xs
xsm
sm
md
lg

Pierre Cardin ปรับลุคครั้งใหญ่ในรอบ 34 ปี เล็งเปิดแฟล็กชิพสโตร์เพิ่มปีหน้าทั่วประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถือเป็นแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังที่มีมาอย่างยาวนานจากประเทศฝรั่งเศส สำหรับแบรนด์ Pierre Cardin ซึ่งถูกซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาจำหน่ายที่ประเทศไทยร่วม 34 ปีแล้ว โดยปัจจุบันเข้าสู่เจนที่ 3 ซึ่งบริหารโดยทายาทคนรุ่นใหม่อย่าง “คุณป๊อปปี้ ณัฐวิภา ลีสวัสดิ์ตระกูล” ในฐานะ EXECUTIVE DIRECTOR ที่รับช่วงส่งไม้ต่อจากคุณแม่ “คุณพัชรวรรณ บุญนำทรัพย์” นั่นเอง

ซึ่งทาง คุณป๊อปปี้ ก็ได้เปิดเผยว่า พอได้เข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัว ก็ได้มีการรีแบรนด์ดิ้งใหม่ครั้งใหญ่ และเปิดแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกที่ Terminal 21 สาขาพระราม3 เน้นคอนเซ็ปท์ Less is More ที่สื่อถึงความเรียบง่ายของแบรนด์ แต่เป็นความเรียบแต่โก้ เสื้อผ้าสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ได้หลายลุค และคุณภาพของเนื้อผ้าที่มีการนำนวัตกรรมการช่วยยับยั้งไวรัสและแบคทีเรียเข้ามาให้เข้ายุคเข้าสมัยด้วย และมีการนำนักร้องหนุ่ม “นนท์ ธนนท์ จำเริญ” เข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย

“แบรนด์เข้ามาอยู่ในเมืองไทย 34 ปีแล้วค่ะ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยค่ะ พยายามเปลี่ยนให้มีความทันสมัยมากขึ้นด้วย ซึ่งฐานกลุ่มลูกค้าเดิมจะเป็นรุ่นใหญ่ แต่ตอนนี้เรามีการปรับ ก็อยากให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น และอย่างรุ่นใหญ่เองคนมีอายุเขาก็คงไม่อยากดูแก่ ไม่อยากดูมีอายุ เขาก็สามารถมาใส่เสื้อผ้าเรา ทำให้ดูเด็กลงได้ ก็คือมีการปรับเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าด้วย

การปรับเปลี่ยนครั้งนี้มันก็ยากนิดนึง คิดว่าต้องค่อยๆ ปรับ เพราะปรับเร็วไปก็อาจจะตกใจ และด้วยกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นเขาก็อาจจะยังไม่ได้รู้จักแบรนด์มาก เราก็เลยมีการปรับให้ภาพลักษณ์ดูเด็กลง และให้คุณนนท์เข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เขาก็จะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นได้มากขึ้น เพราะว่าเขาเองก็สามารถใส่เสื้อผ้า Pierre cardin แล้วไม่ได้รู้สึกว่าดูมีอายุ เหมือนเขาก็ยังเด็กอยู่ และคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็ทำให้รู้จักแบรนด์มากขึ้น และเห็นว่าสามารถใส่ได้เหมือนกัน คนจะได้รู้จักมากขึ้นค่ะ

ซึ่งที่มาลงตัวที่คุณนนท์ ธนนท์ เพราะด้วยเขามีหลายบทบาท เขาสามารถเป็นได้ทั้งนักร้อง พิธีกร เล่นตลกก็ได้ ซึ่งก็จะเข้ากับแบรนด์ของเราได้ตรงที่เสื้อผ้ามีหลากหลายคาแรคเตอร์ เดี่ยวนี้มันไม่ใช่แค่ว่าเป็นเสื้อผ้าใส่ทำงานอย่างเดียวแล้ว อาจจะใส่ไปข้างนอก ชิลๆ ได้ ก็เหมือนคุณนนท์ที่มีหลากหลายคาแรคเตอร์”

ทั้งนี้ คุณป๊อปปี้ ยังเผยอีกว่า เริ่มมีการเปิดรีแบรนด์ใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และการตอบรับค่อนข้างดีมาก เพราะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่หันมาสนใจในแบรนด์มากขึ้น

“ผลตอบรับก็ดีค่ะ ด้วยความที่ลูกค้าใหม่ๆ เริ่มเข้ามารู้จักมากขึ้น และลูกค้าเก่าเขาก็ได้เห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป จากลูกค้าเก่าบางคนที่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชินกับการใส่แบบนี้ ก็มีการเข้ามาลองดู พนักงานเราก็มีการแนะนำว่าใส่แบบนี้ๆ ดีไหม จะได้ปรับลุคให้ดูเด็กลง ก็ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดีค่ะ

