ปังไม่ไหว กับสุดยอดเทศกาลดนตรีกลางสายน้ำ Wet & Wild Festival 2023 ที่มันกันจนร่างแหลก ท่ามกลางเสียงชมเชยจากผู้ร่วมงานว่า “ดีงามไปทุกสิ่ง”
เป็นการฉลองการกลับมาจัดครั้งที่ 5 ที่ประสบความสำเร็จชนิดว้าวซ่าขั้นสุด สร้างความชุ่มฉ่ำทั้งกายทั้งใจให้กับผู้ร่วมงานทุกคนในแบบนอนสต็อป ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งก็ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของงาน Wet & Wild ที่ก่อนหน้านี้เคยจัดขึ้นมาแล้วได้อย่างสวยงาม เพิ่มเติมก็คือสีสันความสนุกที่ทางผู้จัดเนรมิตให้สวนน้ำบนเนื้อที่ 200 ไร่ของ โคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส พัทยา ให้เป็นทั้งเวทีคอนเสิร์ตและลานกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้ปลดปล่อยตัวเองแบบสุดตัวสมกับคอนเซ็ปต์ The Animal Planet พร้อมคอนเซ็ปต์สุดปังอย่าง “ปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวคุณ” จริงๆ
มีไม่บ่อยครั้งแน่นอนที่จะมีการจัดคอนเสิร์ตในสวนน้ำที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ โดยก่อนที่แร็ปเปอร์สาวสุดจี๊ด วันเดอร์เฟรม ที่มาพร้อมเพลงสไตล์แคนดี้ป็อปและฮิปฮอปจังหวะชวนโยกสุดมันจะขึ้นโชว์เป็นคนแรกในเวลา 4 โมงเย็น ผู้ร่วมงานก็มีเวลาเล่นน้ำในโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลานน้ำคลื่นจำลองสำหรับซ้อมเล่นเวคบอร์ด, สไลเดอร์ขนาดยักษ์หลายโซน, สระว่ายน้ำทั้งขนาดเล็กใหญ่ที่ล้อมรอบทั่วบริเวณสวนน้ำและกิจกรรมสำหรับครอบครัวและเพื่อนๆตั้งแต่เที่ยงตรง เพื่อชาร์จพลังในวันหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ที่เป็นใจในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ และถึงแม้ว่าแดดจะร้อนในช่วงเที่ยง แต่ครีมกันแดดที่แจกให้ฟรีตลอดงานก็ถือเป็นไอเดียสุดปังที่ทำให้การเล่นน้ำในสวนสนุกเป็นไปอย่างไม่ติดขัด และทวีความมันมากยิ่งขึ้นไปอีกกับเสียงดนตรีสนุกๆ ที่ขับกล่อมทุกคนตลอดงาน
ปีนี้สาวๆ ได้มีโอกาสนำเอาชุดบิกินีที่เคยพับเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ามานานหลายปีตั้งแต่สถานการณ์โควิดมาใส่อวดหุ่นสวยโชว์สรีระสุดเซ็กซี่กันอย่างเต็มที่จนทำให้สวนน้ำ โคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส กลายเป็นชายหาดขนาดย่อมๆ กันไปเลย แถมยังมีเวลาได้เปลี่ยนชุดกันหลากหลายสไตล์ทั้งชุดสำหรับเล่นน้ำและชุดสำหรับดูคอนเสิร์ตที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลงไปดูกันในสระว่ายน้ำให้เย็นฉ่ำหัวใจแบบสุดๆ ตั้งแต่โชว์แรกยันโชว์สุดท้าย
งานในปีนี้จัดเต็มด้วย 2 เวที ซึ่งจัดขึ้นเพื่อรองรับแฟนเพลงที่ชอบดนตรีที่มีสไตล์แตกต่างกัน เวทีแรกมีชื่อว่า Mega Wave ที่ ส้ม มารี สร้างความครึกครื้นเป็นการอุ่นเครื่องให้กับทุกคนเป็นคนที่สองต่อจากโชว์ของ วันเดอร์เฟรม ตามมาด้วยโชว์ของ The Toys ที่เปลี่ยนสไตล์มาเป็นดนตรีป็อปร็อกด้วยสำเนียงเสียงกีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่อด้วยการแสดงสดสุดเท่ด้วยเสียงร้องที่ไม่ธรรมดาของป็อปสตาร์แห่งยุคอย่าง นนท์ ธนนท์ และ จ๊ะ นงผณี นักร้องลูกทุ่งสาวสุดแซ่บที่วาดลวดลายสุดร้อนแรงจนแทบจะทำเอาน้ำในสระเดือดกันไปเลย ส่วนคอนเสิร์ตของ 3 ศิลปินอย่าง Potato, URBOYTJ ปิดท้ายด้วยความมันสุดเดือดกับ ไททศมิตร พร้อมโบกมือลาและขอบคุณทุกคนด้วยพลุสุดอลังการ สร้างความประทับใจสุดขีดเต็มสตรีมจริงๆ
ส่วนเวทีที่ 2 เน้นดนตรีแดนซ์และฮิปฮอปอย่าง Surf Arena ก็ถือเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่าหนุ่มสาวที่พร้อมใจกันปลดปล่อยความสนุกออกมา ดนตรี EDM และบีทฮิปฮอปชวนโยก เวทีนี้คราคร่ำไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวยที่พร้อมใจกันโชว์แซบกันแบบไม่บันยะบันยัง เรียกได้ว่าแดนซ์กันตกขอบสระกันเลยทีเดียวกับโชว์ของ LazyLoxy, P-Hot, Hypertrain, DHG รวมถึงเหล่าดีเจยอดฝีมืออย่าง Botcatch, Roxy June, Make You Freak, Cleo P, Dope Here และ โจล่ง
นอกจากจะเปียกปอนอย่างสุขอุราด้วยสายน้ำแล้ว Wet & Wild Festival ก็ยังเป็นเทศกาลดนตรีและ Ketchupboyz สุดพิเศษที่ทำให้ทุกๆ คนรู้สึกชุมฉ่ำหัวใจไปด้วยสายธารจากดนตรีหลากหลายแนวทางที่มาบรรจบเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงพลังของดนตรีทุกแนวไม่ว่าจะเป็นแนวร็อก, ป็อป, แดนซ์สายตื้ดสายโยก, ลูกทุ่งสุดนัว ไปจนถึงฮิปฮอป ซึ่งโชว์ของศิลปินแต่ละคนก็มีการปล่อยของออกมาเต็มที่แบบไม่มีกั๊ก นับว่าเป็น 12 ชั่วโมงแห่งความสุขนับตั้งแต่พระอาทิตย์ตั้งฉากกับโลกจนกระทั่งแสงจันทร์สาดส่องลงมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยพลุสวยงามสุดอลังการ ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการจบงานที่สวยสดงดงามจริงๆ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Wet&Wild Festival ได้ที่ https://www.facebook.com/WetandWildFestival