“แบงค์ ธิติ” ควักเงิน 10 ล้านเปิดร้านกาแฟ ขอคำปรึกษาจาก “พิมฐา” อยากให้เป็นร้านกาแฟที่ผู้หญิงก็เข้าได้อย่างสบายใจ ลั่นไม่กระทบหนี้ครอบครัว ตั้งเป้าช่วยครอบครัวปลดหนี้ ตอนนี้เร่งหาเงินหลักล้านช่วยครอบครัว
ลุยงานเต็มสูบเลยทีเดียว สำหรับ “แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์” ล่าสุดเป็นทั้งนักแสดง ยูทูบเบอร์ และนักธุรกิจ ควักเงิน 10 ล้านเปิดร้านกาแฟ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าไม่กระทบกับหนี้ครอบครัวแน่นอน ตั้งเป้าอยากให้พ่อแม่รีไทร์ตัวเอง แต่ต้องปลดหนี้ครอบครัวให้ได้เสียก่อน
“ฝากงานก่อนเลยแล้วกัน BrandThink มีการเปิดตัว BrandThink Cinema จะมีผมอยู่ใน 2 โปรเจกต์ด้วยกัน ซีรีส์ Coin Digger เกมสูญเหรียญ เล่นกับ กัปตัน (ชลธร คงยิ่งยง) โปรเจกต์ที่ 2 ภาพยนตร์ RED LIFE รักละเลย ฝากทุกคนไปติดตาม แล้วก็ฝากร้านกาแฟด้วยครับ กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ ชื่อร้านว่า รีฟีล คอฟฟี่ครับ เป็นร้านที่ผมทำมานานมาก”
ขอคำแนะนำจาก “พิมฐา ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล” ลงทุน 10 ล้าน
“ก็มีแนะนำ คือผมจะขอคำแนะนำในเรื่องของการถ่ายรูป คือผมอยากจะให้ร้านกาแฟของผมมันไม่เป็นผู้ชายจนเกินไป อยากให้ผู้หญิงเข้ามาก็สบายใจ ก็จะขอคำปรึกษาในเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ การเลือกแก้ว กระจก กับพิมครับ ลงทุนไป 10 ล้านครับ”
ไม่หวั่นบ้านเคยเป็นหนี้ อยากทำสิ่งที่ชอบ ไม่กระทบครอบครัว
“จริงๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นหนี้อยู่นะครับ คือเรารู้สึกว่ามีการคำนวณในด้านการลงทุนครั้งนี้แล้วว่าการที่เราเอาเงินตรงนี้มาลงมันกระทบมากน้อยแค่ไหน พอเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบที่มันรุนแรงที่จะทำให้ครอบครัวเราล้มละลาย เลยรู้สึกว่าถ้าเกิดมีเงินก้อนนึงที่สามารถเอามาทำได้ เราก็อยากทำในสิ่งที่เราชอบจริงๆ ครับ ส่วนอันนี้ทำกำไรกลับมาได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่เราได้ทำร้านอย่างเต็มที่ในแบบที่เราต้องการที่จะสื่อออกไปให้กับลูกค้าที่จะได้เข้ามา”
หาเงินหลักล้านใช้หนี้ช่วยครอบครัว อยากให้พ่อแม่สบาย ต้องปลดหนี้
“ถามว่าหนักเกินไปไหม มันก็มีช่วงที่หนักบ้าง มีช่วงที่เบาบ้างครับ เราต้องอย่าลืมว่าเงินทั้งหมดที่ผมเติบโตมาเป็นคนได้ถึงทุกวันนี้ก็มีเงินมาจากครอบครัว กับสิ่งที่มันเป็นภาระอยู่ตอนนี้ แต่สิ่งนี้มันเคยทำให้ผมได้มีการศึกษาที่ดี เคยทำให้ผมมายืนอยู่จุดนี้ได้ สิ่งพวกนี้มันเคยเลี้ยงเรามาก่อน แล้วพอเราโตมาเรียนจบ เราก็สามารถหาเงินด้วยตัวเองได้ ก็รู้สึกว่าอยากกลับไปช่วยครอบครัวของเราให้เขาได้สบายขึ้น ให้พ่อแม่ได้รีไทร์ออกจากงาน ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วเราก็เข้าไปเทกโอเวอร์ธุรกิจทั้งหมดมาเป็นของเรา เพราะสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้เขาพักผ่อนเราอยากให้เขาไปเที่ยวแหละ แต่จะทำสิ่งนั้นได้เราต้องปลดหนี้ก่อน
