xs
xsm
sm
md
lg

“ไบร์ท วชิรวิชญ์” เปิดตัวบริษัท Cloud9 ผลักดันศิลปินไทยให้ทำงานระดับอินเตอร์ ใช้ตัวเองเป็นหนูทดลอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไบร์ท วชิรวิชญ์” เปิดตัวบริษัท Cloud9 อย่างเป็นทางการ หวังพัฒนา สร้างสรรค์ศิลปินสู่ระดับอินเตอร์ เป้าหมายไม่ได้ทำเพื่อเงินแต่หวังสร้างสรรค์ผลงานที่ภาคภูมิใจ โดยจะใช้ตนเป็นหนูทดลองในการรันระบบบริษัทก่อน บอกแฟนๆไม่ต้องเป็นห่วงยังจะได้เห็นโมเมนต์ “ไบร์ท-วิน” อีกแน่นอน

ขึ้นแท่น CEO หนุ่มไฟแรงอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ “ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี” หลังทุ่มทุนหลักล้านจัดงานปาร์ตี้เปิดตัวบริษัท Cloud9 Entertainment ที่ Spaceplus Bangkok RCA ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ไบร์ท ได้เปิดใจถึงเป้าหมายในการเปิดบริษัทนี้ เพื่อพัฒนาสร้างสรรค์ศิลปินสู่ระดับอินเตอร์ โดยตนจะเริ่มเป็นหนูทดลอง ทดลองระบบที่ตนเองได้วางไว้ ก่อนที่จะ
เซ็นสัญญากับศิลปินคนอื่นเข้ามาร่วมงานในอนาคต

“สำหรับค่ายนี้มี 2 พาร์ต คือในส่วนของการดูแลศิลปิน ผมไม่ได้ตั้งใจเปิดค่ายนี้เพื่อมาดูแลผมคนเดียว จะมีศิลปินที่เราดูแลในสังกัดด้วย เราจะทำงานในพาร์ตของเอเจนซี่ด้วยตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าการปั้นศิลปิน การปั้นชิ้นงานต่างๆ โฆษณา มิวสิกมาเก็ตติ้ง อีเวนต์ อะไรที่เกี่ยวกับครีเอทีฟเอเจนซี่เราสามารถจัดการให้ได้หมด ครบวงจร สำหรับ Cloud9 ให้เทียบเป็นภาษาไทยมันคือคำว่า สวรรค์ชั้น 7 แบบว่ามีความสุขมากๆ ผมอยากสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความสุข อีกความหมายนึง Cloud9 มันคือเหมือนเราทะลุเมฆขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ อยากจะให้เราทำงานไปด้วยกันอย่างมีความสุขจนถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ผมไม่ค่อยเชื่อในความเจ้ายศเจ้าอย่าง”

ไม่ต้องปรับตัวเองในเวย์ผู้บริหาร เพราะที่ผ่านมาก็เปิดบริษัทเกี่ยวกับแฟชั่นอยู่แล้วเพียงแค่ไม่มีใครรู้
ตัวผมไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเยอะครับ ส่วนตัวผมทำธุรกิจอยู่แล้ว ผมมีอีกแบรนด์นึงที่ทำเกี่ยวกับแฟชั่น เพียงแต่ว่าไม่ได้มีโอกาสมาออกสื่ออะไรแบบนี้ เป็นธุรกิจเหมือนกัน ทำตำแหน่งเดียวกัน เหมือนเป็นอีกแคปนึงสำหรับธุรกิจมากกว่า ก็เป็นทั้งศิลปิน ทั้งผู้บริหารค่าย อย่าลืม ไบร์ท วชิรวิชญ์ ไม่ใช่ว่าเปิดค่ายแล้วจะเลิกทำงาน ยังเป็นศิลปินอยู่ ยังติดต่องานได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เรายังเป็นศิลปินคนเดียวในค่ายอยู่

ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมทีมจัดการระบบต่างๆ ให้มันเป็นได้อย่างที่เราตั้งเป้าไว้ ณ วันนี้ก็อยากให้ตัวเองเป็นเหมือนหนูทดลอง อยากทดลองกับตัวเองก่อน ถ้าระบบที่เราทำมันเวิร์กกับผมแล้ว ผมก็พร้อมที่จะเซ็นสัญญากับศิลปินคนอื่นๆ เข้ามา ผมมองว่าการเซ็นสัญญากับศิลปินคนนึงมันไม่ใช่แค่ว่าเขาจะทำอะไรได้ในช่วงเวลาที่อยู่ในสัญญากับเรา มันคือการดูแลครอบครัวเขา แฟนคลับเขา เราอยากจะดูแลกันไปจนถึงวันที่เขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว เขาจะทำอะไรต่อเพื่อดูแลตัวเอง”

เดือนมีนาคมปีหน้า คาดว่าผลงานเพลงของตนจะค่อยๆ ทยอยออก
“ส่วนตัวผมฟังเพลงค่อนข้างหลากหลาย มีคุยกับทีมเหมือนกันว่าสรุปแนวเพลงของผมคืออะไรกันแน่ ทุกอย่างมันก็คือตัวตนที่เป็นเราแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้สรุปว่าคือแนวไหน แต่บอกได้เลยว่ามันจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นแน่นอน ในแง่ของเพลงใหม่ ปีหน้าได้เห็นผลงานผมในลิสต์อัลบั้ม เราจะเริ่มปล่อยกันในเดือนมีนาคม กับผลงานของผมที่เป็น เพลงภาษาอังกฤษเพลงแรก”

