เจี่ยซุ่น : โกรธเกรี้ยวกลายเป็นฆาตกร
ราชสีห์ขนทอง หรือ เจี่ยซุ่น เป็น 1 ใน 4 ผู้คุมกฏของนิกายเม้งก่าหรือพรรคจรัส พรรคใหญ่แห่งยุทธภพที่มีอุดมการณ์ขับไล่ราชวงศ์มองโกลออกจากแผ่นดินต้าซ้อง แต่พรรคจรัสกลับถูกชาวยุทธมองว่าเป็นพวกมารที่แผ่อิทธิพลมาจากเปอร์เซีย เป็นพวกนอกรีตนับถือเทพอัคคี และเป็นที่รวมตัวของพวกแปลกแยกจากสังคมไร้ซึ่งกฏเกณฑ์ ในยุคที่ยุทธภพแบ่งแยกฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมอย่างชัดเจน สุดท้ายทั้งสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันเองไม่ได้ต่อสู่ขับไล่มองโกล ชาวฮั่นจึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของมองโกล
ดิมทีเจี่ยซุ่นเป็นชาวยุทธที่มีอุดมการณ์ เป็นคนเถรตรงและมุทะลุ ต้องการขับไล่มองโกลออกจากแผ่นดินต้าซ้องจึงเข้าร่วมกับพรรคจรัสและได้รับความไว้วางใจจากประมุขแต่งตั้งให้เป็น 1 ใน 4 ผู้คุมกฏของพรรค แต่วิบากกรรมของพรรคจรัสและเจี่ยซุ่นก็เกิดขึ้น ประมุขพรรค อี่เต็งที หายสาบสูญทำให้การบริหารจัดการมีปัญหา เกิดความแตกแยกภายในสุดท้ายพรรคอ่อนแอลงเรื่อยๆ ขณะที่เจี่ยซุ่นต้องเผชิญกับวิบากกรรมหนักหนา ภรรยาถูกย่ำยีและครอบครัวถูกฆ่าจากน้ำมืออาจารย์ของเขาเอง
เซ่งคุน หัตถ์อัตสุนีบาต อาจารย์ของเจี่ยซุ่น ได้เป็นชู้กับฮูหยินของอี่เต็งทีประมุขพรรคจรัส และเป็นสาเหตุให้ประมุขพรรคจรัสเสียชีวิตและหายสาบสูญ เมื่อขาดเสาหลักพรรคก็อ่อนแอ เซ่งคุนต้องการทำลายพรรคจรัสจึงใช้เจี่ยซุ่นเป็นเครื่องมือ ข่มเหงภรรยาและฆ่าล้างครอบครัวเจี่ยซุ่น และตัวเองหายตัวไปจากยุทธภพ
เจี่ยซุ่นเจ็บแค้นอาจารย์กลายเป็นคนโหดเหี้ยมคุ้มดีคุ้มร้าย เขาออกจากพรรคจรัสเพื่อตามล่าเซ่งคุนที่ไหนมีเบาะแสเซ่งคุนเขาจะไปที่นั่นและทำทุกอย่างเพื่อตามหาเซ่งคุน เจี่ยซุ่นกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนไม่เลือกหน้าเพื่อตามหาเซ่งคุนจนกลายเป็นบุคคลอันตราย ทำให้พรรคจรัสยิ่งตกต่ำเพราะมีผู้คุมกฏเป็นฆาตกรโหดแห่งยุค
เจี่ยซุ่นรู้ตัวว่าวรยุทธของตนยังด้อยกว่าเซ่งคุนจึงตามหาดาบฆ่ามังกรเพื่อค้นหาความลับของดาบและนำไปใช้ฆ่าเซ่งคุน การค้นหาดาบของเจี่ยซุ่นทำให้เขาได้พบกับเตียชุ่ยซัว จอมยุทธห้าแห่งบู๊ติ้งและฮึงซู่ซู่ ลูกสาวของหัวหน้าพรรคอินทรี เจี่ยซุ่นตาบอดเพราะถูกอาวุธลับของฮึงซู่ซู่ ทั้งสามล่องเรือจนมาติดอยู่บนเกาะน้ำแข็งอัคคี
เมื่อมาติดเกาะร้างกันสามคนจากที่เคยเป็นศัตรูกลับกลายเป็นสหายประกอบกับฮึงซู่ซู่กำลังตั้งท้อง วันที่ลูกของทั้งสองจะคลอดเจี่ยซุ่นเกิดคุ้มคลั่งเสียสติเตียชุ่ยซัวเข้าไปต้านทานจนเกือบจะสู้ไม่ไหวพลันเสียงร้องของทารกแรกเกิดกลับทำให้เจี่ยซุ่นได้สติคืนมา เตียชุ่ยซัวและภรรยาจึงของให้เจี่ยซุ่นเป็นพ่อบุญธรรมให้ลูกของตน เจี่ยซุ่นตั้งชื่อเด็กทารกตามชื่อเดิมของลูกตนเองว่า บ่อกี้
