ทำเอาแฟนๆหลายคนอึ้งไปตามๆกันเมื่อมีการแฉเรื่องราวของนักร้อง-นักแสดงหนุ่ม “อีซึงกิ” ที่คร่ำหวอดเป็นนักร้องในวงการมานานนับสิบปี ว่าไม่เคยได้เงินค่าลิขสิทธิ์ใดๆจากทางต้นสังกัดเลยแม้แต่บาทเดียว
Dispatch สื่อจอมแฉ ได้เปิดเผยเรื่องราวนี้ว่า อีซึงกิ ที่เดบิวต์เข้าสู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2004 กับผลงานอัลบัมแรก The Dream Of A Month นับเป็นเวลานานนับสิบปีผ่านไปแต่เขากลับยังไม่ได้รับเงินเลยสักบาทจากผลงานเพลงของตนเอง ซึ่งไม่นับรวมผลงานการแสดงและรายการวาไรตี้ต่างๆที่เขาไปออก แต่เป็นการพูดถึงผลงานเพลงของเขาอย่างเดียว
อีซึงกิ ผู้ที่มีผลงานเพลงฮิตมากมายมายาวนานตลอด 18 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิง ได้อยู่ภายใต้สัญญาทาสของบริษัท Hook Entertainment และตกเป็นเหยื่อของการถูกปั่นหัวจากทางต้นสังกัดของเขาเอง
อีซึงกิ เริ่มต้นเป็นที่รู้จักผ่านผลงานเพลงฮิต Because You’re My Girl ซึ่งทำให้ต้นสังกัดของเขาเริ่มมองเห็นศักยภาพว่าเขาเป็นเครื่องผลิตเงินให้กับทางค่ายได้ จากนั้นเขาจึงถูกทางค่ายหลอกลวงเรื่อยมา โดยเอกสารต่างๆตั้งแต่ที่เขาเริ่มเซ็นตั้งแต่เข้าวงการก็ล้วนถูกทำลายและถูกลบออกไปแล้ว จึงไม่สามารถระบุได้เลยว่าจำนวนเงินเท่าไหร่ที่เขาควรจะได้รับจากการทำงานที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา อีซึงกิ ได้ออกมาร้องเรียนขอดูเอกสารต่างๆอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นรายได้ที่ได้รับจากผลงานเพลงที่ผ่านๆมาของเขาตลอดระยะเวลา 18 ปี ซึ่งดูเหมือนว่าทาง Hook Entertainment ได้มีความพยายามที่จะจัดการตกแต่งบัญชีอยู่
ตกเป็นทาสทางดนตรีแห่งย่านชงดัม
หลังจากที่ อีซึงกิ ประสบความสำเร็จจากผลงาน Because You’re My Girl เมื่อปี 2004 เขาก็ขึ้นแท่นเป็นศิลปินตัวท็อปจากผลงานเพลงฮิต Delete ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที Seoul Music Awards, SBS Gayo Daejeon และ MBC Gayo Daejejeon.
ผลงานของ อีซึงกิ สามารถขายได้กว่า 1 แสนก็อปปี้จาก 3 อัลบัมแรก ซึ่งปล่อยออกมาในปี 2004, 2006 และ 2007 ซึ่งเขาเองก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับความเสียหายจากการโหลดเพลงเถื่อนต่างๆ
ส่วนทางด้าน Hook Entertainment เป็นผู้ที่ได้รับรายได้ทั้งหมดจากงานเพลงของ อีซึงกิ โดยที่เขาไม่ได้รับเงินสักวอนเดียว ซึ่งตลอด 18 ปีที่ผ่านมา เขาปล่อยผลงานเพลงมาแล้วกว่า 137 เพลง แต่รายได้ที่ได้จากงานเพลงกลับเป็นศูนย์
อีซึงกิ ควรมีเงินในบัญชีจากผลงานเพลงเกือบหมื่นล้านวอน ( 267 ล้านบาท )
จากปี 2004 – 2022 อีซึงกิมีผลงานเพลงทั้งหมด 27 อัลบัม ทั้งอัลบัมเต็ม, มินิอัลบัม และซิงเกิล โดยผลงานเพลงทั้งหมด 137 เพลง แต่เขากลับมีรายได้เพียงแค่ 0 วอน ซึ่งรายได้ที่หายไปในส่วนนี้ของ อีซึงกิ PSY ( ไซ ) ได้พูดถึงเรื่องนี้จากการแสดงความเห็นใน Radio Star ระบุว่า
