“หนึ่ง จักรวาล” พาลูก-เมียไปดูสลัมบ้านเกิด สอนชีวิตไม่แน่นอน หากวันหนึ่งต้องจากไป ขอให้ลูกรักษาไว้ให้ดีๆ พ่อเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ลั่นเข้าใจยุคสมัยเปลี่ยน แต่จับมือกันผ่านดรามาหนักๆ มาได้ ยันลูกไม่โดนเพื่อนล้อ ส่วนงานไม่กระทบ ไม่เคยโดนปลดจากรายการ
เป็นอีกคนที่เจอกระแสดรามาหนักมาก แต่ก็ผ่านมาได้ สำหรับกรณีถูกวิจารณ์ว่ามีพฤติกรรมที่ใกล้ชิดลูกสาวมากเกินไป สำหรับ “หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม” ล่าสุดเจ้าตัวพาลูกเมียไปดูสลัมบ้านเกิด เพื่อให้เห็นถึงความลำบากของพ่อที่กว่าจะมีวันนี้และเตรียมทุกอย่างเอาไว้เพื่อลูกในอนาคตจะได้สบาย ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจระหว่างมาร่วมงานแถลงข่าว KRU GONG and FRIENDS Charity Concert (ครูก๊อง แอนด์ เฟรนด์ แชริตี้ คอนเสิร์ต) ณ EST.33 by Singha (CDC) เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
“ก็ภูมิใจมาก ไม่เคยลืม ที่จะพาลูกและภรรยาไปสลัม คืออยากจะให้เขาเห็นว่าลูกเกิดมาทุกวันนี้ ลูกมีครบทุกอย่างแล้ว แต่ตรงนี้เป็นที่ป๊าเกิดนะ ลูกเขาก็งงว่าตรงนี้มันมีแต่คลองนะป๊า เราก็บอกว่าใช่ แต่ตรงนี้มันเป็นบ้านป๊า เราอยู่ตรงนี้กันมาแล้วเราก็ย้ายมาอยู่แฟลตใกล้ๆ กัน เราต้องหาเงินเรียนเองนะลูก ตอนนี้ลูกเกิดมาได้เรียนโรงเรียนดีๆ พูดภาษาอังกฤษได้ แค่นี้ป๊าก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ป๊าไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษลูกกลับมาก็ไม่สามารถคุยกับลูกได้ ก็เหมือนสอนเขาไปในตัวด้วยว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนนะลูก ถ้าเราทำอะไรให้มันสุดจริงๆ มันจะมีวันนี้ขึ้นมาได้”
เข้าใจยุคสมัยเปลี่ยน ผ่านดรามาหนักๆ มาได้ ลูกไม่โดนเพื่อนล้อ
"คือเราเข้าใจคน เราเข้าใจยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไป ด้วยความเป็นพ่อแม่ลูกเนาะเราก็อยู่บ้านกัน เขารู้แหละว่าเรารัก ก็ถามว่าลูกถ้าไปโรงเรียนแล้วโดนล้อจะเป็นยังไง เขาก็บอกว่า อ๋อ หนูรู้ว่าป๊ากับแม่จ๋ารักหนู เขาก็ไม่มีโดนล้อนะ คือเราก็จะพยายามเข้าใจว่าโลกมีการเปลี่ยนไป เรารู้ว่าตัวเราทำอะไร ทุกคนมีสิทธิ์คิด เราห้ามความคิดใครไม่ได้ เขาจะคิดดีก็ได้คิดไม่ดีก็ได้ เพราะว่าต่อให้เราทำดีแค่ไหน คนที่ไม่ชอบเราเขาก็ไม่ชอบเราอยู่ดีครับ
