“แอน ทองประสม” เล่นละคร “เกมรักทรยศ” เครียดสุดในชีวิต ต้องมีจิตแพทย์ให้คุยในกองถ่าย ยก “อนันดา” อาจารย์ โชคดีมากได้ร่วมงานกัน หลง “น้องพีร์เจ” เปย์ทองเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ ลั่นได้บทเรียน ไม่มีอะไรยั่งยืน ให้รอดูโค้งสุดท้ายคดีถูกคนสนิทขโมยของ 20 ล้าน ตามของได้คืนเกือบหมดแล้ว แต่หลังจากนี้ใส่ของปลอม
ตอนแรกคันอยากเล่น แต่พอได้เล่นจริงๆ ทำเอา “แอน ทองประสม” ซึ้งเลยว่าละครรีเมก “เกมรักทรยศ” ยากมาก ยากที่สุดในชีวิตที่เคยเล่นละครมา รวมทั้งทึ่งกับการได้ร่วมงานกับ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ถึงขั้นยกให้เป็นอาจารย์
“อย่างที่บอกฝรั่งเขาคงมีคัมภีร์ของเขาคือในแต่ละฉากของเขา เขาคงวางความละเอียดอ่อนไว้เยอะ อ่านตอนแรกอ่านอ๋อนึกว่าผ่านๆ ปรากฎว่าไม่ใช่มันต้องเล่นแบบนี้มันต้องเก็บทุกเม็ดทุกฉากมันเลยยากแล้วก็ทุกซีนจะมีความระเบิดบ้าง เก็บกดบ้างแล้วปัญหาเต็มไปหมด วิ่งแก้ไปทางนี้ พอลูกมีปัญหาก็วิ่งที่ลูก สามีมีปัญหา เมียน้อยมีปัญหา เพื่อนรวมงานมีปัญหาคือมันไม่จบสักเรื่อง
อารมณ์มันจะสวิง คือความเป็นจิตแพทย์เขาก็จะไม่แสดงความรู้เยอะอยู่แล้วด้วย เวลาเขาพูดคุยอะไรกับใครเขาไม่อยากให้คนรู้สึกเห็นใจหรือไม่เห็นใจคนนี้ ทุกอย่างมันต้องอยู่ตรงกลางเราต้องคุมคาแรกเตอร์ความเป็นจิตแพทย์ด้วยขณะเดียวกันสิ่งที่เราเจอเราก็เป็นมนุษย์ที่ต้องรีแอ็กกับสิ่งนั้นเราก็ต้องระเบิดมันออกไปด้วยก้อนนี้มันจะมากน้อยแค่ไหนบางทีเราก็หาจุดสมดุลยากมันเลยยาก
มันเครียด แต่ไมเกรนไม่ขึ้น แอนเป็นคนไม่เป็นไมเกรน มันเครียดแบบ ฉันไม่อยากพูดประโยคนี้เลย เครียดที่ตัวละครตัวนี้ทำไมต้องโกหก ทำไมต้องทำแบบนี้ เป็นชีวิตจริงเราไม่ทำ ทำไมหมอเจนทำเราก็ต่อสู้กับเขา ทำทำไมคิดอะไรเหมือนความเป็นตัวเราไม่เห็นด้วยกับตัวละคร แล้วก็อะไรหนักหนาทำไมชีวิตเขาโดนเยอะจังเรารู้สึกแบบนั้น
เอาจริงๆ แอนเล่นละครไทยที่มันจะมีจังหวะดรามา กุ๊กกิ๊ก เบาๆ สลับขึ้นลง แต่เรื่องนี้มันความยากมันเท่ากันหมด ไม่มีกุ๊กกิ๊ก คือแอนยังบอกว่าแอนเล่นแล้วรู้สึกเหมือนแบบยังไม่ได้รักกับอนันดาเลย แต่แอนเลิกกับเขาแล้ว หมายถึงว่ามาถึงเปิดเรื่องคือเราก็แตกกันแล้วแล้วความรักความโหยหามันมาจากไหน บางทีเราก็ต้องไปบอกผู้กำกับว่าเอาแอนกับอนันดาไปเวิร์กช็อปให้รู้จักกันก่อนให้สะสมความรักเก็บไว้ในนี้ก่อน เวลาที่มาโดนหักหลังมันจะได้เจ็บ นี่มาถึงโดนหักหลังด้วยความเป็นนักแสดงมันเล่นยาก”
บอกต้องอินจริงกับสิ่งที่เล่น มีจิตแพทย์ให้คุยถึงในกองถ่าย
