“สมจิตร จงจอหอ” เผยมรสุมชีวิต ไม่มีงาน แถมภรรยาป่วยเป็นโรค SLE หนักถึงขั้นสั่งเสียกันแล้วที่รพ. แต่โชคดีที่ตอนนี้อาการดีขึ้น ลั่นป่วยนาน 8 เดือนแล้ว ต้องขับรถจากปากช่องส่งภรรยาที่รพ.จุฬาฯ ทุกเดือน กำลังใจให้กันสำคัญที่สุด
เจอวิกฤตโควิดหนักอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับอดีตยอดนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย “สมจิตร จงจอหอ” ที่ผันตัวมาเป็นนักแสดง เพราะนอกจากไม่มีงานเลย ยังเผชิญมรสุมภรรยาป่วยเป็นโรค SLE หนักถึงขั้นสั่งเสียกันแล้วที่รพ. โดยสมจิตรเปิดใจเล่าในงานบวงสรวงละครเรื่อง ข้าวเหนียวทองคำ ณ บ้านสวนพอดีคำ
“โควิดที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่างานทุกคนก็หายหมดเลย แล้วผมเองก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องภรรยาป่วยอีก เขาเป็น SLE (Systemic Lupus Erythematosus) โรคเดียวกับพุ่มพวง ดวงจันทร์ ทำให้ชีวิตเราลำบากมากขึ้น ต้องพาแฟนมาหาหมอ ใช้ค่ารักษาพยาบาลมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เราผ่านตรงจุดนั้นมาได้คือกำลังใจที่ดีครับ กำลังใจจากครอบครัว จากคนไทยที่เห็นแล้วก็ส่งกำลังใจให้เรา
ตอนนี้แฟนก็ดีขึ้นแล้ว แต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล ก็หนักจนรู้สึกเหมือนว่าจะต้องจากกันไป จะเสียชีวิต แต่สุดท้ายเราก็ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ตอนนี้ก็ดีขึ้นกลับมาอยู่ในสภาพที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ ส่วนงานก็คือไม่มีเลย สุดท้ายทุกคนก็ลำบากเหมือนกันหมด แต่ถ้าเรามีสติ คิดจะทำอะไรก็ขอให้มีความมั่นใจ แล้วลงมือทำ มีสติต่อสู้กับมัน อุปสรรคที่เจอก็จะผ่านไปได้ครับ”
เผยนาทีสั่งเสียที่รพ. แต่ตอนนี้รักษาจนอาการค่อยๆ ดีขึ้น
“ตอนนี้เข้าสู่เดือนที่ 8 แล้วครับ เมื่อตอนป่วยเนี่ยมันหนักตรงที่ว่าเดินไม่ได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วผิวหนังเขาก็จะคันทั้งตัว ไปอยู่โรงพยาบาล 10 กว่าวัน ก็ถึงขั้นสั่งเสียกันที่โรงพยาบาลแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ให้กำลังใจกัน ตอนนี้คุณหมอก็รักษาจนค่อยๆ ดีขึ้นๆ พยายามให้เจอคนน้อยลง แต่ยังฉีดวัคซีนไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะมีเอฟเฟกต์ ก็ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดครับ
