“โป๊ป ธนวรรธน์” เหลือเชื่อ เรตติ้ง “พรหมลิขิต” ดีเกินคาด ยังครองเลข 7 บอกทุกคนมีความสุข คุ้มแล้วเล่นบทแฝดสาม ได้ค่าตัว 3 เท่า แต่ประกาศไม่เอาอีกแล้ว ยันยังรับงานอยู่ - ไม่ได้จำศีล แต่มีงานแค่สิ้นเดือนนี้ ลั่นเลี้ยงชีพได้ พอดีกับตัวเอง ก่อนเคลียร์เป็นพระเอกอินโทรเวิร์ต?
ละครพรหมลิขิต ออนแอร์ไปหลายอีพี เหล่านักแสดงเริ่มทยอยออกอีเวนต์ แต่ “โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” พระเอกของเรื่อง เพิ่งจะได้ออกงานวันนี้ (9 พ.ย.) เป็นวันแรก ในงานกิจกรรม รวมพลคนรัก “โป๊ป ธนวรรธน์” คืนชีวิตไม่ติดแพ้ดูแลด้วยอัลนี้ สนับสนุนโดย Allernix อัลเลอร์นิค โดยหนุ่มโป๊ปได้เปิดใจแฮปปี้ที่สุด เรตติ้งละครครองเลข 7 อยู่ แค่นี้ก็เหลือเชื่อแล้ว
“จริงๆ ละครก็สนุกอยู่แล้ว ในความคาดหวังของทีมงานและพวกเรา ก็ไม่คิดว่าเรตติ้งจะเกิน 6 หรือ 5 ในตอนแรกๆ พอมันเกินมาก็เหลือเชื่อเหมือนกัน เพราะว่าในยุคนี้ก็สามารถดูละครได้หลายช่องทาง แต่ในทีวีก็ยังคงเยอะและครอง 7 ไว้ได้ ทีมงานทุกคนก็มีความสุขครับ
มันเกินจากที่เราคิดแน่นอนครับ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ละครได้เรตติ้ง 5 ก็ฉลองกันแล้ว แต่อันนี้สตาร์ทมาก็ 6 กว่า และยังไปถึงเกือบ 8 อย่างทางช่องทางออนไลน์ที่ดูคู่กันแล้ว ก็ถือว่าคนดูเยอะ ส่วนใหญ่ 95% ก็จะชอบกันหมด เท่าที่ผมได้ยินคนรอบข้างและดูกระแสในโซเชียล”
ช่อง 3 ราหูเคลื่อน ไม่เกี่ยวกับตน แต่เพราะเป็นละครครอบครัว
“ไม่เกี่ยวกับผมหรอก คือถ้าบทหรือว่าเรื่องราวมันสนุก คือเราเจอเรื่องเครียดๆ มาเยอะ พอมีเรื่องทำให้คนดูยิ้ม เป็นละครครอบครัว คนก็เลยอาจจะชอบ อย่างที่ผ่านมาก็มีมาตาลดา ก็ทำให้เห็นแล้วว่าคนชอบ เขาอาจจะชอบดูอะไรที่สบายๆ เรื่องนี้ก็ตอบโจทย์คนในประเทศเรา”
คุ้มแล้วเล่นบทแฝด 3
“คุ้มครับ (หัวเราะ) จริงๆ ก็ดีใจครับ ที่คนดูเยอะ เราก็ไม่ได้คิดหรอกว่ามันคุ้มไหมในแง่ของนักแสดง เราก็ทำหน้าที่ในวันนั้นให้ดีที่สุด แต่พอโดยรวมเรื่องสนุกก็ไม่ได้เกี่ยวกับเราคนเดียว องค์ประกอบทุกอย่างในเรื่องก็ทำให้คนดูมีความสุข ซึ่งถ้าถามการคาดการณ์ คือผมไม่รู้เลยจริงๆ คือมันเดาไม่ถูก 2 หลัก คือมันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม คือถ้า 2 หลักมันก็ที่สุดแล้วแหละ อย่างตอนบุพเพสันนิวาสก็ 18 แต่ในตอนนั้นมันก็ยังไม่มีออนไลน์มาก ผมก็คิดว่าถ้า 2 หลักก็เทียบเท่ากับตอนนั้นแหละ แต่ก็คิดไม่ถูก เดาไม่ถูกกับการดูละครของคนในยุคปัจจุบัน”
ไม่รู้ต้องไปรำแก้บนไหม
“ไม่มีนะ คือผมไม่มี แต่เขาไม่บอกผม ผมไม่รู้ ก็เดี๋ยวค่อยว่ากันแล้วกัน ไม่ได้คุยกันเรื่องสายมูเลยครับผม ได้คุยกันแต่เรื่องงาน ว่าละครสนุกดีนะ เป็นยังไงกับผลตอบรับ ทีมงานจะคุยกันแบบนี้มากกว่า”
ขำๆ น้อยใจคนเชียร์แต่พ่อเรือง
