“อิงฟ้า” รู้สึกแย่ ที่คนเข้าใกล้ตัวต้องถูกแฟนคลับบางส่วนด่าแรง รับอึดอัด จนโพสต์ปรามครั้งที่ 1 ไม่เตือนจะยิ่งบานปลาย ลั่นบางรายทำเหมือนเป็นเจ้าของชีวิต แต่ถึงเตือนก็ไม่ได้แปลว่าไม่รัก แค่ไม่อยากให้ลุกลาม ส่วนใครไม่พอใจจะเดินออกไปก็ขอบคุณที่เคยรักกัน ยันตัดสัมพันธ์ “ติ๊นา” เพราะไม่อยากให้เดือดร้อน พ้อไม่อยากมีเพื่อนแล้ว เซ็งคนไทยด้วยกันทั้งนั้นบูลลี่เรื่องพูดภาษาอังกฤษ ทั้งที่ต่างชาติชื่นชม
เรียกว่าแลนดิ้งปุ๊บก็เคลียร์ดรามาทันที สำหรับ “อิงฟ้า วราหะ” รองอันดับ 1 Miss Grand International ที่เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ (1 พ.ย.) ท่ามกลางแฟนคลับและสื่อมวลชนที่รอรับเนืองแน่น โดยสาวอิงฟ้ามาพร้อมกับ MISS GRAND INTERNATIONAL 2022 และรองอีก 8 คน อย่าง อิซเบลล่า เมนิน, แอนดิน่า จูลี่, ลุยเซท แมเทอเรน, มาเรียน่า เบคโคว่า, พิช วัตเตย ซาราโวดี, พริสซิลลา ลอนโดโญ่, ออคซาน่า ริเวียร่า, ฮีริสเล่ ฆิเมเนซ และ โรเบอตา ทามอนดอง ก่อนเผยความรู้สึกหลังคว้ารองอันดับ 1 พร้อมเคลียร์ทุกดรามาที่เกิดขึ้น
“ความรู้สึกหลังประกวดก็สบายใจค่ะ ถือว่าเราก็ทำหน้าที่ของเราแบบสุดความสามารถเต็มที่ แล้วก็เชื่อว่าคนไทยหลายๆ คน ก็ภูมิใจกับผลงานของเรา ตอนจับมือลุ้นมงฯ หนูมีความรู้สึก เหมือนตอนที่หนูจับมือกับไฮดี้ (อมันดา อแมนด้า เจนเซ่น) เลย เพราะว่าใครได้ก็ไม่เป็นไร เพราะตัว อิซาเบลลา เมนิน (มิสแกรนด์บราซิล) เขาก็สมมงมากๆ แต่จริงๆ เป้าที่หนูตั้งไว้ คือหนูอยากได้มงฯ ด้วยซ้ำ เพราะเราประกวด เราก็อยากจะเอามงฯ แรกกลับไทยให้ได้ แต่ในเมื่อเราทำเต็มที่แล้ว การประกวดแน่นอนว่ามันก็ต้องมีคนเก่งกว่าเรา เราก็ต้องยอมรับการตัดสิน
กำลังใจจากแฟนๆ เยอะมาก เยอะมากๆ จริงๆ ทำให้เราทำผลงานได้ดีมากๆ ในทุกรอบ รอบที่กดดันไม่มีเลย หนูไม่มีร้องไห้เลย หนูรู้สึกว่าการประกวดอันนี้หนูสบายใจ ไม่มีกดดัน ไม่มีเครียดเหมือนตอนประกวดในบ้านเรา ในบ้านเรารู้สึกจะเครียดกว่า”
ทิ้งปัญหาทุกอย่างก่อนประกวดไว้ข้างหลัง ทำหน้าที่ให้เต็มที่ที่สุด ประสบการณ์ที่เงินก็ซื้อไม่ได้
“เราก็ทิ้งปัญหาทุกอย่างเลยค่ะ เรามีโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ก็คิดว่าเราทำให้เต็มที่ที่สุด สิ่งที่ได้มาจากเวทีนี้ นอกจากตำแหน่งรองฯ แล้ว หนูว่าเราได้สังคมใหม่ๆ ได้ภาษา ได้เพื่อน ได้หลายอย่างมากๆ เป็นประสบการณ์ที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ถึงแม้ไม่ได้มงฯ แต่ก็ต้องขอบคุณกำลังใจมากๆ หนูรู้สึกว่าชนะอะไรไม่เท่าชนะใจคน ซึ่งเราสามารถทำได้ หนูรู้สึกว่าภูมิใจยิ่งกว่าได้มงฯ ด้วยซ้ำ”
