เป็นประเด็นดรามาในสังคมออนไลน์อีกครั้งสำหรับแม่ค้าออนไลน์ "พิมรี่พาย" น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนพัชร์ หลังถูก "ส้ม" สาวป่วยติดเตียงออกมาแฉว่าอีกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเพียงเพราะต้องการจัดฉากสร้างภาพเท่านั้น
เรื่องนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น?
โดยเรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจากที่เมื่อปีที่แล้ว "ส้ม" วัย 36 ปี ได้ออกมาโพสต์ขอรับเงินบริจาครวมถึงสิ่งของต่างๆ โดยให้รายละเอียดว่าตนเองมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายของที่ต้องเลี้ยงดูลูกสาว 3 คนที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลและประถม ทว่าวันหนึ่งระหว่างจะเข้านอนจู่ๆ ร่างกายก็ไม่มีแรง มีอาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ
ทั้งนี้หมอได้วินิจฉัยว่าตนเป็นโรคกล้ามเนื้อสลาย จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องใส่แพมเพิร์สตลอดทำให้ ไม่มีรายได้ โดยมีมารดาที่ได้เบี้ยเลี้ยงคนสูงอายุเดือนละ 600 บาทคอยดูแล
เรื่องของเธอทำให้หลายคนเห็นใจ รวมถึง "พิมรี่พาย" ที่เข้ามาช่วยด้วยการให้เงิน 10,000 บาท พร้อมให้คนเข้ามาทำความสะอาดห้องและซื้อของใช้ต่างๆ เช่น เตียงเด็ก ที่นอน ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ทีวี ชั้นวางของ ฯ รวมถึงติดต่อแพทย์กายภาพบำบัดเข้ามารักษาโดยตัวเองจะจ่ายค่าคอร์สในการบำบัด 16 ครั้งทั้งหมด 48,000 บาทให้
จากนั้นเจ้าตัวได้นำเสนอคลิปการทำกายภาพบำบัดครั้งแรกซึ่ง "ส้ม" สามารถลุกขึ้นมานั่งได้ ขณะที่หมอกายภาพก็ระบุว่าหากทำครบคอร์สคนป่วยจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ภายใน 1 เดือน
กระทั่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมาแม่ค้าออนไลน์คนดังก็มีการเผยคลิประหว่างที่ "ส้ม" กำลังฝึกเดินบนเครื่องพร้อมระบุว่าผลการรักษาอีกฝ่ายมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว จนมีคนเข้ามาชื่นชมเจ้าตัวและแสดงความยินดีกับ "ส้ม" มากมาย
แต่แล้วดรามาก็บังเกิดเมื่อ "ส้ม" ได้มีการแชร์คลิปดังกล่าวพร้อมข้อความว่า “ถ้าเดินได้แบบในคลิปก็คงดี” พร้อมถ่ายภาพให้เห็นว่าตนเองยังไม่สามารถลุกขึ้นมาช่วยตัวเองได้เลย
ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาเปิดประเด็นว่า "พิมรี่พาย" ไม่ได้ต้องการจะเข้ามาช่วยรักษาเธอแบบจริงจัง แค่ต้องการสร้างภาพขายคอนเทนต์ แถมนักกายภาพยังสั่งให้เธอหยุดกินยาประจำจนทำให้อาการป่วยตัวเองกำเริบ พร้อมยืนยันว่าตนเป็นโรคกล้ามเนื้อสลาย ไม่ใช่กล้ามเนื้ออ่อนแรง
นอกจากนี้เธอยังระบุด้วยว่าตอนที่คนเข้ามาช่วยทำความสะอาดห้องได้ทิ้งสินค้าและของใช้ของเธอไปหลายชิ้น ซึ่งแม้เธอจะติดต่อขอของคืนไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้มาแต่อย่างใด
ด้าน "พิมรี่พาย" ก็ออกมาโต้ว่าทีมนักกายภาพรักษาอีกฝ่ายจนอาการดีขึ้นเกือบหายเป็นปกติแล้วจริงๆ จึงได้ยุติการรักษา ประกอบกับตัวผู้ป่วยเองเริ่มบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่าไม่สบายบ้าง ปวดหัวบ้าง รวมถึงคำพูดของมารดา "ส้ม" ที่บอกว่าหากรักษาหายจะขึ้นทะเบียนคนพิการไม่ได้ จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ
ส่วนของที่ทิ้งไปเธอระบุว่ามีแต่ลังเปล่า ขยะ และตอนทิ้งมารดาของ "ส้ม" ก็เป็นคนสั่งเองว่าอันไหนทิ้งได้ไม่ได้ ก่อนให้ดูไลน์ของใช้ที่อีกฝ่ายอ้างว่าเสียหายซึ่งมีทั้ง เสื้อผ้า ลำโพง เครื่องกรองน้ำ มาม่าลัง แก้วเยติโค้ก ฯลฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 32,415 บาท (แถมยังขอให้เธอไปติดตั้งราวสแตนเลสให้อีกต่างหาก)
โดย "พิมรี่พาย" เผยว่าเธอจะโอนเงินจำนวนค่าเสียหายดังกล่าวให้ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยเอาชื่อ "ส้ม" ไปเปิดบัญชีรับบริจาคตามที่อีกฝ่ายอ้าง และเผยว่าเคสนี้เธอช่วยไปแล้วเป็นเงินรวมกว่า 120,000 บาท
ทั้งนี้ล่าสุดทางด้านของ "ส้ม" เองก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องพีพีทีวีโดยยืนยันว่าเธอไม่เคยปฏิเสธการรักษา และเผยว่าเธอเข้ารับการรักษาจากนักกายภาพ 5 ครั้ง ส่วนที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในบางครั้งเพราะนักกายภาพระบุเองว่าทำให้ไม่ได้เพราะเธอมีไข้ ปวดหัว
แถมบางครั้งก็ขอให้เธอชูสองนิ้วเพื่อถ่ายภาพและสุดท้ายก็บังคับให้เธอเซ็นไม่รักษาโดยอ้างว่างบหมด ส่วนเรื่องของที่เสียหายเธอระบุว่าบางส่วนเป็นของที่จะส่งให้ลูกค้า และตอนขนของมารดาไม่ได้รู้เห็นอะไรเลยเพราะถูกให้ลงไปอยู่ด้านล่างกับลูกๆ พร้อมกับยืนยันว่าเธออยากจะหายป่วยเพื่อกลับมาใช้ชีวิตปกติจริงๆ