กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งสำหรับชื่อ “เอิร์ก เลเดอเรอร์” หลังถูก “ลิลลี่ วันมะนี พอนสะหวัน” ดารานักร้อง เชื้อสายเวียดนาม สัญชาติลาว ออกมาแฉยับว่าอีกฝ่ายโกงเงินลงทุนคลีนิกเสริมความงามไปกว่า 34 ล้านบาท พร้อมกับที่เจ้าตัวได้ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว
อันที่จริงกับข่าวที่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาชื่อของ “เอิร์ก เลเดอเรอร์” นั้นมีข่าวพัวพันกับเรื่องนี้มานานแล้ว
ชื่อ “เอิร์ก เลเดอเรอร์” เริ่มเป็นที่รู้จักหลังเจ้าตัวอวดอ้างว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีการโพสต์ภาพอวดชีวิตหรูหราผ่านสังคมออนไลน์จนสื่อให้ความสนใจ
แต่ที่ทำให้ “เอิร์ก เลเดอเรอร์” เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ก็คือข่าวการเสียชีวิตของ “เก๋ กันยกร ศุภการค้าเจริญ” (กรรณิกา ขันแก้ว) หรือ “เก๋ เลเดอเรอร์” เจ้าของธุรกิจลาพรีม คลินิก หลังเจ้าตัวตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการกินยาฆ่าหญ้าและกระโดดตึกฆ่าตัวตายเหตุเกิดในช่วงเดือนกันยายนปี 2561
นอกจากจะถูกสงสัยว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายหญิงตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะปัญหาเรื่องถูกหลอกเงินไปลงทุนแล้ว ในตอนนั้นเจ้าตัวยังถูกแฉอย่างหนักถึงเบื้องหลังการอวดไลฟ์สไตล์สุดหรูผ่านสังคมออนไลน์ว่าล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างภาพขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น นามสกุล "เลเดอเรอร์" ที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา โดยเจ้าตัวมีชื่อจริงว่า "เอิร์ก องอาจ ยิ้มเจริญ" และไม่ได้เป็นลูกครึ่งเยอรมันอะไรทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมีการไปขุดภาพเมื่อครั้งที่เจ้าตัวเป็นนักร้องลูกทุ่งในนาม "เอิร์ก สยามคันทรี่" มาเปรียบเทียบกับปัจจุบันอีกต่างหาก
แน่นอนว่าเจ้าตัวออกมาปฏิเสธทั้งหมด ก่อนยืนยันว่าตนเป็นลูกครึ่งเยอรมัน มีนามสกุล lederer จริงๆ ด้วยการนำบัตรประชาชนแม่และใบขับขี่ตัวเองออกมาโชว์ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า..."ไม่เป็นไร เอิร์กเป็นคนธรรมดา เกิดกรุงเทพ ไปโตสุพรรณ ไปเรียนม.ปลายอุดรฯ และกลับมาเรียนที่กรุงเทพ"
"แต่ทุกซัมเมอร์เอิร์กไปยุโรป เพราะบ้านเอิร์กอยู่ยุโรปหมด เอิร์กเป็นเด็กธรรมดามาก ไม่รู้จักแบรนด์ เพิ่งมารู้ตอนหลัง เราไม่สนเลยว่าใครจะว่าก็อปหรือไม่ก็อปแล้วแต่"
หลังคดีดังกล่าว ชื่อของเจ้าตัวก็เงียบหายไปก่อนกลับมาอีกครั้งในช่วงปลายปี 2562 เมื่อถูก "ลีน่า จังจรรจา" ออกมาวิจารณ์ถึงการทำงานเพลองของเจ้าตัวทำนองว่าเป็นนักร้องที่ทำเพลงต่ำตม เสียงห่วย แถมเอ็มวีก็สุดสกปรกหลังนำเอาพริตตี้มาเปลื้องผ้าถ่ายมิวสิควิดีโอ
จากนั้นเรื่องของเจ้าตัวก็เงียบหายไปกระทั่งมาเป็นข่าวโกงเงินพร้อมหนีไปแล้วดังกล่าว
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเจ้าตัวก่อนหน้านี้ไม่นานก็พบว่ายังคงมีการอวดไลฟ์สตไล์หรู มีการโพสต์ภาพว่าตนเองไปถอยรถหรู 2 คันด้วยเงินสดกว่า 40 ล้าน พร้อมยังคงอ้างถึงความเป็นนักธุรกิจของตนเองทั้ง การเป็นเจ้าของคลีนิก, ทำธุรกิจบันเทิง, ซื้อขายรถ-อสังหาริมทรัพย์, รับสร้างเเบรนด์ : สินค้า ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่เข้าไปโพสต์ในอินสตาแกรมดังกล่าวระบุว่าตนเองก็เป็นเหยื่อที่ถูกเจ้าตัวโกงด้วยการหลอกให้เอาเงินมาลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งถึงตอนนี้มีรายงานจำนวนเงินผู้เสียหายนั้นสูงถึง 500 ล้านบาทแล้ว โดยบางคนก็แฉว่าที่เจ้าตัวระบุว่ามีการทำธุรกิจ เช่น คลีนิก, ผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ทุกอย่างล้วนเป็นการกล่าวอ้างทั้งสิ้น