อยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว สำหรับหญิงไทย 1 เดียว ในการแข่งขันนางงาม Mrs.Tourism 2022 สามารถคว้ามงกุฎรางวัลชนะเลิศ Mrs.Tourism Universe 2022 ที่ผ่านมา อย่าง "หมอกี้ อังคนางค์" ล่าสุดสุดทนบุกแจ้งความผู้จัดงานเวทีนางงามเวทีนึง ทำให้ตัวเองเกิดความเสียหาย ทั้งเรื่องทรัพย์สินเงินทอง รวมทั้งทำทีมงานหลายๆฝ่ายเข้าใจผิด
งานนี้ "หมอกี้" เปิดใจต่อหน้าสื่อว่า! เธอถูกยืมเงินไปทั้งหมด2ล้าน7 เพื่อเอาไปใช้ในกองประกวด ยังไม่พอยังขอยืมสร้อยเพชรสีชมพู กว่า 10กะรัต มูลราคากว่า3ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องเพชรพลอยสีชมพู ที่หายาก ก็ให้ไปด้วยความไว้ใจ แต่สุดท้ายทวงถามไป5 รอบ ก็ได้แต่คำว่าเดียวคืนให้ พร้อมรับปากจะผิดชอบ แต่สุดท้ายก็หายไปในวันที่ 8 พย.
หลังจากนั้น ก็มีผู้เสียหายติดต่อมาคุยกับทางเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านออแกไนซ์อย่าง คุณ สองวิกา ทนัญชัย ขุนด่านพินิจวงศ์ ทีมงานออแกนไนน์ หนึ่งในผู้เสียหายที่ทางผู้จัดเวทีนางงามท่านนี้ ได้ค้างเงินยอดประมาณ 3ล้าน รวมถึงทราบมาว่า ค่าสถานที่จัดงานประกวดอย่าง โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ก็ไม่ได้รับเงินหลักล้านจากผู้จัดคนนี้เช่นกัน รวมถึงน้องๆนางงามอย่างอแมนด้า,พรฟ้า, แอนชิลี, และนางงามท่านอื่นอีกมากมาย ที่ก็ไม่ได้ค่าตัว จากการมาร่วมงานนี้เหมือนกัน
และยังหลอกเจ้าของผู้ถือลิขสิทธิ์ฟิลิปปินส์ให้มาร่วมงานแล้วบอกจะดูแล เรื่องค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พักให้ แต่ในที่สุด ทางผู้จัดไม่จ่ายให้เลย และทางตัวหมอกี้เอง ก็ได้รับเกียรติจาก เจ้าของผู้ถือลิขสิทธิ์เวที Mrs.Tourism ทางฟิลิปปินส์ ให้เป็นผู้จัดเวทีนางงามนี้แทน ในปี2023แล้ว
วันนี้ที่มาแจ้งความเราต้องการเรียกความมั่นคง เรียกความเชื่อมั่นของเรากลับมาด้วยเพราะเราเป็นนักธุรกิจ ไม่อยากให้แค่คนคนนึงมาทำให้เวทีนี้มันเกิดความเสียไป อย่างน่าเสียดาย เราเลยมาขอความเป็นธรรมกับตำรวจ เพื่อให้ช่วยตามจับผู้จัดประกวดเวทีนางงามท่านนี้ให้ได้ ส่วนตัวของหมอกี้ อยากได้เครื่องเพชรคืน เพราะมันค่อนข้างหายากและอยากให้น้องๆทีมงาน ทางออแกไนซ์ได้เงินคืนด้วย ซึ่งผู้เสียหายทุกคน อยากให้ผู้จัดเวทีนางงามคนนี้ ออกมาเจรจา ตกลงกัน ว่าเราจะตกลงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร เชื่อว่าจะลำบากแค่ไหน แต่ต้องออกมาเพราะมันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องชดใช้กับทุกคนที่เสียหาย
นอกจากนี้ "หมอกี้" แจงต่อว่าหนึ่งในผู้เสียหาย "ออกัส ทรงเกียรติธนา" ที่โดนผู้จัดเวทีนางงามคนนี้โกงเงินหลักล้าน และเพื่อนของผู้เสียหายคนนี้อีกเกือบ 40 ล้าน ตั้งแต่โควิดระบาดรอบ 1 โดยเป็นการซื้อขายหน้ากากอานามัย และถุงมือยาง