“จริงๆ แอนว่านักแสดงทุกคนเป็นเหมือนกันหมดแต่เขาได้พูดหรือเปล่าแค่นั้นเอง เวลาเราเล่นละครเราไม่ได้แค่เล่นละครเราก็ต้องรู้สึกจริงกับสิ่งที่เราเล่น ความหมายคือแอนจะมีลูกหรือสามีหรือมีความรักเราต้องรู้สึกจริงกับทุกความรู้สึกตรงหน้าเราเพราะฉะนั้นอย่างอนันดาต้องรักเขาจริงๆ เหมือนกันเพียงแต่ว่ามันเกลียดนำรัก มันเป็นรักๆ เกลียดๆ เลิฟซีนกันแต่ฉันเกลียดเธออะไรแบบนี้ มันย้อนแย้งสิ่งที่คุณปฏิบัติตรงนี้ คุณพูดว่าคุณเกลียดกันมันเป็นยังไงคือชีวิตแบบนี้เราไม่เข้าใจแอนต้องไปบำบัดเหมือนกัน
หมายความว่าทางกองก็มีจิตแพทย์ให้แอนไปคุยด้วย ให้อธิบายว่าทำไมคิดแบบนี้ ทำไมตัวละครทำแบบนี้ เพื่อเป็นมิติของสิ่งที่หมอคนนี้เจอมันเกินพวกเราไปมันไม่เข้าใจ ความหมายคือคุยเพื่อศึกษาคาแรกเตอร์เขา เราเป็นหมอจิตแพทย์แล้วเจอสิ่งนี้ทำไมเราแก้ไม่ได้ ทำไมเราไม่ทำแบบที่แนะนำคนไข้ละ ทำไมทำพัง เราเกิดความสงสัยแบบนี้มากกว่า
คือไม่รู้สิเรารู้สึกว่าเราต้องรู้ว่าตัวละครเขาคิดอะไร เราต้องเชื่อมโยงให้ได้แค่นั้นเองเราก็หาเหตุผลว่าพอเขาพูดคำหนึ่งว่าก็แค่มันยังรักอยู่ไงแค่นั้น แอนไม่ต้องสนใจฟังก์ชั่นความเป็นหมอความเป็นเรา พอเป็นผัวเมียกลับบ้านให้ถอดความเป็นหมอออกไปเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ต้องไปเก็บ เลิกกองแอนถอดได้หมดค่ะเพียงแต่ว่าตอนเข้าฉากก็จะแบบ (ถอนหายใจ)”
ซึ้งแล้วว่ายาก ทั้งที่ตอนแรกคัน คิดว่าเล่นได้แน่
“ยาก (หัวเราะ) ตอนแรกคือคันมากเลยค่ะ เล่นได้แน่ ไม่น่ายาก เครียดที่ตัวละคร โอ้ย ทำไมชีวิตเธอเป็นแบบนี้ แต่เราก็ต้องรับค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้ตัดสินใจผิดคือไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็แล้วแต่คนหนึ่งถ้าคุณได้เจอบทแบบนี้คุณต้องรีบฉกฉวยเอาไว้ในฐานะนักแสดงมันดีๆ แต่คนดูให้คะแนนเท่าไหร่อีกเรื่องนะเราพูดถึงตัวเราเองเราเจอของยากอะไรแบบนี้”
เข้าฉากกันอนันดา มองตายังไม่ได้ ยืนตัวแข็งทั้งคู่
“ใช่ เป็นไรไม่รู้ แอนอาจจะไม่คุ้นกับเขาด้วยแล้วอยู่ๆ นอนเตียงเดียวกันคือเราเล่นละครมาพระเอกจะค่อยๆ จีบ อันนี้มาถึงคือนอน ไปทำงานมาจุ๊บอะไร มันต้องรู้จักกันมาพอสมควร จนเราเองกับเขายืนตัวแข็ง แม้กระทั่งเขาเลิฟซีนมาร้อยกว่าเรื่อง เขาน่าจะชินกว่าเรา เขาบอกเขาก็ยังไม่ชิน เขายังไม่รู้จักแอนเหมือนกันเลยไปเวิร์กช็อปนิดนึง