การออกแบบก็มีการช่วยกันกับทีมค่ะ และด้วยความที่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนอาจจะไม่ได้แต่งตัวทางการตลอด เวลาทำงานบางทีก็อาจจะไม่ต้องใส่เสื้อเชิ้ต และด้วยความที่มีเวิร์คฟอร์มโฮมเข้ามาด้วย บางคนอาจจะอยากแค่ดูดีแต่ยังสบายๆ อยู่ ก็อาจจะเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นบ้าง แล้วก็มีพวกเสื้อฮาวาย ทำให้รู้สึกว่านอกจากชุดทำงานแล้วเราก็ยังสามารถใส่ไปข้างนอกได้ ไปเที่ยวได้ค่ะ

จริงๆ การโปรโมทของเราเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นการปรับเปลี่ยนมากขึ้น และต่อๆ ไปก็จะมีคอลเลคชั่นใหม่ๆ ออกมาด้วยค่ะ และมีการเอานวัตกรรมเข้ามา อย่างที่มีไปแล้วก็เช่นเนื้อผ้าที่จะช่วยยับยั้งไวรัสและแบคทีเรีย มันก็จะตอบโจทย์ว่าทุกวันนี้คนค่อนข้างระแวง ก็จะปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ก็เอาเทรนด์ตอนนั้นมาดูว่าเราควรโฟกัสตรงไหน”

เผยตอนนี้มี 63 สาขาทั่วประเทศ และแฟล็กชิพสโตร์ที่ Terminal 21 พระราม3 แห่งนี้ก็เป็นแห่งแรกที่ลูกค้าสามารถสั่งตัดเสื้อผ้าในรูปแบบที่ต้องการเองได้ ซึ่งจะมีเฉพาะที่แฟล็กชิพสโตร์เท่านั้น พร้อมตั้งเป้าว่าปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีกในทั่วประเทศ พร้อมลุยตลาดออนไลน์มากขึ้น

“กิมมิคของแฟล็กชิพสโตร์ที่จะแตกต่างจากสาขาอื่นที่ปกติจะอยู่ในส่วนของห้าง ก็คือนอกจากจะมีสินค้าสำเร็จรูปแล้ว ที่นี่สามารถสั่งตัดได้ ลูกค้าสามารถเลือกผ้าเองได้ ลูกค้าก็อาจจะได้สินค้าที่ถูกใจมากขึ้น สามารถเลือกปกเองได้ เลือกข้อมือเองได้ และจะได้พอดีตัวกับเขามากขึ้น อันนี้ก็จะเป็นกิมมิคพิเศษที่จะมีที่เฟร็กซ์ชิฟสโตร์เท่านั้นค่ะ และถ้าเกิดว่ามีเปิดสาขาอีกก็น่าจะเป็นในรูปแบบนี้เหมือนกัน

เป้าหมายต่อปี ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เหมือนช่วงก่อนโควิดค่ะ เพราะตอนก่อนโควิดมาตรฐานเราอยู่ที่ 30 ล้านต่อเดือน ก็อยากให้เป็นประมาณนั้นหรืออาจจะมากกว่านั้นก็ดีค่ะ (ยิ้ม) แต่ก็จะมีเรื่องของพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป เราอาจจะต้องไปออนไลน์มากขึ้น เราก็เริ่มมีการทำออนไลน์ด้วยค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่เขาซื้อของออนไลน์ คืออยู่บ้านโดยที่ไม่ต้องออกมาซื้อเอง ซึ่งเราก็สนใจตรงนั้นมาก เพราะตลาดตรงนั้นมันก็ดูโตเร็ว แต่ก็ยังจะเปิดสาขาต่อไป เพราะยังมีกลุ่มลูกค้าที่อยากมาลอง อยากมาจับเนื้อผ้า มาดูว่าเข้ากับเราไหม จะได้เห็นของจริงก่อนซื้อ กลุ่มลูกค้าตรงนั้นก็ยังมีค่ะ

ในส่วนของแบรนด์เราอาจจะได้เปรียบตรงที่เป็นแบรนด์เก่าแก่ แต่จะทำยังไงให้มันเข้ากับคนยุคสมัยใหม่ เราอาจจะต้องมองตามเทรนด์ด้วย แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง ทำให้คุณภาพของเราคงที่ เพราะเราเน้นขายที่คุณภาพ เนื้อผ้าของเราคุณภาพดี เราก็จะยังคงคุณภาพดีของผ้าเราต่อไปค่ะ เพราะมันก็เป็นจุดที่คิดว่าเราก็สู้กับคนอื่นได้ และการมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาก็จะทำให้คนรู้สึกว่านอกจากจะได้เสื้อธรรมดาแล้ว มันยังสามารถช่วยเรายับยั้งไวรัสแบคทีเรียได้ด้วย ลูกค้าก็จะรู้สึกว่าเขาได้ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้เขาสบายใจมากขึ้นในการออกไปใช้ชีวิตค่ะ”

สามารถเข้าเลือกชมสินค้าต่างๆ ที่ แฟล็กชิพสโตร์ Pierre Cardin ณ ชั้น G Terminal 21 สาขาพระราม3





















กำลังโหลดความคิดเห็น