ติดเกาะอยู่ด้วยกันสี่ชีวิตจนกระทั่งบ่อกี้เติบโตอายุได้สัก 8 ขวบ เจี่ยซุ่นจึงเริ่มสอนวรยุทธพื้นฐานให้ เขาสังเกตสายลมและต่อแพให้สามคนพ่อแม่ลูกกลับแผ่นดินตงง้วน ส่วนตัวเองรู้ว่ากลับไปก็จะมีแต่คนมาคอยตามแก้แค้นเพราะได้ฆ่าคนไว้มากจึงไม่กลับไปด้วยกลัวทั้งสามจะเดือดร้อน
กระทั่งเตียบ่อกี้เติบโตและกลายเป็นประมุขพรรคจรัส เขาตั้งใจพาเจี่ยซุ่น พ่อบุญธรรมกลับแผ่นดินใหญ่ เมื่อถึงแผ่นดินใหญ่เจี่ยซุ่นกลับถูกจับไปอยู่ที่วัดเส้าหลินจนเกิดการประลองยุทธแย่งชิงตัวเจี่ยซุ่นขึ้น ขณะที่เจี่ยซุ่นถูกจองจำไว้ในก้นบ่อโดยมีหลวงจีนอาวุโสสามรูปเฝ้าอยู่นั้น เสียงสวดมนต์ทำวัดเช้าเย็น การสนทนาธรรมกับหลวงจีนเฒ่าทำให้เจี่ยซุ่นปลงตกและปล่อยวางความแค้นต่างๆได้ เมื่อบ่อกี้และจิวจี้เยียกร่วมมือกันจนชนะการประลองแต่เจี่ยซุ่นไม่ยอมกลับออกจากวัดเส้าหลิน
สุดท้ายเจี่ยซุ่นได้ชำระแค้นกับเซ่งคุนที่ขณะนั้นหนีมาบวชเป็นพระวัดเส้าหลินเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้ยุทธภพได้สำเร็จ เจี่ยซุ่นรู้ว่าตนเองฆ่าคนไว้มากจึงยอมรับกรรมแต่โดยดีไม่ยอมให้บ่อกี้เข้ามายุ่ง แต่ชาวยุทธที่มีความแค้นกับเจี่ยซุ่นเห็นว่า เขากลับตัวกลับใจได้กลายเป็นตาแก่พิการตาบอด และได้ทำลายวรยุทธของตนเสียแล้วจึงละชีวิตของเจี่ยซุ่น เขาถูกด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถูกถ่มน้ำลายรดหน้า ถูกก้อนหินปาใส่ เจี่ยซุ่นนิ่งเฉยและยินยอมแต่โดยดี สุดท้ายใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่วัดเส้าหลินนั่นเอง
เจี่ยซุ่นไม่ใช่คนชั่วโดยสันดานแต่เป็นเพราะความเจ็บแค้นที่อาจารย์ทำลายครอบครัวของเขาจึงหลงผิดกลายเป็นฆาตกรโหด เมื่อเขาสำนึกผิดและกลับใจ ชาวยุทธทั่วหล้าก็ยอมที่จะให้อภัย ตามคำพระที่ว่า เวรย่อมละงับด้วยการไม่จองเวร
มู่หยงฝู : หลงตนว่าเป็นราชา
เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เป็นสมญาที่ชาวยุทธต่างยกย่องให้เกียรติมังกรหนุ่มทั้งสองว่าไม่ธรรมดา เป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตแห่ง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า นวนิยายกำลังภายในที่โด่งดังอีกเรื่องของท่านกิมย้ง ซึ่งช่วงเวลาของเหตุการณ์ในนวนิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนยุคสมัยของก็วยเจ๋ง แห่ง มังกรหยกภาคแรก มีเส้าหลินเป็นเสาหลักของยุทธภพ มีพรรคยาจกเป็นพรรคใหญ่ที่คอยต่อต้านชนเผ่าอื่นที่คอยจ้องจะบุกรุกแผ่นดินชาวฮั่น และนอกจากแผ่นดินซ้องของชาวฮั่นแล้ว ยังมีแคว้นต้าหลี่ ซีเซี่ย ถู่ฟาน และเหลียว ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรูต่างคอยจ้องรุกรานกันเมื่อแคว้นใดแคว้นหนึ่งเกิดอ่อนแอลง
