กลายเป็นดรามาอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ “พิมรี่พาย” พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ แม่ค้าออนไลน์คนดัง ได้เข้าช่วยเหลือ “คุณส้ม” สาวป่วยติดเตียง โดยควักเงินส่วนตัวช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการทำกายภาพบำบัด หวังให้กลับมาเดินได้ ช่วยจัดบ้านให้จนสะอาด แต่กลับถูกคุณส้มแฉว่าทีมงานพิมรี่พาย ขนของของตนออกไป และตนต้องการได้คืน ติดต่อไปที่พิมรี่พายแต่เงียบ จนต้องร้องสื่อ ต่อมาพิมรี่พายออกมาชี้แจงเปิดหลักฐานให้ดูกันจะจะ ว่าคุณส้มปฏิเสธการรักษา อีกทั้งตอนที่ขนของออกจากห้องนั้นก็นำไปเก็บไว้อีกห้อง ที่พิมรี่พายเช่าเอาไว้เพื่อเก็บของให้โดยเฉพาะ ส่วนตอนขนของ พิมรี่พายได้จ้างบริษัททำความสะอาดมาดำเนินการ โดยมีคุณแม่ของคุณส้ม คอยกำชับว่าอะไรใช้ อะไรไม่ใช้ รวมทั้งคุณส้มขอเงินกว่า 3 หมื่นเป็นค่าของทั้งหมด เจ้าตัวก็ยินดีโอนให้ ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเปิดบัญชีรับบริจาค ตนก็ไม่ได้ทำ เพราะเงินที่ได้มาทั้งหมดเป็นเงินจากการขายของและไม่เคยอมเงินใคร
ล่าสุด เฟซบุ๊ก ขนส่งสินค้า ขนของ ย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน ทำความสะอาด by กล้ากิจจ์ กรุ๊ป บริษัททำความสะอาดที่พิมรี่พายว่าจ้าง ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า ทางทีมงานได้รับมอบหมายให้คัดแยกของใช้ที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ และให้เคลียร์ซากอาหารเน่าเสียไปทิ้ง พร้อมลั่นถึงเอาไปก็ใช้อะไรไม่ได้
“#พิมรี่พาย #คุณส้ม
ในเคสนี้ของคุณส้ม.... มีการกล่าวพาดพิง ถึงบริษัทและทีมงานที่รับทำความสะอาด ซึ่งเคสนี้ทาง บริษัท กล้ากิจจ์เอ็กซ์พลัสทรานสปอร์ต จำกัด ในเครือ กล้ากิจจ์ กรุ๊ป #KEPT ว่าเป็นผู้ทำให้เกิดความเสียหาย และ มีการนำของไปจะด้วยหมายความถึงการเอาไปทิ้งหรือจะเป็นการนำกลับมาใช้เองก็ดี จึงขออนุญาตชี้แจงผ่านช่องทางนี้ ถึงกรณีปัญหาเคสการทำงานดังกล่าวที่เกิดขึ้น
ในนามผู้บริหารบริษัทและทีมงาน ปกติไม่เคยคิดบูลลี่ ลูกค้า คนป่วย คนพิการ แต่เคสนี้ขอยืมคำพูดพิมรี่มาหน่อยว่า "ของคุณส้มถึงเอาไปก็ใช้อะไรไม่ได้ครับ" 😅
ซึ่งในการทำงานวันนั้นทีมงานเราได้รับมอบหมายให้คัดสรรแยกของใช้ที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้กับพวกซากของใช้ซากอาหารที่เน่าเสียให้แยกเคลียร์นำไปทิ้ง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นเสื้อผ้าของใช้ที่อยู่ในสภาพพอใช้งานได้ทางทีมงานเราไม่มีความจำเป็นต้องนำออกไปทิ้งแต่อย่างใด จะทำการเก็บส่วนหนึ่งเข้าตู้และส่วนหนึ่งเก็บพับใส่ถุงไว้ให้
ซึ่งสิ่งที่ทีมงานทำการคัดแยก และ จะนำออกไปทิ้งส่วนใหญ่จะเป็นขยะเปียกของบูดเน่า หรือ ถ้ามีส่วนของเสื้อผ้าก็จะเป็นชุดที่อยู่ในสภาพไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก
แต่กระนั้นทุกขั้นตอนก็จะมีคุณแม่คุณส้มเป็นผู้ประกบคอยรื้อออกมาอีกครั้ง จนไม่สามารถเอาอะไรลงไปทิ้งได้เลยเนื่องจาก ของทุกชิ้นรวมถึงขยะ ที่เราจะขนไปทิ้ง จะถูกคุณแม่คุณส้มตามเบรกและให้ยกกลับมาไว้ที่เดิมทำให้การทำงานในวันนั้นเป็นไปด้วยความล่าช้าและยากลำบาก
ทางเราและทีมงานจึงประสานถึงคุณพิมรี่พาย ซึ่งสามารถตัดสินใจได้อย่างชัดเจนว่าให้ตามใจคุณแม่คุณส้มโดยจะเปิดห้องข้างๆ ให้นำของไปเก็บไว้แทนและจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้เองตามที่คุณพิมรี่พาย ชี้แจงในคลิป
ซึ่งหากทางคุณส้มยังไม่หยุดการกล่าวอ้างและออกมายอมรับชี้แจง ถึงกรณีพาดพิงว่าทีมงานที่ทำความสะอาดวันนั้นเป็นผู้นำของใช้ไป จนเป็นเหตุให้ต้องเรียกร้องค่าความเสียหายกับทางคุณ พิมรี่พาย ทางเราจะรวบรวมหลักฐานที่มีและทำการดำเนินคดี ในส่วนที่เป็นการหมิ่นประมาทพาดพิงทำให้บริษัทเราเสียชื่อเสียง ในกระบวนการต่อไป”