่าง "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ตัวพ่อของมิส แกรนด์ โดยถือหุ้นจำนวนสูงถึง 90,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 42.86% หรือเกือบกึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นทั้งหมดนั่นเอง


หุ้นของ MGI เปิดขายวันแรก (14 ธ.ค.)ในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยราคา 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 26.26% จากราคา ไอพีโอ 4.95 บาท มูลค่าการซื้อขาย 73 ล้านบาท

ต้องเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของหุ้นนางงามตัวแรกในประเทศไทย และตัวแรกในตลาดโลกที่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในระดับมหาชนได้สำเร็จ

ทั้งนี้ธุรกิจการประกวดนางงาม ถือเป็น 1 ใน 4 ของธุรกิจ ที่สร้างรายได้ให้ MGI ได้อย่างมหาศาล ในอีกมุมหนึ่ง ถือว่าเป็นเวทีประกวดสาวงามเวทีแรก ที่มีเครือข่าย 77 เวที 77 จังหวัดในประเทศไทย และสามารถขายลิขสิทธิ์ไปได้อีก 90 ประเทศทั่วโลก

งานนี้ต้องถือเป็นความสำเร็จและก้าวย่างอันยิ่งใหญ่ของ บอสณวัฒน์ ที่สามารถยกระดับเวทีประกวดสู่มาตรฐานระดับสากล


เรียกว่าสามารถไต่จากที่เคยรั้งอยู่ในลำดับท้ายสุดของ TOP3 เวทีประกวดสาวงามระดับโลก จนตอนนี้สามารถมายืนผงาดจับมือลุ้นมง เป็น 2 เวทีที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ

แม้ว่าการประกวดในแต่ละปี จะต้องแลกมาด้วยกระแสดราม่าตลอด จนกลายเป็นที่จับตามองว่า ตั้งใจปั้นข่าวเพื่อเรียกแสงหรือไม่ ? อย่างไร ? แต่ ณวัฒน์ ก็ยังคงยืนหนึ่งท่ามกลางมรสุมกระหน่ำอย่างไม่สะท้านสะทก


ถ้าพิจารณาสัดส่วนรายได้ของ MGI ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ก็จะพบว่า มีรายได้จากมาธุรกิจพาณิชย์ 40.86% , ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ 12.63% , ธุรกิจสื่อและบันเทิง 19.06% , ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน 23.12% รวมไปถึงยังมีรายได้ค่าเช่าช่วง MGI Hall 3.51% และรายได้อื่น 0.82%

ขณะที่รายได้ของ MGI ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ปรากฎตัวเลขดังนี้

– ปี 2563 รายได้ 338 ล้านบาท กำไรสุทธิ 44.8 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้ 342 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29.0 ล้านบาท
– ปี 2565 รายได้ 319 ล้านบาท กำไรสุทธิ 47.8 ล้านบาท
– ปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) รายได้ 432 ล้านบาท กำไรสุทธิ 77.1 ล้านบาท


หรือพูดง่ายๆ ก็คือตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2563 MGI สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก กำลังประสบกับวิกฤตโควิด -19 ก็ตาม

ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับ 16-22 ธันวาคม 2566



กำลังโหลดความคิดเห็น