พอหลังจากที่อยู่ใกล้ชิดหมอ หมอให้คำแนะนำ ว่าต้องกินแบบนี้ พักผ่อนแบบนี้ ต้องดูแลตัวเองแบบนี้ ก็ทำตามตารางที่หมอให้ พอฟอลโลว์อัป 1 เดือนไปเจอหมอ หมอก็เตือนอีกว่าห้ามกินนะ กินอันนี้เกินใช่ไหม ก็ต้องกลับมาลด กลับมาดูแลตัวเองใหม่ ตอนนี้ก็ฟิกซ์เรื่องอาหาร เรื่องการพักผ่อน หลีกเลี่ยงการเจอคนเยอะๆ เพื่อไม่ให้เจอเชื้อโรค แต่เรื่องจิตใจสำคัญมาก บางอย่างกำลังใจของคนนี่สำคัญ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่มันท้อแท้กับชีวิต ถ้ากำลังใจดร็อป มันก็จะร่วงลงไปเลย แต่ถ้ากำลังใจดี จิตใจก็จะสดชื่น จะเข้มแข็งกลับมาได้เหมือนครับ ซึ่งตอนนี้กำลังใจเราก็ดีมาก แล้วผมก็ให้กำลังใจแฟนเยอะ ดูแลใกล้ชิดมากขึ้น ทำให้ความสุขมันเริ่มต้นจากครอบครัวก่อน พอความสุขมันมี ทุกอย่างมันก็ดีขึ้นๆ สถาบันครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ
ถามว่าเวลาเราออกมาทำงาน ใครเป็นคนดูแลภรรยาให้ ช่วงนี้เขาจะอยู่บ้านตลอดครับ ไม่ได้ให้ออกไปดูแลร้านสักเท่าไหร่ ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่และโรตีชาชักของผม ตอนนี้ก็ให้พนักงานทำ เพราะถ้าเราหยุดไป พนักงานหลายคนก็ต้องตกงาน ไม่มีรายได้ เรายอมว่าขาดทุนไม่เป็นไร แต่ให้สุขภาพแฟนดีขึ้น โดยที่แฟนไม่ต้องมาอยู่ร้าน คอยโทร.เช็กเอา ดีกว่าร้านหยุด ถ้าร้านหยุดเราก็รักษาชีวิตคนอีกหลายคนไม่ได้ ก็ต้องสู้กันไปแหละ แต่แฟนเราเขาก็ช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่งแล้ว ขับรถได้ ไปไหนมาได้ ทำงานบ้านได้ มันอยู่ที่เรื่องการกิน การพักผ่อน การไม่เจอเชื้อโรค แค่นี้เองหลักๆ”
ขับรถส่งภรรยาจากปากช่องหาหมอที่รพ.จุฬาฯ ทุกเดือน
“ไปเจอทุกเดือนครับ ทุกเดือนผมต้องลากองละคร เพื่อที่จะขับรถรับส่งเขาที่ปากช่องมาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ออกจากบ้าน 6 โมงเช้า ถึงโรงพยาบาล 9 โมง ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดเสร็จ 5 โมงเย็นก็รอเจอหมออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้หมอเช็กทุกอย่าง คือปากผมอยู่ปากช่องครับ ผมเองก็ขึ้นลงๆ ปากช่อง-กรุงเทพฯ ครับ”
ภูมิใจลูกๆ ไม่เกเร เป็นคนดี ช่วยดูแลคุณแม่
“ลูกชายคนโตน้องกำปั้น ตอนนี้ขึ้นปี 2 แล้วครับ เรียนอยู่ที่มวกเหล็ก ลูกสาวอยู่ป.6 ก็เป็นเด็กที่น่ารักครับ คอยดูแลแม่ เชื่อฟังไม่เกเร ไม่เที่ยว ไม่กิน ไม่ดื่ม เป็นความภูมิใจของครอบครัวนะ ถ้าลูกไม่เกเร ลูกไม่ดื้อ บอกอะไรก็เชื่อฟัง ทำตาม เราก็มีความสุขแล้ว ส่วนอนาคตเขาจะเป็นยังไง ผมว่าไม่สำคัญเท่ากับการเป็นคนดี”
ลูกชายไม่เอาต่อยมวย ชอบร้องเพลง
“กำปั้นเนี่ย สูง 190 ตัวใหญ่มาก แต่ไม่เอาเลย ชอบร้องเพลง ร้องลงยูทิวบ์ แต่ลูกสาวนี่มีแวว น้องจันทร์เจ้าสวยคมเหมือนผม ก็ชอบวงการบันเทิง แต่ขี้อายอยู่ มีพามาออกรายการบ้าง แต่พามาต้องมีข้อแม้ว่ามีค่าตัวถึงมา ถ้ามาฟรีไม่มา เดี๋ยวก็เริ่มรู้แล้ว ถ้ามากับพ่อได้ตังค์ (หัวเราะ)”