“เพลงที่ถือว่าเป็นที่สุดของ อีซึงกิ ในความเห็นของผมนะ ผมยกให้ Because You’re My Girl เพราะแม้แต่ทุกวันนี้ หนุ่มๆสมัยนี้บางคนก็ยังร้องเพลงนี้อยู่เลย”
PSY เคยเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ให้กับเพลง Because You’re My Girl และเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีรายได้จากลิขสิทธิ์ในผลงานเพลงนี้ ซึ่งถ้า ไซ ผู้มีส่วนร่วมในเพลงดังกล่าวได้รับรายได้จากเพลงนี้ อีซึงกิ ก็ควรจะได้รับรายได้จากเพลงนี้ด้วยเช่นกัน
ทาง Dispatch ได้รับคำชี้แจงจากผู้ที่เผยแพร่และจัดจำหน่ายผลงานเพลงของ อีซึงกิ จากช่องทางต่างๆในช่วงปี 2006 – 2022 ได้ระบุว่ากิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับผลงานเพลงของ อีซึงกิ ควรจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 9,600 ล้านวอน หรือประมาณ 256.6 ล้านบาท ซึ่งมันเป็นจำนวนที่ถูกบันทึกเกี่ยวกับการขายไว้ในบัญชีของ Hook Entertainment แต่เอกสารตั้งแต่ปี 2004 – 2009 กลับหายไป ดังนั้นจึงไม่สามารถเรียกคืนข้อมูลได้ทั้งหมด
เมื่อข้อมูลต่างๆหายไป สมุดบัญชีในช่วงเดือน มิ.ย. 2004 – ส.ค. 2009 ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์ หมายความว่าทั้งรายรับและรายจ่ายไม่สามารถตรวจดูได้อีกต่อไป จึงไม่มีทางยืนยันได้เลยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ที่ถูกใช้จ่ายออกไปเพื่อเทียบกับรายรับที่ได้จากเพลงฮิตต่างๆของเขาในช่วงเวลานั้น แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ไว้ แต่ถ้าประเมิณจากปีที่หายไปด้วยก็น่าจะเกือบหมื่นล้านวอน
ทุกอย่างเริ่มต้นจากการส่งข้อความผิด
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2021 อีซึงกิ ได้รับข้อความที่ไม่ได้ตั้งใจส่ง ซึ่งมีการระบุรายได้ต่างๆจากผลงานเพลงที่ผ่านมาของเขา
“The Ordinary Man ขายได้ 63.8 พันล้านวอน ( 1.7 พันล้านบาท )
The Project อัลบัมที่ 7 ของ อีซึงกิ 170 ล้านวอน ( 4.5 ล้านบาท )
ทั้งหมด 234 ล้านวอน ( 6.25 ล้านบาท )
ค่าโปรดักชัน 200 ล้านวอน ( 5.34 ล้านบาท )
ส่วนต่าง 33.6 ล้านวอน ( 8.9 แสนบาท ) ใบกำกับภาษีจะออกเดือนนี้ และจะนำฝากในเดือนถัดไป”
จากข้อความที่เขาได้รับ ก็เป็นการยืนยันได้ว่าอย่างน้อยเขาไม่ใช่นักร้องที่ทำรายได้ให้บริษัทไม่ได้ และสร้างรายได้จากผลงานเพลงได้เช่นเดียวกับศิลปินคนอื่นๆ อีซึงกิ ได้ส่งข้อความตัวเลขทั้งหมดให้กับทางศิลปินอาวุโสที่เขานับถือ ซึ่งข้อความระบุว่า
“อีซึงกิ : พี่ครับ ผมว่าผมทำรายได้จากยอดขายดิจัทัลเหมือนกัน หลังจากหักค่าโปรดักชัน 200 ล้านวอน ( 5.34 ล้านบาท )ออกไปแล้ว ผมก็ทำเงินได้ 33.6 ล้านวอน ( 8.9 แสนบาท ) นะครับ
รุ่นพี่ : พูดเรื่องอะไร? คิดว่าค่า royalty ที่ฉันจะได้รับควรเป็นเท่าไหร่? สำหรับนาย นายทำเงินได้เยอะเลย ยังไม่ได้รับเลยเหรอ?
อีซึงกิ : ใช่พี่ ผมมักจะได้ยินมาตลอดว่าผมเป็นนักร้องที่ทำเงินไม่ได้
รุ่นพี่ : ทำข้อตกลงกับเงื่อนไขสัญญาอะไรไว้กับทาง Hook? ทำไมเขาถึงไม่จ่ายอะไรให้เลย?”