“ไม่หายน้อยใจ (ยิ้ม) เปล่า ผมแซวเล่น ผมก็ชอบแหย่ คือมันเป็นเรื่องที่ตลก คือเราเล่นเป็นทุกตัว แต่ริดเราเล่นประจำ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงชอบเรือง เราก็ไม่รู้ก็กวนเขาไปอย่างนั้นแหละ”
เข็ดบทแฝด 3 ไม่เอาอีกแล้ว
“เข็ดแล้วจริงๆ ครับ บ๊ายบายเลยครับ ไม่เอาแล้วจริงๆ ครับผม ส่วนที่บอกว่าเล่นเป็นเหมือนพ่อริด จริงๆ แล้วผมว่านักแสดง สามารถดึงศักยภาพของตัวเองมาได้ทุกมุมแหละ คือคนเรามีหลายมุม อยู่ที่ว่าเราเข้าใจคนๆ นี้ไหม แต่เท่าที่ผมชอบผมชอบริดมากกว่า เท่าที่ดูละครนะครับ ในฐานะคนดูก็ชอบคาแรกเตอร์แบบริด ตลกดีสนุกดี”
ไม่อยากเล่นบทพ่อ เพราะยากกว่า
“ตัวพ่อ เพราะว่าพ่อยากนะ คือเขาโตกว่าเราเยอะ แล้วบทก็ค่อนข้างจะพูดยาก ต้องพูดโบราณ อย่างริดเรายังพอพลิ้วได้ แต่พ่อก็ยังคงความเป็นพี่หมื่นอยู่ ต้องสุขุมความคิดต้องโต คือมันก็ยาก บางทีเราเล่นเป็นริดเยอะๆ เล่นเป็นเด็กมาเยอะ แล้ววันนั้นเราต้องเปลี่ยนชุดมาถ่ายพ่อ มันโหดร้ายนะ คือมันคนละอารมณ์ นักแสดงจะเข้าใจว่ามันยาก มันยากที่การปรับความรู้สึก เพราะเรื่องของจิตใจมันละเอียดอ่อน”
กุ๊กกิ๊กเยอะ แต่ยาก โอดไม่อยากเล่นบทสามคน เพราะไม่สนุก
“แต่ยากนะ อย่างริดกับพุดตานเล่นมันก็อีกอย่างนึง คือถ้ามองละเอียดจะเห็นว่ามาเล่นคนละแบบ เล่นเป็นพ่อมันแค่ 10% ริดเล่น 90% แล้วต้องมาเล่นพ่อมันเหมือนต้องสวิตซ์ ไม่ใช่ผมเล่นวันนี้แล้วอีก 2 วันไปทำการบ้าน คือมันต่อเนื่องเลยค่อนข้างยาก พอมีบท 3 คนไม่อยากเล่นเลย คือไม่สนุกเลย คือคนก็ชอบ มันก็คือสิ่งที่เราตั้งใจทำงาน ก็สุดๆ กับการทำงานแล้วแหละ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการที่คนดูชอบ บางคนก็บอกว่าพ่อน่าจะแก่อีกหน่อย แต่ผมหน้าอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะแก่ยังไงได้ ไอ้เรามันก็เด็กซะด้วยสิ ล้อเล่น มันก็เป็นการทำงานที่เต็มที่แล้วแหละ เพราะแฝดสามมันก็ทำงานหนักแล้ว อย่างเรตติ้งที่ขึ้นมาก็คือความสนุกความตลก พี่หมื่นกับการะเกด แล้วก็พุดตานกับริดด้วย มันก็ทำให้คนดูชอบ ฟินมั้ง ก็ยังเดาไม่ถูกนะ ก็ไม่รู้ว่าท้ายๆ จะเป็นยังไงต่อ”
งานคู่ “เบลล่า ราณี แคมเปน” ก็รออยู่
“ก็รออยู่ครับ ถ้ามีงานและคิวได้ตรงกัน ก็อาจจะมีโอกาสได้ออกงาน”
ยังรับงาน แค่หางานที่เหมาะสม
“รับ วันนี้ก็ยังรับ (แฟนๆบนเวทีบอกว่าคิดถึง?) เราก็หางานที่เหมาะกับเราจริงๆ อย่างงานวันนี้ก็โอเค เขาก็ไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เราก็เลยรับงาน ส่วนที่หลายคนบอกว่ารับงานเฉพาะงานที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ไม่ เดี๋ยวสิ้นเดือนก็มีงาน ก็เป็นอีกหนึ่งงานเหมือนกัน ก็เป็นในรูปแบบที่เราเป็นเราก็รับ”
ไม่ได้จำศีล แค่ไม่โหมรับงานเหมือนตอนละครบุพเพฯ
