เตียบ่อกี้ ชีวิตสับสน-จิตใจยิ่งสับสนกว่า
ผู้ที่อยากหลีกลี้หนีหายจากยุทธภพมิใช้มีแต่ เล่งฮู้ชง แห่งกระบี่เย้ยยุทธจักร ซึ่งได้หายไปจากยุทธภพพร้อมกับเยิ่นอิ๋งอิ๋งคนรัก ซึ่งเป็นตอนจบของนวนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรที่ท่านกิมย้งบันดาลขึ้น ในจักรวาลยุทธภพของท่านกิมย้มยังมีพระเอกอีกผู้หนึ่งที่ต้องการลาจากความสับสนวุ่นวายหนีหายจากยุทธภพไปใช้ชีวิตเรียบง่ายสงบสุขกับคนรัก คนผู้นั้นคือ จอมยุทธคุณธรรม เตียบ่อกี้ หัวหน้าลัทธิเม้งก่า
เตียบ่อกี้ แห่ง ดาบมังกรหยก ช่วงเวลาของเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังลูกมังกรหยก หรือ มังกรหยกภาคสองราวๆเกือบร้อยปี เป็นยุคสมัยที่มองโกลเข้ามาปกครองแผ่นดินซ้อง และชาวยุทธต้าซ้องพยายามต่อสู้ขับไล่ มองโกลออกไป แต่การต่อสู้ดังกล่าวกลับไม่เกิดผลเพราะต่างชิงดีชิงเด่นต่อสู้กันเอง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแยกชาวยุทธออกเป็นสองขั้วชัดเจนเช่นเดียวกับกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง
ในยุคของดาบมังกรหยกนั้น ฝ่ายธรรมมะนำโดย เส้าหลิน เป็นเสาหลักแห่งยุทธภพ พรรคยาจก เป็นพรรคใหญ่ มีกองกำลังขอทานจำนวนมาก บู๊ตึ๊ง ง่อไบ๊ เพิ่งเริ่มก่อตั้งได้ไม่นาน บู๊ตึ้ง มีเตียซำฮง เป็นผู้ก่อตั้งและยังเป็นเจ้าสำนักอยู่แม้ชราภาพแต่พลังฝีมือแข็งแกร่ง ง่อไบ๊ มีก๊วยเซียง บุตรสาวคนรองของก๊วยเจ๋งอึ้งย้งเป็นผู้ก่อตั้ง สืบทอดมาถึงซือไท่มิกจ้อเป็นรุ่นที่สามและจิวจี้เยียกเป็นรุ่นที่สี่ ที่เหลือมีคุนลุ้น คงท้ง ฯลฯ
ส่วนฝ่ายอธรรมมีลัทธิเม้งก่าเป็นผู้นำ ลัทธิที่เผยแพร่อิทธิพลมาจากดินแดนเปอร์เซียบูชาเทพอัคคี ถูกชาวยุทธแผ่นดินซ้องมองว่าเป็นพวกมารฝ่ายอธรรมเป็นที่รวมตัวของพวกนอกรีต เม้งก่ารุ่งเรืองและมีกำลังคนมากมาย เป้าหมายของเม่งก้าก็ไม่ต่างจากฝ่ายธรรมมะคือขับไล่มองโกลออกจากแผ่นดินซ้อง เม่งก้าเริ่มแตกแยกภายในเมื่อประมุขอี่เต็งทีหายสาบสูญ เมื่อไร้หัวหางจึงระส่ำ ผู้อาวุโสในพรรคต่างแยกย้ายไปตามทางของตนเอง เจี่ยซุ่นออกตามหาดาบฆ่ามังกรเพื่อล้างแค้นให้ครอบครัว พญาอินทรีคิ้วขาว ฮึงเทียเจี่ย ออกมาตั้งพรรคอินทรี ฑูตขวา หวมเฮี้ยม ออกตามหาประมุขที่สูญหาย มีเพียงเอี้ยงเซียว ฑูตซ้ายอยู่รักษาพรรคแต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับสักเท่าไหร่ กระทั่ง เตียบ่อกี้ เข้ามาเป็นประมุข พรรคจรัส หรือ ลัทธิเม้งก่า จึงเข้ารูปเข้ารอยและเป็นผู้นำชาวยุทธขับไล่มองโกลออกจากแผ่นดินซ้อง
เตียบ่อกี้ เป็นบุตรของเตียชุ่ยซัวศิษย์เอกคนที่ห้าของเตียซำฮงวาสนาพาให้มาพบกับฮึงซู่ซู่ บุตรสาวของพญาอินทรีคิ้วขาว ทั้งคู่ขัดแย้ง ต่อสู้และรักกันแถมโชคชะตาเล่นตลกต้องติดอยู่บนเกาะร้างกับเจี่ยซุ่นผู้คุ้มดีคุ้มร้ายเพราะโศกนาฏกรรมของครอบครัว แต่เมื่อเจี่ยซุ่นได้ยินเสีบงร้องของบ่อกี้เมื่อออกมาจากครรภ์มารดา อาการคุ้มดีคุ้มร้ายของเขาหายไปได้สติกลับคืนมา เจี่ยซุ่นกลายเป็นพ่อบุญธรรมของบ่อกี้ ทั้งสามช่วยกันเลี้ยงดูบ่อกี้จนเติบโตสักสิบขวบ เจี่ยซุ่นดูทิศทางลมช่วยกันต่อแพและทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้เดินทางกลับแผ่นดินใหญ่ ส่วนเจี่ยซุ่นไม่กลับไปด้วยเพราะมีศัตรูเยอะและต้องการไขความลับของดาบฆ่ามังกร