ตนและค่าย Cloud9 ไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใคร แต่ต้องการผนึกกำลัง Thai Team ก้าวสู่ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล
จริงๆ ผมไม่ได้แข่งขันกับใครเลยครับ ผมมองว่าเราแข่งขันกับตัวเอง ทำผลงานให้ดีขึ้น พร้อมที่จะร่วมงานกับทุกคน เพื่อให้ตลาดไทยมันโตขึ้น เพื่อให้เราได้มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่มากขึ้น อันนี้คือเป้าหมายของเรามากกว่า เป้าหมายของเราไม่ใช่เรื่องเงิน แต่อยากผลักดันศิลปินไทยให้ทำงานในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลได้มากขึ้น แล้วก็ทำผลงานที่มีคุณภาพในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล เพราะผมเชื่อว่าผลงานที่ดีจะนำมาซึ่งผลกำไรที่ดีครับ

ผมไม่ได้แข่งขันกับใครเลย ผมแข่งขันกับตัวเอง ทำงานให้ดีขึ้น ผมมองว่าเราคือ Thai Team ผมพร้อมร่วมงานกับทุกคน ผมมองว่าเราร่วมมือกันเพื่อทำผลงานให้ได้ดีที่สุด เพื่อให้ตลาดไทยโตขึ้น มีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น นี่คือเป้าหมายของเรา ศิลปินเบอร์แรกของผม คือคนที่พร้อมจะทำงานในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ด้วยความที่งานที่ผมทำมันมีโอกาสได้ทำงานกับต่างประเทศเยอะมากๆ เรารู้สึกว่าเห็นช่องทางที่อยากจะพัฒนาศิลปินในแบบที่อินเตอร์เนชั่นแนลเขาทำ เพราะฉะนั้นคนแรกที่เราจะเซ็นจะเป็นคนที่พร้อมทำงานในอินเตอร์เนชั่นแนล ก็มีมองไว้แล้วแต่ยังบอกไม่ได้ครับ”

เป้าหมายในการเปิดค่าย Cloud 9 ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นผลงานที่รู้สึกภาคภูมิใจ
“ความท้าทายของผมคือต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ที่ผ่านมาจะมีผู้ใหญ่คอยดูแล คอยปกป้อง ให้คำแนะนำเรา ตอนนี้เราเป็นคนที่บังคับหางเสือทั้งหมด เราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูแลครอบครัว และทีมให้ได้ดีมากขึ้น ตอนนี้ผมรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ เรามีแนวทางของเรา เราอยากจะทำอะไรในแบบของตัวเอง มันทำให้เราได้เทคแคร์ ได้ทำงานในแบบที่เราต้องการได้มากขึ้นด้วยซ้ำ

บอกเลยว่าเป้าหมายไม่ใช่เรื่องเงิน เป้าหมายคืออยากจะผลักดันศิลปินไทยไปสู่ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลให้มากขึ้น ทำผลงานที่มีคุณภาพในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ผมเชื่อว่าผลงานที่ดีจะนำมาซึ่งผลกำไรที่ดี ผมไม่รู้นะ ผมไม่เคยบอกพนักงานว่าปลายปีนี้เราจะได้กำไรเท่าไหร่ แต่ผมบอกพนักงานว่าปลายปีนี้เราจะทำงานอะไรที่เป็นผลงานที่เราจะภาคภูมิใจบ้าง”

ยันแฟนคลับสบายใจได้ จะได้เห็นโมเมนต์ “ไบร์ท-วิน” แน่นอน บอก “วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” เป็นเพื่อนในชีวิตจริง ไม่คิดจะหายไปจากกัน
“แน่นอนครับ จริงๆ ติดต่อได้เสมอครับ ผมสามารถร่วมงานได้กับทุกคน ไม่ว่าจะวินหรือใครก็ตาม หรือแม้แต่จีเอ็มเอ็มทีวี เราก็ยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ส่วนตัวผมพร้อมจะร่วมงานกับน้องอยู่แล้ว วินอาจจะมาในพาร์ตของนักร้อง หรือมาในพาร์ตของเล่นเอ็มวีร่วมกัน เดี๋ยวเรามาติดตามกัน แล้วเราก็มองว่าในอนาคตเราก็อาจจะมีโปรเจกต์ร่วมกันได้อีกหลายๆ โปรเจกต์

ผมกับวินเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงครับ วินคือ Freinds for life ของผม เราเคยคุยกันว่าอนาคตต่อให้วันนึงเราจะแต่งงานมีลูก เราอาจจะมีทริปแบบไปเที่ยวทะเลกัน พาลูกไปกัน ทุกคนไม่ต้องห่วงคุณจะได้เห็นผมกับวินอยู่ในทุกๆ พาร์ตในชีวิตตลอดไปแน่นอน”



















กำลังโหลดความคิดเห็น