หายจากหน้าจอไปนานเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว สำหรับ “ม้า อรนภา กฤษฎี” ล่าสุดเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านรายการแฉ วันที่ 22 มิ.ย. 66 เผยว่าชีวิตก็ต้องสู้จนกว่าจะหมดลมหายใจ ส่วนอดีตที่เคยทำลงไปก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำ งานนี้ทำเอา “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ถึงกับร้องอุ้ยเลยทีเดียว
“ไม่ได้ออกหน้าจอทีวี เข้าปีที่ 4 แล้ว ทุกคนก็มากินห่อหมกแม่ดิฉัน ขายดีมาก ชม.เดียวหมดนะ ก็ขอบคุณมากเลย แต่ที่ขายดีเพราะอะไร ต้องอร่อยสิคะ ต้องของดี ดารามาช่วยกันซื้อ บางทีก็มีน้ำตา มันมีความรู้สึกปีติ น้องๆ ยังให้ความสำคัญและเห็นอกเห็นใจเราอยู่
ถามว่าคิดถึงวงการไหม บรรยากาศแบบนี้ ถ้าเรียกก็กลับมาทันที มันก็ทำมาตลอดชีวิต แต่ถามว่าไม่มาได้ไหม ก็ได้ เพราะเราทำมาเยอะพอสมควรแล้ว ตอนนั้นเราทำโทรทัศน์มาเยอะ เรายังงงว่าเราจะจบตอนไหน จะจบยังไง ชีวิตถ้ารวมตอนเดินแบบก็ 40 กว่าปี
คนมองเป็นผู้ใหญ่ไม่ทันยุค ก็ไม่ ดิฉันไม่รู้เลยว่าอยู่ๆ จากโทรทัศน์ก็ไปทำออนไลน์ มดดำเป็นคนชวนฉันก่อนเป็นคนแรก แต่เธอก็ยังไม่ได้ทำเลยตอนนั้นดิฉันทำรายการแต่ทำออนไลน์แล้ว แม่ม้ามาแล้ว ทำคอนเทนต์อย่างที่ตัวเองอยากทำ พาไปที่แปลกๆ สอนการแต่งตัว ทำมาตลอด จนพอออกมาปุ๊บ ฉันทำเลย
เราโตมากับแมกกาซีน แล้วก็เปลี่ยนไป มาอยู่ในทีวี แล้วก็มีสื่อออนไลน์เข้ามา ฉันก็โง่ๆ เซ่อๆ อยู่เลยนะ แต่เรียนรู้ไปเรื่อยๆ พอจากทีวีปั๊บก็มาออนไลน์เลย
ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ เวลาจะพาเราไปเอง อย่างมีคนถามเสมอว่าจะลงจากแคตวอล์กยังไง อยู่ๆ ก็มีละครเข้ามา เริ่มจากเธอจะแต่งหน้าได้ไง ก็มีนางแบบเข้ามา เธอจะลงจากแคตวอล์กได้ไง ฉันก็มาอยู่ในโทรทัศน์ได้อย่างสวยงาม แล้วจะหลุดจากโทรทัศน์ได้ไง ก็หลุดมาออนไลน์ ก็ยังถามตัวเอง เหมือนทุกอย่างพาไป
