เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตศิลปินรุ่นใหญ่ ที่ตั๋วขายหมด (Sold Out) ในเวลาไม่นานหลังเปิดจำหน่ายบัตร สำหรับคอนเสิร์ต “40 ปี ของพี่กับน้อง” ของวง “ดิ อินโนเซ้นท์” (The Innocent) ที่จัดโดย “บริษัท หนีกรุง คอนเน็ค จำกัด” เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ที่ Royal Paragon Hall สยามพารากอน
คอนเสิร์ตครั้งนี้วง ดิ อินโนเซ้นท์ หรือที่หลายคนมักเรียกสั้น ๆ ว่า “อินโนเซ้นท์” ประกอบด้วย 4 สมาชิกหลักของวงที่ยังคงเหนียวแน่นเหมือนเมื่อคราวรวมตัวกันในคอนเสิร์ตเมื่อ 14 ปีที่แล้ว (ปี พ.ศ.2552) คือ “ชาตรี คงสุวรรณ” หรือ “พี่โอม” : ร้องนำ/ลีดกีตาร์, “สายชล ระดมกิจ” : ร้องนำ/ริทึ่มกีตาร์, “พีรสันติ จวบสมัย” : คีย์บอร์ด/ร้องนำ และ “เสนีย์ ฉัตรวิชัย” หรือ “พี่ปื๊ด” : เบส/ร้องนำ
การแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้เริ่มขึ้นในเวลา 1 ทุ่มนิด ๆ หลังจบเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ที่แฟนเพลงต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพกันทั่วฮอลล์
อินโนเซ้นท์ เปิดวงด้วยความคึกคักกับเพลง “มนต์ไทรโยค” ให้แฟนเพลงได้โยกตัวและร้องตาม แล้วต่อด้วย “14-16-18 วัยบริสุทธิ์”, “ฝันและใฝ่” ก่อนมีช่วงพักพูดคุยทักทายแฟนเพลง Tie-in สปอนเซอร์ และปล่อยมุกที่แฟน ๆ ยังไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่
จากนั้นอินโนเซ้นท์จัดเพลงต่ออีกหนึ่งชุดด้วย “ลองคิดดู”, “เรา”, “589-3375” และ “คืนก่อน” ซึ่งคอนเสิร์ตช่วงแรกนี้บรรยากาศในฮอลล์ดูจะเนือย ๆ หน่วง ๆ ไปหน่อย แต่ว่าแฟนพันธุ์แท้นั้นก็ยังคงร้องคลอตามกันได้ทุกเพลง
ถัดมาเป็นช่วงแขกรับเชิญคนแรกคือ “จั๊ก ชวิน” ที่เปลี่ยนอารมณ์คอนเสิร์ตด้วยการเล่นอะคูสติกบลูส์ในเพลง “ขายหัวเราะ” โดยที่พี่โอมวางกีตาร์หันไปเป่าฮาร์โมนิก้าในทางบลูส์ได้อย่างสะเด่าทรวง แล้วจั๊ก ชวิน ยังร่วมร้องเพลง “วัยหวาน” ต่อกับวงอินโนเซ้นท์ด้วยอีก 1 เพลง
แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนของคอนเสิร์ต เมื่อทางวงปล่อยเพลงสุดฮิต “เพียงกระซิบ” ให้แฟนเพลงรุ่นใหญ่ได้ร่วมร้องเต้นกันอย่างสนุก เป็นดังการปลดล็อกอารมณ์เกร็ง ๆ ในช่วงแรก เข้าสู่โหมดความมันอย่างเต็มตัว ก่อนที่ทางวงจะชวนเพื่อนเก่า (อดีต) สมาชิกผู้ก่อตั้งคือ “สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง” มาร้องเพลง “รถเมล์” ที่อยู่ในอัลบั้มแรก รวมถึงเชิญ “เกรียงศักดิ์ จงธีระธรรม” อดีตสมาชิกมาร่วมตีกลองในเมดเล่ย์ชุดใหญ่ไฟกระพริบ “เสียงจากแม่กลอง / อยู่หอ/ สาว 86/ สอบตก” ที่แฟนเพลงในฮอลล์ต่างร่วมร้องเต้นกันอย่างสนุก
จากนั้นเบรกอารมณ์คอนเสิร์ตกันด้วยเพลงเศร้าซึ้ง 2 เพลงรวด ที่ถือเป็น 2 เพลงดังประจำตัวพี่โอม คือ “สักวัน” และ “เพียงครึ่งใจ” ซึ่งสามารถสะกดแฟนเพลงหลายคนให้อินตามไปด้วยไม่น้อยเลย
ช่วงต่อมาพี่โอมส่งต่อให้พี่สายชลในเพลง “ทางหนึ่งซึ่งหวัง” ที่ได้แขกรับเชิญ 2 คือ “พี่ตูน บอดี้สแลม” มาร่วมร้อง ก่อนจะต่อด้วย “แสงสุดท้าย” ที่พี่ตูนร่วมร้องเล่นกับวงอินโนเซ้นท์
ถัดมาทางวงจัดอีกหนึ่งเพลงดังคือ “รักคืออะไร” พร้อมกับดูโอแขกรับเชิญพิเศษที่ทางวงบอก “สุดเซอร์ไพรส์” แต่ว่าแฟนเพลงหลายคนเดาทางได้นั่นก็คือ “เบิร์ดกะฮาร์ท” ที่นอกจากจะมาในเพลง “ไม่ลืม” แล้ว ยังพกความฮามาสร้างสีสันในสไตล์ดูโออารมณ์ดีคู่นี้ ก่อนไม่พลาดที่จะร่วมร้องเพลง “ฝากรัก” กับอินโนเซ้นท์
ทางวงมาในเพลงสนุก ๆ “กระต่ายเพ้อ” ก่อนต่อด้วย “เห็นใจกันหน่อย” ที่ถือเป็นช่วงโชว์กีตาร์ของพี่โอม ที่เป็นหนึ่งในมือกีตาร์มากฝีมือที่ทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย และฝากผลงานไว้กับศิลปินมากมาย
จากนั้นต่อกันด้วยบทเพลงเซอร์ไพร์สที่หลาย ๆ คนไม่คิดว่าจะเล่นก็คือ “สำนึก” กับเพลงร็อกดุ ๆ (ในยุคนั้น) และเนื้อหาออกแนวเพลงเพื่อชีวิต โดยเนื้อหายังคงข้อเท็จจริงสะท้อนสังคมมาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบตามใจจนลูกกลายเป็นทรชนในที่สุด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทางวงต้องการจะสื่ออะไรถึงสังคมไทยในยุคนี้ที่นับวันยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยหรือเปล่า ?!?