**ค่าสิทธิ (royalty Fee) คือค่าตอบแทน โดยฝ่ายที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตหรือผู้ได้รับสัมปทาน จ่ายให้อีกฝ่ายที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยส่วนใหญ่ (ผู้อนุญาตหรือผู้ให้สัมปทาน) เพื่อเป็นสิทธิ์ในการใช้สินทรัพย์นั้น ๆ
สัญญาของ อีซึงกิ
ในปี 2004 สมัยที่ อีซึงกิ เซ็นสัญญาครั้งแรกได้มีการตกลงส่วนแบ่งอยู่ที่ 4:6 อีซึงกิ จะได้รับส่วนแบ่งอยู่ที่ 40% โดย Hook รับที่ 60% ก่อนที่ในปี 2009 จะเปลี่ยนเป็น อีซึงกิ รับ 60% และค่าย Hook รับ 40% และปรับอีกครั้งในปี 2017 ที่ อีซึงกิ รับ 70% และ Hook รับที่ 30%
อย่างไรก็ตาม การจัดการที่ Hook Entertainment ได้ทำขึ้นรวมถึงค่าโปรดักชันต่างๆ ได้ส่งผลให้ อีซึงกิ ไม่ได้รับเงินส่วนแบ่งในฐานะนักร้องแต่อย่างใด ซ้ำยังให้ อีซึงกิ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเอเย่นต์ และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆที่ทางค่ายควรเป็นผู้รับผิดชอบด้วย
โดยปกติแล้ว ศิลปินที่มีความสามารถระดับ อีซึงกิ ที่ร้องดี เล่นละครได้ และยังมีความสามารถด้านเป็นพิธีกร และดำเนินรายการวาไรตี้โชว์ได้อย่างมีสีสัน ควรจะได้รับส่วนแบ่ง 80 : 20 แต่ทาง Hook เสนอว่าขอเป็น 70 : 30 โดยที่ทางค่ายจะดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่สัญญา
อีซึงกิ กลายเป็นตัวอย่าง “แรงงานทาส” ยุคโมเดิร์น
จากข้อตกลงที่ อีซึงกิ ได้ทำสัญญาไว้กับ Hook Entertainment ที่ระบุว่า 60% ของยอดขายปี 2009 – 2016 และ 70% ของยอดขายระหว่างปี 2017 – 2022 รวมแล้วทั้งหมดคิดเป็นเงินกว่า 5.8 พันล้านวอน หรือประมาณ 155 ล้านบาท ซึ่งทางสื่อจอมแฉอย่าง Dispatch ก็ได้รวบรวมค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิตอัลบัมเต็มชุดที่ 6 “And…” ของ อีซึงกิ มาตีแผ่ ซึ่งเผยให้เห็นตัวเลขอย่างชัดเจนที่ระบุว่า
“ค่าแต่งเพลง 8.9 ล้านวอน ( 237,381 บาท )
ค่าโปรดักชัน 32 ล้านวอน ( 853 ล้านบาท )
ค่าประชุม 14.6 ล้านวอน ( 389,334 บาท )
ค่าสตูดิโอบันทึกเสียง 12.1 ล้านวอน ( 322,732 บาท )
ค่ามิกซ์เสียง 9.89 ล้านวอน ( 263,787 บาท )
ค่า Mastering 1.76 ล้านวอน ( 46,956 บาท )
ค่า วีเจ 3 ล้านวอน ( 8 หมื่นบาท )
ค่าปกอัลบัม 22.4 ล้านวอน ( 597,455 บาท )
ค่าโปรดักชันทำอัลบัม 39.7 ล้านวอน ( 1,058,883 บาท )
ค่าโปรโมทอัลบัม 3 ล้านวอน ( 80,040 บาท )
ค่าใบรับรอง KOMCA 23.4 ล้านวอน ( 624,048 บาท )
รวมทั้งหมด 171 ล้านวอน ( 4.56 ล้านบาท )
Hook Entertainment จ่ายเงินไป 171 ล้านวอน ( 4.56 ล้านบาท ) ให้กับการทำอัลบัมที่ 6 ของ อีซึงกิ แต่จำนวนเงินเท่าไหร่กันที่เขาได้รับจากผลงานอัลบัมนี้? จำนวนที่เข้าไปทาง Hook Entertainment จากการขายแบบดิจิทัล เป็นจำนวนเงินถึง 210 ล้านวอน ( 5.6 ล้านบาท ) และ 131 ล้านวอน ( 3.5 ล้านบาท ) จากยอดขายอัลบัม และอีก 13 ล้านวอน ( 346,588 บาท ) จากการจัดจำหน่ายโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจำนวนเงินที่ได้รับจาก Kakao โดยตรงจากผลงานอัลบัมนี้อีก 700 ล้านวอน ( 18.7 ล้านบาท )
รวมทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 1.05 พันล้านวอน ( 27.9 ล้านบาท ) จากผลงานอัลบัมที่ 6 ของ อีซึงกิ หักลบกับค่าโปรดักชันต่างๆก็ยังคงเหลือเงิน 884 ล้านวอน ( 23.5 ล้านวอน ) จึงเป็นที่แน่ชัดว่า อีซึงกิ ควรจะได้รับเงินจำนวนนี้จากผลงานอัลบัมที่ 6 แต่เงินจำนวนนี้กลับไปอยู่ในบัญชีของ Hook Entertaiment
อีซึงกิ ไม่ใช่นักร้องติดลบ