เมื่อมาถึงตงง้วนได้ไม่กี่วันพ่อแม่ของเตียบ่อกี้ต้องฆ่าตัวตายเพราะชาวยุทธรวมกันบีบคั้นถามที่อยู่ของเจี่ยซุ่นแต่ทั้งคู่ไม่ยอมปริปากบอก บ่อกี้ยังถูกฝามือพิษไอเย็นเข้าร่าง นับเป็นเคราะห์หนักหนาสำหรับเด็กคนหนึ่ง แต่เขาได้รับความรักจากเตียซำฮงและท่านลุงท่านอาทั้งหกคนเป็นอย่างดี เตียซำฮงจนปัญญารักษาพิษไอเย็นไปขอร้องเส้าหลินก็ไม่ยอมช่วย ระหว่างเดินทางได้ช่วยเหลือเซี๊ยง่อชุนคนของพรรคจรัสโดยบังเอิญซึ่งเดินทางมาพร้อมกับเด็กหญิงจิวจี้เยียก เซี๊ยง่อชุนพาบ่อกี้ไปหาหมอเทวดาโอ้วแชงู้เพื่อรักษาพิษไอเย็น เตียซำฮงพาเด็กกำพร้าจิวจี้เยียกไปฝากเป็นศิษย์ง่อไบ้ บ่อกี้อยู่กับหมอโอ้วแชงู้หลายปี หมอโอ้วก็ไม่ยอมรักษาให้เพราะมีคติประจำใจว่า รักษาหนึ่งชีวิตต้องแลกด้วยหนึ่งชีวิต แต่หมอโอ้วชอบความเฉลียวฉลาดของบ่อกี้จึงมอบตำราแพทย์ให้อ่านและแนะให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง เด็กน้อยจึงทดลองรักษาตัวเอง
หลังพบเห็นเหตุการณ์ซือไท่มิกจ้อสังหารศิษย์และเหตุร้ายที่บ้านหมอโอ้วแชงู้ บ่อกี้ดั้นด้นพาปุกฮุ้ยไปส่งเอี้ยวเซียว พ่อของนางที่นิกายเม้งก่า จากนั้นเขามีวาสนาได้คำภีร์เก้าเอี๊ยงจากลิงยักษ์ในป่าทำให้เขาหายจากพิษฝ่ามือและมีฝีมือสูงส่งทั้งที่อายุยังน้อย เตียบ่อกี้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์จอมยุทธฝ่ายธรรมมะบุกเข้ากวาดล้างนิกายเม้งก่า เขาเข้าช่วยเหลือเม้งก่าต่อสู้กับจอมยุทธฝ่ายธรรมมะหลายคนจนได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายเม้งก่าทุกคนต่างยกให้เขาเป็นประมุขคนใหม่
ระหว่างเหตุการณ์กวาดล้างเม้งก่า เตียบ่อกี้กับเสี่ยวเจียวบังเอิญเข้าไปในเส้นทางลับทำให้รับรู้ถึงชะตากรรมของอี่เต็งทีประมุขเม้งก่าที่หายสาบสูญและได้ฝึกวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล เตียบ่อกี้มีพื้นฐานที่ดีจึงฝึกได้รวดเร็วแต่พอฝึกถึงขั้นสูงสุด เขากลับไม่เข้าใจสุดท้ายเขาไม่ยอมฝึกต่อเพราะคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นคนหนุ่มที่มีความคิดและรู้จักยับยั้งชั่งใจ หากฝืนตนเองฝึกต่อไปธาตุไฟแทรกอาจพิกลพิการเสียสติและเสียชีวิตได้ เพราะวิชาขั้นสูงสุดเป็นเพียงกับดักที่ผู้คิดค้นวางไว้ให้กับผู้ที่โลภมากเท่านั้น
เมื่อเตียบ่อกี้กลายเป็นประมุขเม้งก่าที่อายุยังน้อยแต่ภาระหนักหนา เขาต้องสร้างความมั่นคงและปึกแผ่นภายในพรรค นำอุดมการณ์ขับไล่มองโกลออกจากแผ่นดินฮั่นกลับมาและต้องทำให้สำเร็จ สร้างเม้งก่าให้เป็นพรรคที่มีคุณธรรมยุติการสู้รบกับชาวยุทธฝ่ายธรรมมะและหันมาร่วมมือกันขับไล่มองโกล