ความเครียดความกดดัน มีเยอะครับ คือผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่มีได้ในทุกคน ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนที่แข็งแกร่ง สู้กับโลกใบนี้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ความเครียด ความกดดันมีอยู่แล้ว ไม่ว่าด้านการแสดง ด้านธุรกิจที่บ้าน แต่เราเลือกที่จะรับผิดชอบมันแล้ว เราเสียใจกับมันได้ เราท้อกับมันได้ แต่เราแค่สู้กับมันให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
ผ่านจุดเห็นครอบครัวเป็นหนี้
"ใช่ครับ เคยเห็นภาพพวกนั้นเกิดขึ้นมาแล้วครับ (ตอนนั้นรู้สึกยังไง?) ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังคิดอะไรไม่ค่อยได้ แต่พอเราโตขึ้นมาแล้วเราย้อนความกลับไป เราก็รู้สึกว่าพ่อแม่เขาทำงานมาเหนื่อยจริง ถามว่าเราทำงานได้ครึ่งหนึ่งของเขาหรือยัง ก็อาจจะได้แล้ว หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่เรารู้สึกว่าเราสามารถหาเงินได้จำนวนหนึ่ง เราก็อยากเอากลับไปช่วยครอบครัว อยากจะทำให้ธุรกิจโรงแรมหรืออสังหาริมทรัพย์ของเราที่บ้านมันสามารถไปรอดได้ เพื่อที่ในอนาคตเราจะสามารถทำกำไรกลับมาได้จริงๆ ส่วนสิ่งนี้ทำให้เราโตเกินวัยไหม สำหรับผมคิดว่าไม่นะ เพราะว่ามีคนที่อายุน้อยกว่าผมก็สามารถทำเงินมากกว่าผมได้เยอะแยะมากมายเลยครับ”
พ่อแม่น่าจะภูมิใจเป็นลูกกตัญญู
"ก็น่าจะภูมิใจมั้งครับ เหมือนเราก็มีการคุยกับในครอบครัวว่าอันไหนมันหนักไป เบาไป เราก็ช่วยแก้ไขไปเรื่อยๆ เราเป็นลูกชายคนเดียว ถามว่าสถานการณ์มันกลับมาพลิกดีขึ้นไหม มันก็ยังใช้ชีวิตเป็นปกติได้อยู่นะครับ คือผมว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอาจจะดีขึ้นมานิดนึง เพราะเราก็ยังมีโอกาสได้ออกไปเที่ยว ได้พาพ่อแม่ไปทำอย่างอื่นนอกจากการทำงานบ้าง
เรื่องหนี้ไม่ได้เป็นแรงผลักดันให้เราเข้าสู่วงการครับ เพราะตอนที่เราเข้าสู่วงการเรายังไม่ได้รับรู้เรื่องหนี้สินของทางบ้านเลย ซึ่งการที่เราเข้าวงการมาตอนแรกมันเป็นความชอบของเราต่างหาก ในตอนแรกที่เราหาโอกาสโดยการไปสมัครออดิชั่นด้วยตัวเอง แล้วเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ครับ แต่ว่าแรงผลักดันของเราในตอนนี้คือการที่เราหาวิธีไหนก็ได้ที่จะมาซัปพอร์ตครอบครัวหรือว่าทำให้หนี้สินที่มันมีอยู่มันลดน้อยลงเรื่อยๆ แล้วก็สามารถปลดหนี้ได้ เพื่อที่เราจะสามารถทำกำไรกับมันได้จริงครับ”
รับสภาพเป็นความหวังครอบครัว
"ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ว่าผมไม่ได้ทำงานอยู่คนเดียวไงในครอบครัว พ่อแม่ก็ไม่ได้นั่งรอเงินผมอย่างเดียว เขาก็มีงานของเขาที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน”
สนุกเป็นยูทูบเบอร์ ได้ทำคอนเทนต์ตลกๆ ได้ท่องเที่ยว เป็นตัวของตัวเอง
“การเป็นยูทูบเบอร์ก็สนุกดีครับ มันได้เป็นตัวเองดี ได้ทำทุกอย่างที่เราอยากจะทำ คือเมื่อก่อนคนจะเห็นเราในแต่ละบทบาท แต่ตอนนี้เราสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ เราก็ได้พาทุกคนไปท่องเที่ยวกับพวกเรา หรือได้ทำคอนเทนต์ที่มันตลกๆ สนุกๆ ซึ่งผมก็สนุกกับมันดีครับ บางอันก็อาจจะมีสาระ บางอันก็อาจจะไม่มีสาระครับ ก็ฝากช่อง ThitiThani Channel”