MGR Online - เลขาฯ รมว.ยธ. รับเรื่อง “ลิลลี่” นักแสดงสาว ถูก “เอิร์ก- เลเดอเรอร์” หลอกร่วมลงทุน หลบหนีหมายจับไปประเทศเยอรมัน วอนใช้หมายแดงตามตัวมารับโทษ
วันนี้ (6 ธ.ค.) เวลา 10.20 น. ที่ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ “อี้ แทนคุณ” เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำ น.ส.วันมะนี พอนสะหวัน หรือลิลลี่ นักแสดงและนักร้อง เชื้อสายเวียดนาม สัญชาติลาว หนึ่งในผู้เสียหายคดีฉ้อโกงของ นายองอาจ หรือ “เอิร์ก เลเดอเรอร์” อดีตนักแสดงหนุ่ม ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้าคดี โดยขอให้ประสานกับทางอินเตอร์โพล (องค์การตำรวจสากล) เพื่อพิจารณาออกหมายแดง นายเอิร์ก เลเดอเรอร์ หลังหนีกบดานอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ระหว่างที่มีหมายจับให้กลับมารับโทษที่ประเทศไทย เนื่องจากพบผู้เสียหาย เกือบ 100 คน ความเสียหายรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยมีว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายแทนคุณ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลได้มีการออกหมายจับ นายเอิร์ก ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ซึ่งหลังจากที่มีการออกหมายจับ นายเอิร์กได้หลบหนีไปยังประเทศเยอรมนีได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ รวมถึงก่อนที่จะหลบหนีออกไปได้มีการบอกกับผู้เสียหายว่า ตนเองถูกขู่ฆ่า ถูกทำร้ายร่างกาย จึงต้องหนีออกจากประเทศไทยไป
“พฤติการณ์นายเอิร์กจะชักชวนกลุ่มผู้มีเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มคนไฮโซที่รู้จักกันให้มาลงทุน มาร่วมซื้อขายนาฬิกาหรู รถหรู หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยมักอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนดีถึง 10 -15 % ซึ่งในช่วงแรกผู้เสียหายได้เงินผลตอบแทนกลับคืนมาจริง อีกทั้ง นายเอิร์ก ยังมีการไปเช่าคอนโดหรู เช่ารถยนต์หรู เพื่อสร้างโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือ นำมาโพสต์เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่ออีกด้วย แต่ผลตอบแทนที่นายเอิร์กใช้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะได้รับนั้น อาจจะมีจำนวนไม่สูงมากเหมือนกับแชร์ลูกโซ่อื่นๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ลงทุนเป็นกลุ่มคนที่มีเงินอยู่แล้ว และมีความรู้ เพราะหากอ้างผลตอบแทนสูงเกินจริงก็จะไม่สามารถหลอกได้”
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้กระทรวงยุติธรรมช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงกรณีดังกล่าวว่า สามารถเข้าข่ายพิจารณาเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอได้หรือไม่ รวมถึงขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศไทยของนายเอิร์ก เพราะตนเชื่อว่าญาติของนายเอิร์กจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหลังจากที่นายเอิร์กบินหนีไปจากประเทศไทย ป้าที่เลี้ยงดูนายเอิร์กก็บินไปประเทศเยอรมนีตามนายเอิร์กด้วย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยประสานหมายจับสากลในการส่งตัวนายเอิร์กและผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีในประเทศไทย และเพื่อเยียวยาชดใช้ความเสียหาย เฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งทุกคนเดือดร้อนและเป็นทุกข์ใจอย่างยิ่ง หลายคนเป็นเงินก้อนเดียวในชีวิต หวังลงทุนเพื่อเป็นธุรกิจเลี้ยงชีพ แต่กลับมาถูกคนอย่างนายเอิร์กฉ้อโกงไปจนหมดตัว
ด้าน นายวรรณนพ อนุมาตรฉิมพลี ทนายความผู้เสียหาย ระบุว่า เบื้องต้นมีผู้เสียหายหลายคนที่ถูกนายเอิร์กหลอกลวง โดยมีจำนวนเกือบ 100 คนแล้ว ส่วนมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้เสียหายแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก จะเป็นผู้เสียหายเมื่อปี พ.ศ.2561 จำนวนประมาณ 40 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มผู้เสียหายในช่วงปี พ.ศ.2563-2565 มีประมาณ 50 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 300-400 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกหลอก ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการรวบรวมจำนวนผู้เสียหายเพิ่มเติม โดยตนก็อยากให้ผู้เสียหายที่อยู่กระจายตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีโรงพักในท้องที่ เพื่อที่จะได้มีจำนวนผู้เสียหายเพียงพอต่อการเข้าเกณฑ์เป็นคดีพิเศษของดีเอสไอ
ส่วนทาง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยว่า ตนจะนำข้อมูลเอกสารที่ได้รับในวันนี้ ส่งต่อให้กับ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ เพื่อตั้งเลขสืบสวนแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ และเพื่อพิจารณากลั่นกรองต่อว่าเคสดังกล่าวเข้าข่ายรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ รวมถึงจะประสานกองต่างประเทศในดีเอสไอในการช่วยติดตามเรื่องหมายจับสากลให้อีกด้วย ยืนยันว่าผู้กระทำผิดในคดีฉ้อโกงจะต้องกลับมารับโทษในประเทศไทย เพื่อความยุติธรรมกับผู้เสียหายทุกคน