แอนเป็นแนวชอบคุยเล่นอยู่แล้ว แอนให้ความเป็นเพื่อนกับเขาก่อนให้เขาไว้ใจ เพราะเขามากองเขาจะแยกห้องเขาจะอยู่ของเขาเหมือนเขาไม่ชอบความน่ารำคาญของแก๊งแอน (หัวเราะ) เขาเป็นแนวสงบๆ แต่ช่วงหลังเขาเริ่มเดินมาหาเราแล้วนะ ผู้ชายเข้ามาแล้ว (หัวเราะ) เขาไม่คิดว่าละครจะนานขนาดนี้ (หัวเราะ) คือเขาต้องอยู่กับเราเป็นปีเขาไม่สามารถเพิกเฉยเราไดเป็นปีหรอกยังไงเขาก็ต้องเดินมาหาเรา ล่าสุดเขาก็เหงาจริงเดินมาหาพวกเรา”
ยก “อนันดา” สุดยอด เป็นอาจารย์ โชคดีมากได้ร่วมงานกัน
“แอนยกให้เขาเป็นอาจารย์แอนนะ จริงๆ อันนี้พูดจริงๆ เฮ้ย โชคดีมากที่ครั้งหนึ่งได้ร่วมงานกับอนันดาคือเขาสุดยอด คือแอนเหมือนเด็กลูกทุ่งหน่อยเล่นละครมาตามธรรมชาติเหมือนโตมาแบบไม่ได้เข้าโรงเรียนอันนี้ก็เช่นกันการแสดงคือดูๆ เอาแล้วเล่นตาม แต่อนันดาเขาเข้าคอร์สเข้าคลาสเวิร์กช็อปเขาผ่านโรงเรียนอินเตอร์ผ่านการเวิร์กช็อปจากหม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) เพราะฉะนั้นสกิลเขามากกว่าแอนหลายชั้นมากเพิ่งรู้ว่าแอนอ่อนหัดมากจากเขา อุ๊บส์ เราไม่ใช่ตัวเลย ถ้าจริงต้องแบบนี้ อันนี้จริงๆ นะคะถ้ามีเวลาสรรเสริญเขาวันหลังจะอธิบายคือเยอะจริงๆ หรือบางทีแอนยืนดูเขาคุยกับผู้กำกับแล้วหารือกันเรื่องตัวละครสิ่งเขาพูดกันบางอย่างก็มีประโยชน์สำหรับเรา มันกระเด็นมาทำให้ตัวละครเราถูกตีความไปด้วย รู้สึกว่ามันเจ๋งเขาทำได้ไง
เขาช่วยแอนได้เยอะมากแล้วจริงๆ เขาเป็นคนที่ต้องเฉยๆ กับเราแต่จริงๆ เขาแสดงความรักตลอดเวลา เป็นผู้ชายที่ชอบสัมผัสตัวชอบจับมือชอบจุ๊บอะไรแบบนี้ คือเขาเป็นคนมีความรักให้กับพาร์ตเนอร์มันก็ขัดแย้งกับตัวละครในเรื่องที่เขามืออยู่ เขาก็ช่วยโอบอุ้มทางความรู้สึกของเราได้เยอะ”
ไม่ต้องพักยาวฮีลใจ ไม่ได้พังขนาดนั้น
“ไม่ค่ะ หายแล้ว แอนไม่ได้พังนานขนาดนั้นหรอกคือหมายความว่าพอมันไปเราก็เป็นคนใหม่แล้ว จบไม่ได้เป็นคนฮาร์ดดิสก์เต็มเร็วแล้วก็ล้างเร็ว ช่วงนี้มีแรงก็ทำไปเรื่อยๆ ยังมีแรงก็ทำไปค่ะ”
หลงมาก เปย์ทองเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้ “น้องพีร์เจ” ลูก “พุฒ พุฒิชัย - จุ๋ย วรัทยา”
“น่ารักมากแล้วเขาเป็นเด็กน่ากัด เจอกันครั้งแรกสำหรับที่เขาโตแล้ว คราวก่อนที่ไปเยี่ยมโรงพยาบาลเขาเบบี๋มากแล้วตอนนี้เขามีรีแอ็กชั่น แอนใส่เนื้อหนังไปใส่แว่นดำไปเขาก็อยากทำตามอยากให้ทำเท่ๆ เขาก็ทำเท่คือเหมือนเป็นเด็กมีสกิลการแสดงอยู่ เขาเป็นเด็กโตค่ะ ตัวใหญ่มาก หนัก ขนาดเรายกเวททุกวันนะ โห แขนล้าเลยแสดงว่าจุ๋ยต้องปั๊มนมเก่งมาก