อีซึงกิ เคยถามถึงประเด็นที่ว่าเขาเป็นนักร้องที่ไม่สามารถทำรายได้ให้บริษัทเลยจริงๆเหรอ? โดยเพื่อนเขาเปิดเผยกับทาง Dispatch ว่า อีซึงกิ เคยถามบรรดาผู้บริหารของ Hook Entertainment หลายต่อหลายครั้งและเขาก็พยายามที่จะถามถึงสิทธิที่เขาควรจะได้รับมาตลอด แต่คำตอบที่เขาได้รับกลับทำให้เขาสงสัยในความสามารถของตนเองไปเรื่อยๆ
1. มิ.ย. 2021 : ซึงกิ ! ผมไม่อยากพูดแบบนี้กับนักร้องในสังกัดเราหรอกนะ แต่นายมันเป็นนักร้องติดลบ ทำไมเราต้องมาคำนวณเรื่องนี้กันด้วย? ( เกิดขึ้นระหว่างที่ อีซึงกิ พาแม่ไปกินข้าวเย็นกับผู้บริหาร )
2. ส.ค. 2022 : นายรู้ไหมว่าเราต้องเสียค่าโปรโมทอัลบัมนายไปเท่าไหร่? ฉันต้องเอาของขวัญไปให้ผู้บริหารสื่อ ( เอ ) แล้วก็ซื้อของขวัญอย่างอื่นไปให้ผู้บริหารสื่อ ( บี ) คนนี้ด้วย ( เกิดขึ้นระหว่างที่เขาถามผู้บริหารรายหนึ่ง และเขาโพล่งออกมาอย่างกะทันหัน )
3. พ.ย. 2022 : ทำไมนายมันน่ารำคาญอย่างนี้! เราได้ขอให้ พัค ทีมบัญชีเตรียมเอกสารการเงินให้แล้ว แต่แม่งไม่ยอมทำเพราะว่ามันไม่อยากทำงาน ( เกิดขึ้นระหว่างประชุม ขณะที่ อีซึงกิ ขอให้แสดงบัญชีให้เขาได้ดู )
หลังทนอยู่มา 18 ปี ได้เวลาเอาคืน
อีซึงกิ ที่ถูกค่าย Hook Entertainment ใช้คำพูดหลอกลวงมาตลอด 18 ปี จนเข้าข่ายการใช้จิตวิทยาทำร้ายเขามาตลอดว่าเขาเป็นศิลปินที่สร้างรายได้ให้กับค่ายไม่ได้ จนต้องจมอยู่กับความคิดดังกล่าวมานานถึง 18 ปี ทั้งคำพูดที่ว่า
“ซึงกิ! แฟนคลับนายเขาไม่ซื้ออัลบัม พวกเขาไม่มีเงินแต่พวกเขามีทุกอย่างที่ต้องการ”, “ผู้จัดการคิม อีซึงกิน่ะ จบแล้ว ไปเดินทางอื่นเถอะ ใช้เงินประหยัดๆด้วยนะ”
โดย ควอนจินยง ผู้บริหารของ Hook Entertainment ยังเคยถึงขั้นไม่ให้ผู้จัดการของ อีซึงกิ ใช้การ์ดของบริษัทจ่ายค่าอาหารระหว่างที่เขาออกไปทำงานข้างนอกด้วย
ทางด้าน Hook Entertainment ได้แถลงการณ์ตอบโต้ประเด็นที่เกิดขึ้น
“สวัสดีครับ ผม ควอนจินยอง ซีอีโอของ Hook Entertainment
มีเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับผมและบริษัทของเราปรากฏออกมาทางสื่อ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ทำให้ผมเกิดความอับอายแล้ว
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากการขาดประมาทเลินเล่อและความไม่รอบคอบ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกละอาย และต้องขอโทษมา ณ ที่นี้
มันมีความสมเหตุสมผลที่สามารถยืนยันเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวถึงลอยๆในขณะนี้ได้ แต่ในส่วนของข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ขอให้เข้าใจว่าเรากำลังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมายเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด และทางเราจะไม่ขอพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างจะถูกจัดการโดยกฎหมาย
และกรณีต่างๆของ Hook Entertainment ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนทางกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเราจะไม่หนีและไม่หลีกเลี่ยง โดยจะยินดีรับผิดชอบทุกกรณี
ทาง Hook Entertainment และ ผม จะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของศิลปินในสังกัดคนอื่นๆ และจะระมัดระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความกังวลให้กับทุกคนเกิดขึ้นอีก
ขอบคุณครับ”
ซึ่งรายงานล่าสุดระบุว่า กองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ ได้บุกยึดและตรวจค้นอาคารสำนักงานดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากต้องสงสัยว่าผู้บริหารบางคนของบริษัททำการยักยอกทรัพย์