กับครอบครัวก็คุยกัน อันไหนคอมเมนต์ไม่ดีเราก็เลือกที่จะไม่เห็นจะดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวสถาบันครอบครัวเรามันจะไม่แข็งแรง คือครอบครัวเราอยู่กันจนวันตาย เราจับมือกันนะลูกนะ มีการตั้งแผนกันนะ ป๊าจะไปก่อนหรือแม่จ๋าจะไปก่อนก็จะบอกลูกนะ ลูกต้องรักษาตัวดีๆ นะ ป๊าเตรียมทุกอย่างไว้ให้หนูแล้วนะ”
เชื่อลูกเข้าใจชีวิต เพราะเกิดมามีทุกอย่างครบแล้ว
“คือเขาเข้าใจชีวิต เขาเกิดมาเขามีทุกอย่างแล้ว แต่เราเกิดมาของเล่นก็ไม่มี ที่เราพาเขาไปสลัม แล้วก็บอกเขาว่าของเล่นของป๊ามันลอยมาจากคลองนะลูก แล้วเวลาที่เราจะเก็บต้องเอาตะกร้าช้อนขึ้นมา แล้วก็เอามาล้างแล้วค่อยเล่น ก็พยายามสอน ว่าเราไม่มี อะไรเลย เรียนดนตรี ก็ไม่ได้เรียน แม้กระทั่งเปียโนที่จะเล่น ยังใช้วิธีคิดแล้วก็ซ้อมกับหมอนเอา คิดว่ามันคือเปียโน แม้ว่าเขาโตมาในอีกแบบนึง เราก็คิดว่าเขาน่าจะปรับได้เพราะว่าเขาเกิดมาเขาก็เจอแต่ผู้ใหญ่หมดเลย แล้วอยู่ในสตูดิโอ เวลาไปทำงานก็พาลูกไปด้วย สอนเขาว่ากว่าจะได้เงินป๊าก็ต้องออกมาทำงาน”
ไม่คิดว่าเป็นลางบอกลูกว่าสักวันจะจากไป
“เขาก็อินโนเซ้นต์ พอเขาได้ยินเขาก็บอกว่าถ้าป๊าไม่อยู่เขาจะเป็นคนดูแลแม่จ๋า คือเขาจะเป็นคนที่เซนซิทีฟในเรื่องแบบนี้ คือเขาเนี่ยจะเป็นคนที่สนิทกับคุณย่าคือแม่ของเรามาก แม่เราเสียไปแล้ว เราบ่นว่าคิดถึงย่าจังเลย เขาก็บอกไม่เอาไม่พูดแบบนี้ แล้วเขาก็ร้องไห้ (ไม่ได้คิดว่าการพูดแบบนี้มันจะเป็นลาง?) ไม่ ไม่ ก็คือสอนให้เขารู้ว่าทุกคนเกิดมามันจะต้องเป็นแบบนี้นะ”
พาครอบครัวเข้าหาทางธรรม
“เราเป็นคนที่ว่างไม่ได้ ว่างเป็นต้องเข้าวัดเลย เพราะว่าชอบทำบุญ ตอนนี้ตั้งเป้าหมายแล้ว เป้าหมายล่าสุด ถ้าว่างวันเดียวแล้วอยากจะไปที่ไหนต่อให้บินเช้าเย็นกลับก็เอา ถ้าถามว่าไม่เหนื่อยเหรอ แต่จะบอกว่าวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่งของเราก็คือไปทำบุญ ส่วนเรื่องดรามา เขาจะรู้หรือเปล่าไม่รู้ เขาก็ไม่ได้ค่อยเล่าอะไรให้เราฟัง แต่ก็ไม่มี เพราะว่ากลับมาทุกวัน ก็ไม่มีอะไร ก็สนุกหรรษาเฮฮาทุกวัน”
โต้โดนปลดจากรายการ ข่าวไม่ได้กระทบ ยังทำงานปกติ
"คือไม่หาย ไม่หาย เอาจริงๆ นะเป็นคนที่เล่นโซเชียลบ้างไม่เล่นบ้าง คือบางวันทำงานไม่มีเวลาลง อย่างวันนี้ทำบุญมาเยอะแยะ วันนึงทำที 5 วัด 6 วัด เราก็ทยอยๆ ลง หรือบางที บางรูปก็ไม่ได้ลง เราใช้ชีวิตปกติครับ ถ้าเป็นเรื่องของรายการต่างๆ น่าจะเป็นการโดนตัดลง เพราะว่ารายการมันหยุดไง แล้วก็บางรายการก็ยุบแล้วไปเพิ่มรายการใหม่ อาจจะอยู่ในช่วงของขั้นตอน แต่บางรายการไม่มีหน้าเราออก แต่ว่าเราทำเพลงอยู่ แต่เราก็ไม่ได้เอามาลง ข่าวไม่มีผลต่องาน เพราะยังทำงานปกติ”