เฉียวฟงนั้น ในวัยเด็กเป็นศิษย์ของหลวงจีนวัดเส้าหลินและได้ไปเป็นศิษย์ของประมุขพรรคยาจกจนกระทั่งได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรค มีพื้นฐานวรยุทธของเส้าหลิน ได้ร่ำเรียนฝ่ามือพิชิตมังกรและไม้ตีสุนัขจากหัวหน้าพรรคยาจก เป็นคนตรง ใจกว้าง เหี้ยมหาญ ตัวใหญ่กำยำ และชอบดื่มสุรา สร้างผลงานให้กับพรรคยาจกมากมาย แต่เสียที่มีชาติกำเนิดลึกลับจึงถูกใส้ร้าย แต่สุดท้ายเฉียวฟงก็ได้พิสูจน์ให้ชาวยุทธได้ประจักษ์ว่า มังกรย่อมเป็นมังกร
ขณะที่บุรุษอีกผู้หนึ่งที่มีชื่อเทียบเคียงกับเฉียวฟงนั้นมีประวัติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน มู่หยงฝู หรือ คุณชายมู่หยงแห่งกูซู บุตรของมู่หยงป๋อ มีวิชาดาวเคลื่อนดาราคล้อย หรือ ยืมหอกสนองผู้ใช้ เป็นวรยุทธประจำตระกูลและที่ตำหนักของตระกูลมู่หยงยังมีคลังตำราวรยุทธของสำนักต่างๆให้ได้ศึกษาอีกมากมาย มู่หยงฝูจึงเก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางองอาจ และดูน่าเชื่อถือ
ตระกูลมู่หยงนั้นแต่เดิมสืบเชื้อสายมาจากจ้าวผู้ครองแคว้นเยี่ยนแต่ภายหลังถูกแคว้นอื่นรุกรานทำให้ล่มสลายไป มู่หยงป๋อมีปณิธาณที่จะฟื้นฟูแคว้นเยี่ยนและปลูกฝังความเชื่อนี้ไปยังมู่หยงฝู แต่พวกเขาขาดทั้งกำลังทุนทรัพย์ รวมทั้งวรยุทธ์ที่จะกำราบใต้หล้า มีเพียง 4 เสนาบดีแห่งแคว้นเยี่ยน ซึ่งสืบเชื่อสายมาจากตระกูลขุนนางของแคว้นคอยติดตามรับใช้ รวมทั้ง 2 สาวใช้อาจูกับอาบี้เท่านั้น แต่ มู่หยงฝู ก็ไม่เคยทิ้งปณิธานดังกล่าวและทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูแคว้นเยี่ยน และตัวเขาจะเป็นพระราชา
มู่หยงฝูเดินทางท่องยุทธภพกับสี่ขุนนาง และมี หวังอวี่เยี่ยน ญาติผู้น้องที่มีใจต่อเขาคอยติดตามไปด้วย การท่องยุทธภพของเขาก็เพื่อคบหามิตรสหายหวังใช้เป็นกำลังในการช่วยฟื้นฟูแคว้นเยี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นมือเข้าช่วยพรรคยาจกจากติงชุนชิว หรือช่วยเหลือชาวยุทธที่ถูกยันต์เป็นตายของนางเฒ่าทาริกา แต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลวไปเสียทุกที
ครั้นเหตุการณ์ที่ชาวยุทธบุกวัดเส้าหลิน มู่หยงฝู เข้าต่อสู้กับติงชุนชิวที่มาบุกวัดเส้าหลินเพื่อหวังสร้างชื่อแต่ก็สู้ไม่ได้ เขาไม่ใส่ใจใยดีกับหวังอวี่เยี่ยนที่มีใจให้เขาเลยมุ่งแต่จะสร้างผลงานให้ชาวยุทธประจักษ์ แต่กลับไม่พอใจที่ต้วนอี้คอยติดตามและช่วยเหลือหวังอวี่เยี่ยนอยู่ห่างๆ สุดท้ายทั้งสองต่อสู้กันที่วัดเส้าหลินมู่หยงฝูพ่ายแพ้ เขารู้สึกอับอายที่ต้องแพ้เด็กหนุ่มท่าทางไม่เอาไหนอย่างต้วนอี้ และลงมือลอบทำร้ายต้วนอี้ข้างหลัง แต่เฉียวฟงเข้ามาขวางไว้ทัน มู่หยงฝูเสียหน้าอับอายต่อหน้าชาวยุทธมากมาย และกำลังจะฆ่าตัวตายแต่มู่หยงป๋อ ผู้เป็นพ่อออกมาขัดขวางไว้ทัน