เส้นทางดังกล่าวเต็มไปด้วยความยากลำบากแม้ว่าเตียบ่อกี้จะมีวรยุทธสูงส่งแต่วรยุทธไม่ใช่คำตอบในทุกๆเรื่อง หลายครั้งที่เขาสับสนตัดสินใจไม่ถูกทั้งในเรื่องหน้าที่การงานและความรัก เตียบ่อกี้ผูกสัมพันธ์กับสตรีหลายนางโดยเฉพาะเตี๊ยเมี่ยง บุตรีอ๋องแห่งมองโกล ซึ่งโดยหน้าที่และความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองแล้วทั้งคู่คือศัตรู และจิวจี้เยียก ประมุขรุ่นที่สี่แห่งง่อไบ๊ เขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับจิวจี้เยียกแต่งานวิวาห์ต้องยกเลิกเพราะเหตุรักสามเส้า จิวจี้เยียกเจ็บแค้นกลายเป็นคนโหดเหี้ยมและไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเตียบ่อกี้
ขณะที่เรื่องของบ้านเมือง เตียบ่อกี้เชื่อใจคนง่ายเกินไป เขาถูกจูหยวนจางล่อหลอกจนยอมถอนตัวจากการเป็นประมุขเม้งก่าและมอบตำแหน่งให้เอี้ยงเซียวดูแลซึ่งจูหยวนจางไม่เกรงกลัวพลังฝีมือของเอี้ยงเซียว และทำการกวาดล้างเม้งก่าจนสิ้นซาก เตียบ่อกี้กลับมาหมายสังหารจูหยวนจาง แต่คนด้อยวรยุทธที่มีปัญญาและประสบการณ์เป็นอาวุธกลับพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เตียบ่อกี้เห็นถึงข้อเสียที่จะตามมาหากเขาตายลง เตียบ่อกี้หลงลมปากจูหยวนจางอีกครั้งจึงได้แต่คาดโทษเอาไว้ บอกให้ปกครองแผ่นดินให้ดีและต้องกลับไปมือเปล่า
ความเหนื่อยหน่ายจากการต่อสู้ แก่งแย่งฆ่าฟัน ชิงดีชิงเด่น และความผิดหวังเศร้าเสียใจที่คนใกล้ชิดต้องตาย ทำให้เขาตัดสินใจลาจากยุทธภพ
เตียบ่อกี้หนีหายจากยุทธภพหมายใช้ชีวิตสงบสุขกับเตี๊ยเมี่ยงซึ่งเลือกละทิ้งฐานะบุตรีอ๋องมองโกลมาใช้ชีวิตกับกับชายคนรักเช่นเดียวกัน แต่ทั้งคู่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้หรือ เพราะจิวจี้เยียกคงไม่ปล่อยให้ทั้งสองได้ครองคู่อย่างมีความสุข นิยายของท่านกิมย้งเรื่องนี้จบที่การเผชิญหน้ากันของสองหญิงหนึ่งชาย
...
ประวัติผู้เขียน
ชาติณรงค์ วิสุตกุล ผู้ช่วยศาสตรจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จบการศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยทำงานเป็นนักข่าวและนักเขียนสารคดีที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำสถานีวิทยุแห่งชาติจีน (China Radio International) ณ กรุงปักกิ่ง(พ.ศ.2550-2551)
เคยได้รับรางวัลสุภาว์ เทวกุล ปี 2552 จากเรื่องสั้น ใบหน้าของโจโฉ รางวัลชมเชยพานแว่นฟ้า ปี2545 จากเรื่องสั้น ภาพเก่า และเข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ปี2552 จากเรื่องสั้น หนูน้อยกลางถนนกับคนใจยักษ์ และเรื่องสั้น กบฏเพื่อสันติภาพ ได้รับคัดเลือกตีพิมพ์ในนิตยสารราหูอมจันทร์ ฉบับที่ 5 เดือนตุลาคม 2551 มีผลงานหนังสือรวมเล่มมาแล้ว 4 เล่ม ได้แก่
1. นางฟ้าจากไปแล้ว รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2549 สนพ.สยามอินเตอร์
2. คน(ไม่)เหมือนกัน รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2554 สนพ.บ้านวารสารฯ
3. สาวน้อยบนตึก นวนิยาย ปีพ.ศ.2558 สนพ.บ้านวารสารฯ
4. กลืนกินความมืด รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2560 สน.พ.บ้านวารสารฯ
ติดต่อผู้เขียน : โทรศัพท์ 094-9451451 / E-mail : jr.chatnarong@gmail.com