ตัวเองไม่เคยกำหนดหรือคิดมาก่อนด้วยซ้ำ เคเบิ้ลทีวีทำ 4 รายการ วันนึงก็จบ ทำดิจิทัล 6 รายการ ฉันคาบเกี่ยวคาบดอกระหว่างโบราณกับสมัยใหม่ เราก็ติดกับการเป็นโบราณเพราะถูกฝังมาตั้งแต่แรก แต่พอเรารับอารยธรรมใหม่มา เราก็ชอบ เพราะเป็นรุ่นเรา มันใช่เลย ไว้ผมยาว เป็นฮิปปี้ นุ่งกางเกงเอวต่ำ เราออกไปต่อสู้ประชาธิปไตยก็ทำ (หัวเราะ) นั่นก็รุ่นของฉัน เมื่อมาตอนที่ฉันแก่และมีรุ่นใหม่มา ดิฉันก็เข้าใจเพราะดิฉันเป็นมาก่อน แต่ด้วยความที่เด็กไม่ได้เกิดมาแบบโบราณอย่างเรา ไม่มีพื้นฐานรากฐานที่โบราณ เขาจะไม่เข้าใจพื้นฐานนี้ แต่เราเข้าใจเวลารุ่นใหม่มา ไม่งั้นจะทำสื่อออนไลน์ได้เหรอ แล้วอย่าลืม ทุกอย่างผู้ใหญ่เป็นคนทำทั้งนั้น เราเข้าใจแต่มีเหตุและมีผลให้ตอบรับได้ในสิ่งที่เป็นสิ่งใหม่เกิดขึ้น ต้องมีเหตุและผลที่ดี ต้องอะลุ่มอล่วยซึ่งกันและกัน
เรื่องยุคเปลี่ยนไปก็เป็นธรรมดา โลกมีการเปลี่ยนแปลงไป วันนึงเราก็แก่แล้ว ก็ต้องยื่นให้เขาดูแลต่อไป เราหมดไปแล้ว เราทำมาแล้ว เราเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยุคนี้ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีเหตุมีผลพอควร อะลุ่มอล่วยต่อกัน อย่าหัก เราเกิดมาจากพื้นฐานความเป็นโบราณ ก็เลยมีจิตสำนึก เราไม่ใช่ไม่เคยทำ ไม่เคยแอนตี้ ไม่เคยออกนอกกรอบ ดิฉันออกนอกกรอบสุดฤทธิ์ทุกเรื่องราว แต่ละมุนละม่อม ไม่ได้ทำร้ายใคร ผู้ใหญ่ก็รับไม่ได้ ณ จุดนั้น”
มดดำยังร้องอุ้ย ลั่นสิ่งที่ทำไม่เคยเสียใจ
“ย้อนกลับไปถามว่าเสียใจไหม ไม่ (มดดำร้องอุ้ย!) เราทำอะไรไปแล้ว ทุกอย่างที่ทำต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติก็คนเสียสติ เรามีสติ เรารู้ว่าเราทำอะไร ถามว่าเราคิดแล้วหรือยัง เราก็คิด ตอนนี้ฉันเงียบไปเยอะแล้ว เห็นอะไรไม่พอใจก็ปรี๊ดในใจ แต่ไม่โพสต์อะไร ไม่มีคอมเมนต์อะไร เพราะวันนึงก็เป็นยุคของเขา ไม่ใช่ยุคของเรา เราก็มานั่งดูเฉยๆ ทำอะไรไปมันก็จะเกิดผลอยู่แล้ว เราพอแล้ว
ตอนโควิดไม่ได้มีความรูสึกอึดอัดใดๆ ทั้งสิ้น ยังทำธุรกิจและทุกคนก็ซัปพอร์ต แปลกมาก แล้วคนไม่ออกจากบ้าน ก็มาไลฟ์ขายของ ครั้งแรกขนแบรนด์เนมมาขาย ตอนหลังพวกไฮโซฝากขายพินาศเลย แม้แต่คนรู้จักกับเธอ เขามีของเยอะเกินเหมือนที่เรามี แล้วใช้ทีเดียวสองทีก็เก็บ ราคาถูกมาก”
บทเรียนชีวิตสอนอย่าไปยึดติด
“อย่าไปยึดติดกับมัน เพราะวันนึงก็อาจไม่มี เราต้องดีใจด้วยที่เราทำมาแล้ว แค่นั้นพอ ให้เวลางงๆ กับชีวิตเดือนเดียว ปีนี้อายุจะเลข 7 แล้วมั้ง ดูแลตัวเองสุดฤทธิ์ ออกกำลังกาย”