มู่หยงฝูเก็บความคับแค้นกดดันไว้ภายในใจ เขายอมร่วมมือกับ ต้วนเหยียนชิ่ง พี่ใหญ่แห่ง 4 จอมโฉด ช่วยต้วนเหยียนชิ่งชิงบัลลังค์คืนจากต้วนเจิ้งฉุน บิดาของต้วนอี้ มู่หยงฝูยอมคุกเข่าขอให้ต้วนเหยียนชิ่งรับเขาเป็นบุตรเมื่อต้วนเหยียนชิงได้ครองต้าหลี้เขาจะขอยืมทหารไปฟื้นฟูแคว้นเยี่ยน การยอมคุกเข่าขอเป็นลูกต้วน เหยียนชิงทำให้ 4 ขุนนางที่ติดตามเขาไม่พอใจและตีจาก สุดท้ายแผนชิงบัลลังค์ล้มเหลว มู่หยงฝูกลับบ้านมือเปล่า
เมื่อซมซานกลับมาถึงตำหนักมู่หยง เขาเหลือเพียงอาบี้สาวใช้เพียงคนเดียว หวังอวี่เยี่ยนมีใจให้กับกับ ต้วนอี้ 4ขุนนางก็ตีจากเพราะเขาลดตัวขอเป็นบุตรต้วนเหยียนชิ่ง และที่หนักหนาที่สุดคือบิดาของเขา ผู้ที่เฝ้าปลูกฝังความคิดฟื้นฟูแคว้นเยี่ยนกลับปล่อยวางทางโลกออกบวชเป็นพระอยู่ที่วัดเส้าหลิน มู่หยงฝูเก็บตัวฝึกวิชาจนธาตุไฟแทรกแต่ฝีมือสูงส่งขึ้น และออกมาสร้างความปั่นป่วนให้ยุทธภพจนวุ่ยวายเกิดศึกระหว่างชาวยุทธ ต้าซ้องกับทหารเมืองเหลียว แต่สุดท้าย เฉียวฟง ซีจู๋และต้วนอี้ ช่วยกันกำหลาบมู่หยงฝูลงได้ มู่หยงฝูสูเสีย วรยุทธกลายเป็นคนเสียสติ ในขณะที่สติเลอะเลือนเขายังคิดว่าตัวเองเป็นพระราชาครองแคว้นเยี่ยน
ที่จริงแล้วคนเก่งทั้งบุ๋นและบู๊อย่างมู่หยงฝูสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากมาย เพราะเข้ามีความพร้อมทั้งกำลังและปัญญา แต่ด้วยการถูกปลูกฝังของบิดามาตั้งแต่เด็กให้ฟื้นเมืองเยี่ยน เขาจึงยึดติดและยอมทำทุกวิถีทางและยอมสละทุกอย่างเพื่อการนี้ นับว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง
มนุษย์เราหากปล่อยวางละซึ่งความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลงลงได้บ้าง ชีวิตคงไม่วุ่นวายถึงเพียงนี้
...
ประวัติผู้เขียน
ชาติณรงค์ วิสุตกุล ผู้ช่วยศาสตรจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จบการศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยทำงานเป็นนักข่าวและนักเขียนสารคดีที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำสถานีวิทยุแห่งชาติจีน (China Radio International) ณ กรุงปักกิ่ง(พ.ศ.2550-2551)
เคยได้รับรางวัลสุภาว์ เทวกุล ปี 2552 จากเรื่องสั้น ใบหน้าของโจโฉ รางวัลชมเชยพานแว่นฟ้า ปี2545 จากเรื่องสั้น ภาพเก่า และเข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ปี2552 จากเรื่องสั้น หนูน้อยกลางถนนกับคนใจยักษ์ และเรื่องสั้น กบฏเพื่อสันติภาพ ได้รับคัดเลือกตีพิมพ์ในนิตยสารราหูอมจันทร์ ฉบับที่ 5 เดือนตุลาคม 2551 มีผลงานหนังสือรวมเล่มมาแล้ว 4 เล่ม ได้แก่
1. นางฟ้าจากไปแล้ว รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2549 สนพ.สยามอินเตอร์
2. คน(ไม่)เหมือนกัน รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2554 สนพ.บ้านวารสารฯ
3. สาวน้อยบนตึก นวนิยาย ปีพ.ศ.2558 สนพ.บ้านวารสารฯ
4. กลืนกินความมืด รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2560 สน.พ.บ้านวารสารฯ
ติดต่อผู้เขียน : โทรศัพท์ 094-9451451 / E-mail : jr.chatnarong@gmail.com