“ฮาย - เซน Paper Planes” เปิดใจงานติดต่อเพียบ เงินสำคัญ แต่อยากรวยแล้วสังคมต้องดีด้วย ลั่นหากไม่รับผิดชอบสังคม รับทุกงาน ตอนนี้คงสามารถซื้อเกาะส่วนตัวได้แล้ว ขอเป็นพลังเสริมให้แม่ๆ ไม่อยากให้คาดหวังต้องมีคลิปสอนเด็กๆ
เป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนมที่แท้ทรู ถึงตอนนี้ก็ยังกระแสไม่ลดลง ทำคลิปอะไรออกมาก็ได้รับกระแสที่ดีไปหมด ทั้งสอนเด็กๆ ล้างจมูก รวมทั้งดื่มนมแทนดื่มแอลกอฮอล์ ล่าสุดเจอตัว “ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ” และ “เซน นครินทร์ ขุนภักดี” นักร้อง-นักดนตรีชื่อดังวง Paper Planes เจ้าของเพลงฮิตทรงอย่างแบด ก็เผยว่าตอนนี้มีงานติดต่อมาเพียบ รับทุกงานคงรวยไปแล้ว แต่อยากรับผิดชอบสังคม
ฮาย : “คือต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำมาให้เป็นกระแสครับ จริงๆ มันเป็นเหมือนกับว่าเราเลือกงานที่มันเข้ากับเรา พวกเราล้างจมูกกันอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าการออกมาทำอะไรแบบนี้ หนึ่งคือเป็นงานของลูกค้าด้วย แล้วก็เป็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอด้วย ก็เลยไม่ได้ดูว่ามันมีฟีดแบ็กอะไร แต่ว่าพอเห็นน้องๆ เข้ามารู้จักสิ่งนี้กันมากขึ้น เราก็รู้สึกดี เพราะช่วงนี้ฝุ่นมันแย่จริงๆ เด็กๆ ยอมล้างจมูกก็ดีครับ แต่อาจต้องระวังหน่อย บางคนดันเหมือนปืนฉีดน้ำเลย”
เกร็งๆ ขอให้ทำคลิปอาบน้ำ กินผัก ลั่นอยากให้ออกมาจากใจเราเองจริงๆ
ฮาย : “จริงๆ ผมว่าจะเปิดเนอสเซอรี่แล้วครับ (หัวเราะ) ก็อ่านคอมเมนต์ของคุณแม่นะครับ ชอบอ่าน มีขอให้ทำคลิปอาบน้ำด้วย ผมก็เกร็งๆ อยู่ ว่าต้องทำยังไง แต่หลักๆ ก็จะให้กินผักนี่แหละมากที่สุด แต่ผมเองยังรู้สึกว่ายังอยากให้มาจากพวกเราจริงๆ ไม่อยากให้ขอร้องให้เราทำ เพราะผมว่ามันมีข้อดีและยังมีข้อเสียอยู่ เรื่องผักมันกว้างครับ มีเรื่องความสะอาดด้วย อย่างเช่นการล้างจมูกก็มีข้อเสียอยู่นะ ถ้าทำไม่ถูกวิธี ก็เลยขอไปทำการเรื่องนี้ให้ดีก่อนดีกว่า”
วันเกิดก็เปลี่ยนจากแอลกอฮอล์มาดื่มนม เป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้ว
ฮาย : “ก็อย่างที่บอก เวลาเราทำอะไร มันคือสิ่งที่พวกเราทำกันอยู่แล้ว คือพวกเราไม่ค่อยได้ดื่มเหล้า เราดื่มนมกันอยู่แล้ว วันนั้นไม่ได้ขายแอลกอฮอล์ เลยรู้สึกว่าเราหาอะไรทำกันสนุกๆ ดีกว่า”
เซน : “คือช่วงโชว์ของเราเขาไม่มีแอลกอฮอล์ขาย ก็เป็นสิ่งดีครับ”