แอนเปย์ทองเส้นสุดท้ายที่แอนเหลืออยู่ในตู้ให้น้อง (หัวเราะ) ตอนน้องเกิด เล็กน้อยๆ เศษๆ คือจุ๋ยกับพุฒทำงานกับแอนแล้วเราเป็นพี่น้องกันมานาน เขามีลูกครั้งหนึ่งในชีวิตเราไม่รู้จะแสดงความยินดีอะไรที่เป็นสมบัติให้เด็กเก็บไว้เราก็คือให้ทองเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ ที่โชคดีมากที่ไม่หายไป (ดูเศร้า?) น่าเศร้าเลย (หัวเราะ) ให้นี่แสดงว่าต้องรัก เป็นคนอื่นคงต้องเก็บเอาไว้เยียวยาจิตใจ นี่ให้พีร์เจไปเถอะ พุฒ-จุ๋ยเขาก็ทำคลิปบลูลี่แอนอยู่ นางก็ไม่ได้สงสารแอนหรอกก็รู้สึกสะใจด้วยที่ได้ของชิ้นนั้นไป”
ให้รอดูโค้งสุดท้ายเรื่องคดี ตามของได้คืนเกือบหมดแล้ว
“เดี๋ยวรอดูค่ะโค้งสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวคงจะได้ยินอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวบอกให้ ในเรื่องของคดี ทิศทางต้องต่อสู้ค่ะ เดี๋ยวคุยกัน เรื่องของต่างๆ แอนไปจัดการมาได้คืนมาเกือบหมดแล้วค่ะด้วยวิธีต่างๆ นานาของแอน (หัวเราะ) ถามว่าบางส่วนต้องซื้อเองไหม อันนี้ดีเทลพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าให้จบก่อนแล้วถ้าทำมิชชั่นนี้สำเร็จจะมาบอกประชาชนทุกคนให้รู้ขั้นตอนและจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนมากๆ นี่เป็นสิ่งที่แอนอยากทำ”
เหนื่อยและทรมานแต่ก็ต้องสู้ สอนตนไม่มีอะไรยั่งยืน
“มันเหนื่อยมากค่ะ ทรมานมากเราก็ต้องสู้ เราสู้ด้วยตัวเอง ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยแนะนำด้วยเราไปคนเดียวไม่รอดหรอกแอนคิดเองไม่ได้หรอก ตอนนี้เราก็ดีขึ้นค่ะ มีช่วงหนึ่งดาร์กมาก ดาร์กจริงๆ หมายถึงว่าคิดอะไรระแวงไปหมดเลยแต่ตอนนี้หายแล้ว ของก็เอากลับค่ะ นั่นคือก้อนแรก
ถามว่าตอนนี้ระบบการดูแลเป็นยังไง (หัวเราะ) ก็… (ยิ้ม) เราเหมือนวัวหายล้อมคอกเนอะ เราก็แบบนั้นแหละก็ทำให้ดีขึ้นเท่านั้นเองแล้วก็ไม่เติมอะไรแล้ว เท่าที่มีค่ะ คือไปงานศพแล้วเรามีเครื่องประดับไปบ้างช่วงหนึ่งแล้ววันหนึ่งเราไปนั่งในแบบที่แอนไม่มีอะไรเลย เออเราเหมือนคนธรรมดาท่านหนึ่งสุดท้ายมันไม่มีอะไรยั่งยืนเราเลยค่อยๆ ปรับตัวเองได้ เลยไม่ได้โหยหวนที่จะต้องมีอะไรขนาดนั้นอีกแล้ว”
“เอ ทินพันธ์” ไม่ฮีลใจซื้อของเติมให้ แต่ช่วยซัปพอร์ต
“อ๋อ ไม่ๆ (หัวเราะ) คือหมายถึงว่าเขาไม่ใช่แนวเอาอะไรอันนึงมาชดเชยความรู้สึกแต่มันเป็นเรื่องของความช่วยเหลือคำแนะนำหรือซัปพอร์ต บางทีมันก็มาเป็นชิ้นแต่ไม่ได้บอกว่ามาเพื่อชดเชยสิ่งที่หายไปแต่อยู่ๆ ก็ให้มา มันเป็นอะไรที่น่ารักดี ก็ช่วยเราได้ เราก็รับได้ค่ะ (หัวเราะ) ใส่ของปลอมถ้าเห็นตอนนี้”
หลังจากนี้ใส่ของปลอม
“โห แอนบอกทุกคนเลยถ้าเห็นแอนหลังจากนี้คือแอนใส่ของปลอมแล้วนะ (ปลอมยังให้ดูแพง?) อันนี้มันอยู่ที่สกิล (หัวเราะ) ในการเลือกของ”