“ไม่ๆ ไม่ได้จำศีลหรอก ก็แค่งานไหนถ้ามันใช่ มันใช่ที่เราอยากจะก้าวออกไปทำ เราก็ทำ ตอนบุพเพฯ ภาคแรกใช่ไหม คือตอนนั้นก็ทำหมด ผมจะทำอะไรเขาก็ให้ผมทำ ถามว่าเราไม่อยากกลับไปโหมงานหนัก คือตอนนั้นมันเหมือนกับว่างานที่เขาจ้างเรา ก็จะตามในตัวที่เราเป็น มันก็เลยง่าย เราก็เลยรับได้ตามนั้น จริงๆ งานมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอก แต่ด้วยความที่ละครประสบความสำเร็จ ก็เลยดูเหมือนผมมีงานเยอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นงานพรีเซ็นเตอร์ด้วยรวมๆ กัน ก็เลยดูเยอะ (ตั้งแต่ละครออนอันนี้คืออีเวนต์แรก?) ใช่ เป็นอีเวนต์แรก ใช่เลยครับ”
มีงานแค่สิ้นเดือนนี้ ลั่นเลี้ยงชีพได้ พอดีกับตัวเอง
“ไม่รัวครับ มีแค่สิ้นเดือน ที่จะมีอีกหนึ่งงาน ถามว่าปฏิเสธไปเยอะไหม ก็ไม่เยอะมาก แต่บางอย่างดีลกันไม่ลงตัวก็มี ก็ไปหลายปัจจัยครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่รับอย่างเดียว บางทีคุยแล้วไม่ตรงก็อาจจะไม่ได้ร่วมงาน จริงๆ เป็นอย่างนี้มานานแล้วนะ คือเรารับงานตามที่เราเห็นสมควร แต่เมื่อก่อนเขาอาจจะเห็นสมควรกับเราได้บ่อยและเยอะ เราก็เลยได้รับ แต่เดี๋ยวนี้เวลาเปลี่ยนอะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป ก็เป็นธรรมดาครับ ก็อาจจะมีนักแสดงใหม่ใหม่ที่เกิดขึ้นมาเยอะ ก็ทำงานในรูปแบบใหม่เยอะ ส่วนเราโตแล้วก็อาจจะทำอะไรได้ไม่เหมือนเด็กๆ ก็ปัจจัยหลายอย่างครับ เราก็สบายๆ ครับผม แค่ทำงานนักแสดงเราก็แฮปปี้แล้วครับ ก็ถือว่าเลี้ยงชีพได้พอเพียง แล้วก็พอดีกับตัวเองแล้ว เราไม่ได้คิดว่ารับงานเพื่อให้มีงาน เราไม่ได้คิดแบบนั้น”
ยังไม่มีละครต่อ
“ละครยังไม่มี (รับเรื่องนึงหายไป 3 ปี?) (หัวเราะ) มันเป็นจังหวะมากกว่า เรื่องไหนที่ผมเล่นยาว มันก็ทำอะไรไม่ได้ มาเล่นที 2 ปี เราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน ช่องก็ยังไม่มีเสนอบทเข้ามาครับ”
ไม่เชิงเป็นพระเอกอินโทรเวิร์ต
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ จังหวะชีวิตมันอาจจะยังไม่มีงานแบบที่โดนใจ แต่ถ้ามีบทที่ตรงใจก็ไม่เกี่ยงก็อยากเล่น ก็คือถ้ามีบทที่มีไฟทำให้อยากเล่นหรือสนุกกับมัน ก็เล่นครับผม ถามว่าบทแบบไหนที่อยากเล่น ไม่รู้เลยต้องอ่านบทครับ ผมก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน คือเราเล่นมาเกือบทุกบทบาทแล้ว”
เล่นแฝด 3 ได้ค่าตัว 3 เท่า
“ใช่ นักแสดงก็จะเป็นอย่างนั้นหมด ถ้าเล่นแฝด 3 ก็ได้ 3 คนเลย เหมือนเล่นละคร 3 เรื่อง (เป็นเหตุผลที่รับทีละเรื่อง?) ไม่เกี่ยว รับทีละเรื่องมาตั้งนานแล้ว เป็นคนที่ชอบเล่นแล้วอินกับตัวละคร แบบสนุกกับมันมากกว่า ไม่อยากทำงาน 7 วันแล้วเหนื่อย ป่วยไม่สบาย แต่ผมก็มีอะไรทำส่วนตัวกับครอบครัวก็มีครับ มีเวลาให้กับงานส่วนตัวที่ทำอยู่”