ต่างชาติแปลกใจเด็กๆ ตามไปร้องเพลง หวั่นพาน้องๆ ไปสู่สิ่งไม่ดี
ฮาย : “ก็เป็นเรื่องที่แปลก ผมเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน (หัวเราะ) ตอนนี้มีแฟนคลับที่เป็นเด็กๆ ซะเยอะ แล้วก็ตามไปถึงงานกลางคืนด้วย ตอนนี้เราก็พยายามเวิร์กกันอยู่ จริงๆ หลักๆ เป็นเรื่องของผู้ประกอบการ เราว่าทำให้มันถูกต้องดีกว่า ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าเรามีทำให้น้องๆ ดีขึ้น แต่ก็ดันพาน้องๆ เข้าไปสู่สิ่งที่ไม่ดีเร็วขึ้น แต่ทุกวันนี้เป็นวันเด็กทุกวันแล้วครับ ผมเองก็เฮ้อ วันเด็กมีได้ทุกวัน (หัวเราะ)”
ผลิตภัณฑ์เด็กเข้าเยอะมาก แต่สแกนโปรดักส์ ไม่อยากให้ต้องซื้อตามและใช้ของไม่จำเป็น
ฮาย : “จริงๆ เข้าเยอะมาก ตอนนี้เราเวิร์กกันหนักมาก กับการสแกนโปรดักส์ต่างๆ เพราะว่าเราไม่อยากนำพาหรือเชิญชวนให้น้องๆ ใช้ของที่ไม่จำเป็นขนาดนั้น แล้วเราก็คิดว่ามันต้องเป็นประโยชน์กับเขาจริงๆ ด้วย เวลาจะรับโปรดักส์ไหน เราก็พยายามให้มันอยู่ในเลนส์ที่กว้างจริงๆ เหมือนเป็นของเด็กก็ได้ วัยรุ่นก็ได้ คนโตก็ได้ แล้วก็ต้องให้ดีกับเด็กๆ อย่างบางอย่างที่ไม่จำเป็นกับเขา เราก็เลือกไปก่อน เงินก็สำคัญ พยายามบาลานซ์อยู่ว่าทำยังไงให้รวย แล้วสังคมก็ดีอยู่ด้วย (หัวเราะ) ลำบากมากเลย”
หากไม่รับผิดชอบสังคม ซื้อเกาะส่วนตัวได้แล้ว
ฮาย : “ถามว่ามีงานกี่ตัว (ทำท่านับนิ้วมือ นิ้วเท้า) เยอะประมาณหนึ่งครับ ถ้าเกิดเราไม่ต้องรับผิดชอบสังคม ผมสามารถซื้อเกาะส่วนตัวได้แล้วครับตอนนี้ (หัวเราะ) ถามว่าทำไมลูกค้าเลือกเรา ผมว่าถ้าพูดตรงๆ เราน่าจะอยู่ในช่วงที่มีกระแสแล้วก็มีความน่าเชื่อถือ”
เซน : “เหมือนเป็นเรื่องของการที่แบรนด์สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ เราเลยเหมือนเป็นตัวแทน”
ฮาย : “มันไม่ได้เป็นสินค้าเด็กขนาดนั้น จริงๆ แล้วมีสินค้าเด็กเป๊ะๆ เลยเราอาจจะเลี่ยงไปก่อน อย่างที่บอกเราจะไม่พยายามเหมือนกับว่า เอะอะอะไรก็เด็กมาซื้อ เราพยายามมากๆ สินค้าเป็นเฉพาะให้เด็กอย่างเดียว ถ้าขนมผู้ใหญ่ยังพอได้ เป็นเครื่องแต่งกายของเด็กไปเลยไม่แน่ใจ ขอโทษนะครับ (หัวเราะ)”
เซน : “เป็นพรีเซ็นเตอร์เราก็ไม่รู้ต้องทำยังไง”
เข้าใจลูกค้าอยากขายของ แต่ตนก็ต้องรับผิดชอบสังคม
ฮาย : “(เราเป็นพรีเซ็นเตอร์อะไร แม่ๆ ก็พร้อมซื้อ?) นั่นแหละความอันตรายเพราะว่าสิ่งๆ แล้วเหมือนกับว่าลูกค้าคงเข้าใจว่าต้องขายของแต่เราเองก็อยากให้มันจำเป็นกับเด็กด้วย เราเติบโตจากเด็ก เราอยากรับผิดชอบกับสังคมด้วย เราไม่อยากให้ถูกครอบว่าต้องซื้อสิ่งนี้เพราะเราเป็นพรีเซ็นเตอร์อย่างเดียว มันง่ายไป”