เป้าหมายเข้าวงการบันเทิงเต็มรูปแบบ
“เราก็ลุยยาวเลย เข้าวงการบันเทิงเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซีรีส์ การทำงานต่างๆ ค่ะ”
คิดถึงส้มตำปลาร้า อาหารมื้อแรกในเมืองไทย
“ส้มตำปลาร้า ต้องเป็นปลาร้าอิงฟ้าด้วย พริกไม่อั้น หนูจองคิวร้านไว้แล้วด้วย คิดถึงแฟนๆ มากนะคะ เพราะว่าทุกรอบที่หนูทำได้ดีมากๆ เพราะว่าเราได้กำลังใจจากแฟนคลับ”
กิจกรรมแน่น อยากมีมีตติ้งสักรอบ
“กิจกรรมแรกตอนนี้ต้องดูตารางงานก่อนค่ะ จริงๆ อยากจะมีมีตติ้งอีกสักรอบหนึ่ง แต่เท่าที่ทราบคือตอนนี้แน่นมากๆ แฟนๆ ก็ยังสามารถไปเจอ ไปให้กำลังใจเราได้ งานแน่นแต่เราก็มีการจัดสรรแล้ว ว่าวันไหนวันหยุด วันไหนทำงาน งานพรีเซ็นเตอร์ตอนนี้ก็น่าจะ 18-19 ตัวค่ะ เดี๋ยวปีหน้าก็จะมีเพิ่มเข้ามาอีกค่ะ”
สุขภาพดีใจเพราะสบายใจ แต่ยังต้องพบหมอและกินยาอยู่
“ก็ดีขึ้นนะ หนูว่าพอมันสบายใจ มันก็เลยโล่งไปหมด ทุกอย่างก็โอเคค่ะ แต่ก็ยังต้องกินยาอยู่ ต้องไปพบคุณหมออีกรอบ ในการปรับรูปแบบยา”
โพสต์สตอรี่เพราะน้อยใจ แฟนคลับรักมากเกินไป เตือนต้องให้พื้นที่ตน
“ที่เป็นสตอรี่ดำใช่ไหมคะ ก็คือมันเกิดจากความน้อยใจของเรา เพราะปัญหามันเกิดหลายครั้งมากๆ จนหลายๆ คนเขาก็เริ่มพูดกันแล้ว ว่าเหมือนเราแตะต้องไม่ได้เลย มันก็จะมีแฟนคลับที่เข้าใจเรา แล้วก็จะมีแฟนคลับที่อาจจะรักเรามากเกินไป มันก็เกิดการหึงหวง พอหึงหวงปั๊บ มันก็ไม่มีขอบเขตที่จะให้เกียรติคนอื่นด้วย มันก็กลายเป็นว่าคนอื่นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ฟ้า ไม่กล้าที่จะคุย เพราะกลัวโดนด่าโดนว่า ซึ่งหลายๆ คนได้รับผลกระทบตรงนี้เยอะมากๆ เราก็รู้สึกแย่มากๆ ก็เลยน้อยใจ แล้วก็โพสต์เพื่อเป็นการเตือนครั้งที่ 1 ว่าให้พื้นที่เรานิดหนึ่ง ไม่ว่าเราจะอยู่ใกล้ใคร เราจะมีเพื่อน เราจะมีสังคม ก็อยากให้รักที่เราเป็นเรา ไม่ใช่ให้เราเป็นในสิ่งที่เขาต้องการอย่างเดียว
จริงๆ เหตุการณ์นี้มันก็มีมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เราไม่เคยออกมาพูดเลย แล้วเราก็ไม่เคยออกมาเตือนเลย ก็รู้สึกว่าครั้งนี้มันก็ถึงเวลาแล้ว มันก็เป็นความอึดอัดนิดหนึ่ง เพราะหลายๆ คนต้องมาโดนแฟนคลับเราด่าว่าแบบแรงมาก ทุกครั้งที่เราเห็น เราไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย เรารู้สึกแย่มากๆ”
ไม่เตือนจะยิ่งบานปลาย