อารมณ์เพลงสะท้อนสังคมยังตามต่อมาอีกในเพลง “เมืองอะไร” ก่อนที่คอนเสิร์ต จะเดินทางเข้าสู่ช่วงโค้งท้าย ๆ กับแขกรับเชิญ 3 คือ “พี่ติ๊ก ชิโร่” ที่พี่ปื๊ดมือเบสของวงโชว์โซโลเปียโนก่อนนำส่งเข้าสู่เพลง “รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” ที่พี่ติ๊กมาร่วมโชว์ฝีมือการตีกลองพร้อมปล่อยมุกสร้างความเพลิดเพลินตามสไตล์ถนัดของพี่แก
คิวต่อมาเป็นช่วงแขกรับเชิญ 4 คือ “พี่ปู แบล็คเฮด” ที่เคยนำเพลงเพียงกระซิบไปคัฟเวอร์จนสุดปัง ขึ้นมาร็อกกันในเพลง“เสียเวลาเปล่า” ที่มีพี่เอ แบล็คเฮด และจั๊ก ชวิน มาดวลกีตาร์กันอย่างสุดมัน แล้วตามต่ออารมณ์เพลงร็อกมัน ๆ กนด้วย “บอกแล้ว” ก่อนสลับอารมณ์เปลี่ยนโหมดเป็นหวานซึงในเพลง “เพราะเธอหรือเปล่า” อีกหนึ่งเพลงยอดฮิตของวงที่แฟน ๆ ร้องตามกันลั่นฮอลล์
ช่วงก่อนจบคอนเสิร์ต อินโนเซ็นท์จัดเพลงเมดเล่ย์ใหญ่อีกชุดด้วย “จะเอายังไง/ เกิดมาทำไม/ หนุ่มค้างปี/ สาวเฟี้ยวฟ้าว/ ก็ฉันไม่ดีเอง/ ตอบหน่อยนะ” ก่อนปิดท้ายด้วย “เพียงกระซิบ” ในเวอร์ชั่นวงแบล็คเฮด ที่บรรดาศิลปินแขกรับเชิญต่าง ๆ พากันขึ้นมาแจมส่งท้ายบนเวที ร่ำลาคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยความประทับใจ
นับว่า “40 ปีของพี่กับน้อง” เป็นคอนเสิร์ตคุณภาพชั้นดีอีกหนึ่งของของเมืองไทยในปีนี้ ซึ่งบรรดาพี่ ๆ 4 สมาชิกขอวอินโนเซ้นท์ที่วันนี้อายุนามปาเข้าไป 50 ปลาย ๆ ถึง 60 ต้น แต่ละคนนั้นฝีมือไม่แผ่วเลย สมเป็นหนึ่งในวงดนตรียอดฝีมือแห่งยุค 80-90 ของบ้านเรา โดยยังคงสามารถยืนระยะเกือบเล่นดนตรี 4 ชั่วโมง ได้อย่างสด แม่น เนี้ยบ และเก๋า ทั้งร้องเล่น โซโล ประสานเสียง และความเป็นทีมเวิร์คที่ลงตัว สมใจแฟนเพลงรุ่นใหญ่ที่เฝ้ารอคอย
ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับเสียงชื่นชมคนที่จัดก็คือระบบเสียงที่ฟังแล้วเคลียร์ (กว่าหลาย ๆ วง) และฉากหลังบนเวที ที่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี สวยงาม ดูน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะในเพลงเพียงกระซิบ ที่มีการนำภาพฟอนต์ตัวอักษรย้อนยุคสุดคลาสสิกของวงมาประกอบที่สามารถรำลึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ของวงนี้ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดีคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็ยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แฟนเพลงได้ติติงเพื่อนำไปปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ที่นั่งที่เล็กและเบียดแน่นเกินไป หรือมีคนเดินขวักไขว่ในช่วงเล่นคอนเสิร์ตกันเกินไป (บ้างออกไปห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสาย หรือซื้อเครื่องดื่ม) ส่วนแฟนเพลงพันธุ์แท้หลาย ๆ คนก็บ่นเสียดายที่เพลงดังหลายเพลง ถูกหั่นไปทำเป็นเมดเล่ย์ ไม่วาจะเป็น เสียงจากแม่กลอง อยู่หอ หรือสอบตก เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังมีหลาย ๆ คนเรียกร้องให้ทำคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นบันทึกการแสดงสดออกมาให้คนที่พลาดไป รวมถึงหลาย ๆ คนที่ยังคงติดใจหรืออิ่มไม่สุด ได้เรียกร้องให้วง ดิ อินโนเซ้นท์ จัดคอนเสิร์ตรียูเนียนใหญ่แบบนี้อีกครั้ง ในช่วงระยะเวลาไม่ควรเกิน 5 ปี เพราะยังคงเป็นช่วงที่ทั้งนักดนตรีและแฟนเพลงยังคงสามารถจัดเต็มยืนระยะ “เล่น”และ ”ชม” บรรยากาศย้อนวันวานแบบนี้กันได้อย่างสบาย ๆ