ขอโทษไปคอนเสิร์ตล่าสุดช้า เหตุรถติดมาก
ฮาย : “ผมเองจะไปไม่ทันไม่ใช่แค่คนดู ผมขอโทษงานวันนั้นผมขึ้นเลทเพราะผมไปไม่ทัน เลทไปประมาณ 10 นาทีและระหว่างที่ผมขับรถอยู่ ก็คือผมเห็นคุณแม่ไปเร็วลูกไป (หัวเราะ) อยู่ข้างข้างรถผม กลัวไม่ทันเหมือนกันก็คือรถติด ไม่รู้ติดอะไรกันแน่”
ไม่อยากให้คาดหวังต้องมีคลิปอะไรออกมา
ฮาย : “ไม่อยากให้ทุกคนคาดหวังเลยแต่ว่า สิ่งที่เราทำต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโออะไร เราอยากให้คิดว่าเป็นความสนุกของเราจริงๆ ไม่ได้ เหมือนกับว่าทำมาเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ เพราะไม่ว่าจะยังไงลูกหลานของทุกคนทุกคนก็ต้องเลี้ยงเองอยู่ดี (หัวเราะ) แต่เราเหมือนเต็มที่ที่จะช่วย เหมือนดูแลไปด้วยกันแบบนี้ดีกว่าเพราะว่า พลังหลักๆ ก็มาจากครอบครัว แล้วเราเป็นเหมือนพลังเสริม เป็นเหมือนพี่เลี้ยง เหมือนเรามีน้องน้องมากขึ้นแล้วก็พยายามจะทำให้ดี”
โอดสำเพ็งนำรูปตนไปสกรีนบนเสื้อ เสียดายทำช้า ฝากดูเรื่องลิขสิทธิ์
ฮาย : “นั่นเป็นสิ่งที่เราเสียดาย ว่าเราทำเสื้อช้า (ยิ้ม) ของเรากำลังผลิตจะวางขาย แต่ว่าก็ฝากพี่ๆ ลิขสิทธิ์ไปช่วยดูหน่อยนะครับ (หัวเราะ)”
เซน : “มีน้องๆ เอามาให้เซ็นด้วยก็รู้สึก เอ๊ะ”
ฮาย : “ก็ตกใจ จริงๆ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เราจะขับเคลื่อนด้วย เรื่องของลิขสิทธิ์ทางปัญญา เพราะท้ายที่สุดแล้วมันจะวนมาที่เด็กๆ เอง ในวันที่เขาโตขึ้น เขาจะต้องทำงานเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นรายได้ของน้องๆ ทุกคน แต่ถ้า ณ วันนี้ผมพอเข้าใจได้ บางอย่างมันยังไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ บางอย่างมันยังเป็นสีเทาอยู่ เราค่อยค่อยเรียนรู้กันไปได้ ส่วนจะขอความร่วมมือกับพ่อค้าแม่ค้าไหม ผมว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องของทางค่ายเนอะ ทางค่ายคงจะจัดการ อย่างเหมาะสมและดีที่สุด ตอนนี้หน้าพี่ค่อยๆ เปลี่ยนไปทุกคอลเลกชั่นนะ”
เซน : “บางคอลเลกชั่นออกไปทางเดอะฮัคแล้ว (หัวเราะ)”
ฮาย “ตอนแรกเป็นชาวเอเชีย สักพักเริ่มไปเป็นอินเดีย แล้วก็เป็นฝรั่งแล้ว ต้องไปดูหน่อยแล้วคนสกรีน ของเราจะออกประมาณช่วงเดือนหน้าเพราะตอนนี้เสื้อกองเต็มบ้านผมแล้ว”