“มันเหมือนเราตัดสินใจแล้ว ว่าโอเค เราต้องคัดคนแล้ว ถ้าเราไม่เตือนเลยเนี่ย มันก็จะบานปลาย แล้วเขาก็จะรู้สึกว่าเขาทำได้ เพราะบางคนเขาเหมือนแทบจะเป็นเจ้าของชีวิตเราเลย ต้องอย่างนี้ๆ นะ อย่างนี้ไม่ได้นะ ซึ่งบางทีเราก็รู้สึกว่ามันเกินไป ห้ามคุยกับคนนี้ ห้ามติดต่อกับคนนี้ ห้ามมีสังคมแบบนี้ ห้ามยุ่งกับคนนี้ บางทีเราไม่ได้รู้จักคนอื่นดีพอ ไม่อยากให้แฟนคลับเราไปตัดสินคนอื่น ว่าคนนี้ดีหรือไม่ดี มันทำให้เราอึดอัด เพราะบางทีหนูเห็นดรามา ที่คนที่เป็นประเด็นกับเราโดนด่า เราไม่เคยสบายใจเลย”
ถึงเป็นคนสาธารณะ แต่ก็มีสิทธิ์พูด หากไม่ออกมาพูด ก็จะมีเหตุการณ์แบบนี้ออกไปเรื่อยๆ
“หนูว่าถ้ามันไม่มีคนออกมาพูด มันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเราก็ขอพูดในสิทธิ์ของเรา เรายอมรับว่าเป็นคนสาธารณะ แต่ว่าเราก็มีสิทธิ์ของเรา ที่เราจะพูดเช่นเดียวกัน”
หากแฟนคลับลด เท่ากับคัดคนที่รักตนจริง
“ก็อย่างที่บอก ว่าเราอยากจะคัดคนจริงๆ อยากคัดคนที่รักที่เราเป็นเราดีกว่า อย่างดาราศิลปินเกาหลีที่เขาฆ่าตัวตายกันเยอะมาก เพราะปัญหานี้ มันจะเกิดขึ้นกับเราได้ เพราะจิตใจเราก็ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น เราก็ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คนที่ออกไปนั่นแปลว่าเขาไม่ได้รักเรา เพราะอยากให้เราเป็นในแบบที่เขาอยากให้เป็น”
เคลียร์ดรามา “ติ๊นา ศุภนาฎ จิตตลีลา” ทวีตฯ เพราะโมโห แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว รับไม่สบายใจที่แฟนคลับไปล่วงเกินยันพ่อแม่
“คือจริงๆ เรื่องตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว ที่โพสต์ไปในทวิตเตอร์ มันเกิดจากความโมโหของเราด้วยแหละ เพราะว่ามันเหมือนอยู่ในช่วงที่เรากำลังประกวดแล้ว แต่ก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ว่าเข้าใจผิดกัน จริงๆ ก็ไม่มีอะไร ถามว่าจุดประสงค์ในการโทร.ของเขา คืออะไร เราเป็นเพื่อนกัน จริงๆ มันไม่มีอะไรเลย บางคนก็คือไปตัดสินโน่นนี่นั่นแล้ว ซึ่งประเด็นตรงนี้เราเองก็ไม่สบายใจ ที่เห็นเขาโดนว่า บางทีก็ว่าล่วงเกินไปถึงพ่อแม่ บางทีเราไม่ได้รู้จักคนคนหนึ่งมากพอ แล้วเราไปตัดสินเขา ไปว่าเขา โดยไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง เวลาที่เราเห็นคอมเมนต์แฟนคลับเราไปว่าเขา เราก็ไม่สบายใจ”
ติดต่อไม่ได้บ่อย
“จริงๆ มันก็ไม่ได้บ่อย อย่างที่บอกว่าเราก็เป็นเพื่อน มันก็มีเพื่อนหลากหลายคน แค่ทุกคนไปจับประเด็นที่เขาเอง”
ตัดสัมพันธ์ ไม่อยากให้เดือดร้อน พ้อไม่อยากมีเพื่อนแล้ว
“เราไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เอาจริงๆ (หัวเราะ) เพราะรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ตัวติ๊นาอย่างเดียว หลายๆ คน เรารู้สึกว่าจิตใจเราเริ่มห่อเหี่ยว เราไม่อยากจะมีเพื่อนแล้วตอนนี้ ถามว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ มันก็ไม่เชิงว่าเป็นเพื่อนไม่ได้ แต่เราแก้ปัญหาเพราะเราไม่อยากให้เขาเดือดร้อน ไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้ว รู้สึกว่าโอเค ถ้าเราทำสิ่งนี้แล้วแฟนคลับเราสบายใจ เราทำก็ได้ ก็เลยเป็นที่มาสตอรี่สีดำด้วย”
ขอโทษอีกฝ่ายและทุกคน ควบคุมแฟนคลับไม่ได้
“จริงๆ หนูก็ต้องขอโทษเขาด้วย แล้วก็ขอโทษทุกๆ คน ที่บางทีเราไม่สามารถควบคุมแฟนคลับเราได้ อันนี้ต้องยอมรับผิดตรงนี้ด้วย ตอนนี้ก็โฟกัสงาน แพลนมันเยอะมาก ไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นเลย ต้องกลับมาโฟกัสเรื่องงาน เพราะว่างานตอนนี้มีหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ รวมถึงงานมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลด้วย สภาพจิตใจตอนนี้ก็นิดนึง”
โสด สวย พร้อมทำงาน
“สถานะก็โสด โสดไปเรื่อยๆ อยู่แบบนี้แหละ”
เตรียมหาหมออีกครั้ง พร้อมรักษาจริงจัง
“อาจจะพรุ่งนี้ค่ะ (เครียดจากการประกวดหรือจากข่าว?) มันหลายๆ อย่าง อย่างที่หนูเคยบอกว่าเราเมเนทไม่ทัน เรื่องนี้ยังไม่ทันจบเลย เรื่องนี้มาอีกแล้ว บางทีมันเป็นปัญหามาจากคนที่เรารัก แฟนคลับหรืออะไรก็ตาม ในส่วนแฟนคลับที่ดี ที่น่ารัก ก็คือดีมากๆ แต่มันก็จะมีแค่กลุ่มเล็กๆ เท่านั้นเอง ที่มันทำให้เป็นปัญหาเรื้อรัง
ถามว่าดีขึ้นหรือแย่ลง จริงๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ เหมือนแค่เราต้องไปเปลี่ยนยาใหม่แค่นั้นเอง (ตอนอยู่อินโดฯ มีอารมณ์สวิงไหม?) ไม่เลย เหมือนเรามีจุดโฟกัส ว่าเราอยู่ในกองประกวด เพื่อนเราก็จอย ไม่ได้มีจุดโฟกัสอะไรที่ไม่ดี แต่วันนี้เรากลับมา เราก็ต้องเมเนทใหม่ เพราะเราไม่ได้ประกวดแล้ว เรากลับมาทำงานที่ไทย ที่บ้านเรา กลับมาคราวนี้ก็จะเป็นการรักษาโดยตรง อันนั้นเราแค่เยียวยาเฉยๆ”
เชิดใส่คนบูลลี่ ชนะใจตัวเองแล้ว รับนอยด์คนไทยด้วยกันเองที่บูลลี่ ทั้งที่ต่างชาติมีแต่ชื่นชม ลั่นไม่ให้ค่า
“หนูว่าหนูชนะใจตัวเองแล้ว ที่เรากล้าที่จะพูด ยังไม่มีต่างชาติคนไหนมาว่าเรา มีแต่คนชื่นชม อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษก็ทักมาให้กำลังใจเยอะมาก ว่าเราเป็นตัวอย่าง เป็นโรลโมเดลของเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่เรามั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ นอยด์ก็มีนิดเดียว เราแค่รู้สึกว่า พอมันเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมต้องเป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าเป็นต่างชาติเราจะไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่พอเป็นคนไทยด้วยกัน เรารู้สึกว่านี่มันจะเป็นปัญหา ต่อไปคนที่มาดูข่าวนี้ เด็กมันก็จะไม่กล้าพูด เยาวชนต่อไปก็จะรู้สึกว่างั้นไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโดนบูลลี่ เราก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาที่แก้ยาก
ถามว่าเราฝึกขนาดไหน จริงๆ เราก็มีพูดคุย เรียนเป็นออนไลน์ค่ะ แต่ก็ใช้ในชีวิตจริง คุยกับเพื่อนเลย ขอให้ได้ทักได้คุย ให้เขารู้ว่าเฟรนด์ลี่นะ แล้วเราก็บอกเขาก่อนเลย ว่าภาษาอังกฤษเราไม่ได้ดีนะ แต่คุณสอนเราได้ เราสอนภาษาไทย คุณสอนภาษาอังกฤษเรา พอเราได้ใช้ทุกวันตลอด 1 เดือน มันก็ทำให้เราพัฒนาเหมือนกันการบูลลี่ไม่ได้ทำให้เราอยากพูดน้อยลงค่ะ เพราะเรารู้สึกว่า บางครั้งคนที่บูลลี่เรา เขายังพูดไม่ได้เท่าเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องให้ค่าเขาก็ได้
หนูว่าจริงๆ มันแค่เป็นการเรียงประโยคผิดนิดหน่อย ซึ่งคนที่เป็นต่างชาติจริงๆ เขาก็จะเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อ เข้าใจความหมาย แต่ถ้าคนที่อคติ คนที่จับผิด เขาก็จะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องนะ มันต้องเป๊ะนะ ซึ่งเราก็สามารถจัดการความคิดเราได้ ว่าเราเลือกที่จะให้ความสำคัญกับความคิดของคนแบบไหน”
ฝากบอกเอฟซี ถึงออกมาเตือน ไม่ได้แปลว่าไม่รัก แต่ไม่อยากให้ปัญหาลุกลามไปกว่านี้ ใครไม่พอใจจะเดินออกไปก็ขอบคุณที่เคยรักกัน
“ก็อยากขอบคุณทุกคน ที่รักและชื่นชอบกัน จริงๆ จากหลายอย่าง ดรามาที่เกิดขึ้น ที่เราออกมามาเตือน มันไม่แปลว่าเราไม่รัก เรารักเราเลยต้องทำ ไม่งั้นปัญหามันก็จะลุกลาม จริงๆ อาจจะเลือกที่จะไม่พูดก็ได้ ถ้ากลัวเสียแฟนคลับ แต่เราเลือกที่จะพูดเพราะเรารักคุณ เราอยากให้คนมองแฟนคลับเราในทางที่ดี กลุ่มที่เข้าใจ กลุ่มที่น่ารัก เราก็ขอบคุณมากๆ ที่รักที่เราเป็นเรา ชอบผลงานเรา ให้พื้นที่ส่วนตัวเรา แต่ในส่วนใครที่รู้สึกว่าไม่พอใจจะเดินออกไป เราก็ขอบคุณที่เคยรักกัน ฝากทุกคนติดตามผลงานนะคะ กับ Top 10 มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล และน้องๆ Top 10 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ด้วย แล้วเดี๋ยวจะมีคอนเสิร์ตหมอลำ ส่วนต้นปีหน้าจะมีคอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน 2 แล้วก็มีซีรีส์ด้วย”
