กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากเพจ Nanake555 ของ น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยาซึ่งมีการโปรโมตว่า ในวันนี้เวลา 1 ทุ่มตรง มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างสร้างสรรค์ โดยหนึ่งในพิธีกรวันนี้นั้นคือ “ทิดไพรวัลย์ วรรณบุตร”ซึ่งปรากฏว่าลูกเพจน้าเน็กต่างเข้ามาคอมเมนต์ถล่มกว่า 4 พันข้อความ ระบุให้ถอดทิดไพรวัลย์ออกจากรายการ อัดหนักตอนเป็นพระสอนคนอื่นให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวิต แต่พอสึกออกมาไอ้ที่สอนคนเป็นล้าน เป็นพระนักเทศน์เบอร์ต้นๆของประเทศไทย กลับกลายเป็นแค่คนปากจัดธรรมดาคนนึงเท่านั้น รวมทั้งยังเรียกแพรวัลย์ และพูดถึงกรณีทิดไพรวัลย์บล็อกทุกคนที่เห็นต่าง อีกทั้งยังนำคนเห็นต่างไปแขวนให้ลูกเพจด่า บางคนก็บอกว่าถ้าไพรวัลย์มาร่วมเป็นหนึ่งในพิธีกรด้วยคงต้องขอผ่าน
ขณะที่น้าเน็กนั้นได้อ่านทุกคอมเมนต์ของลูกเพจ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาจัดรายการนินทาประเทศไทย จึงเปิดโอกาสให้ทิดไพรวัลย์ได้เคลียร์ใจกับสิ่งที่ลูกเพจคอมเมนต์เข้ามา ซึ่งไพรวัลย์ก็เผยว่าในชีวิตนี้มีแค่คนเดียวที่รู้ว่าตนเป็นยังไง คือตัวตนเอง ตั้งแต่เป็นพระก็แสดงอัตลักษณ์ชัดเจนมาก ถ้าใครติดตามตั้งแต่แรกๆ เพจตนไม่ได้มีแค่การคอลเอาต์อย่างเดียว หลายครั้งฮามาก โจ๊กมาก ตนก็ถูกด่าบ่อย ไม่ใช่พระในอุดมคติที่คาดหวังว่าพระต้องเป็นแบบนี้มานานแล้ว ฉะนั้นข้อหาหรือสิ่งที่คนพูดถึงว่าสึกออกมาแล้วเหมือนไม่ได้อะไรเลย 18 ปีไม่มีอะไรเลย หรือไม่เหมือนคนเคยบวชมาเลย ผิดหวังหลังสึกออกมา ตนอินดี้ ไม่ชอบอยู่ในการคอนโทรลของใคร ถ้าเห็นสมควรก็จะพูดเอง
ถ้าการที่ไปตัดสินใครสักคนว่าไม่เคยใช้ชีวิต คิดแบบนี้แคบมาก เป็นพระก็ต้องผ่านการใช้ชีวิต เจอสังคมแบบพระ บางทีเลวร้ายกว่าฆราวาสอีก มีเรื่องแย่งตำแหน่งยศศักดิ์ อย่าไปตีตราว่าคุณใช้ชีวิตคนเดียว พูดแบบนี้ไม่แฟร์เท่าไหร่ ตนเป็นพระก็ปากจัด เหมือนคนมาไล่ตนสึก ตนก็พูดว่าอย่ามาสาระแน ยุ่งอะไรกับชีวิตฉัน ถึงเวลาฉันไปเอง ตนเป็นพระปากจัด เป็นตนที่ชัดเจน ตอนเป็นพระชัดเจนยังไง วันนี้ก็ชัดเจนอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยนกับความเป็นตัวตน
ส่วนกรณีที่บล็อก นักวิชาการที่เป็นหัวก้าวหน้าก็บล็อกคนเห็นต่างเหมือนกัน พื้นที่เพจเป็นพื้นที่ตน การบล็อกใครสักคนในเพจ เขาไม่สามารถด่าตนในแพลตฟอร์มอื่นได้เหรอ เขาก็ไปเสียบในเพจอื่น ตนไปตามจัดการกับคนนั้นในพื้นที่อื่นเหรอ ก็ไม่ แต่นี่คือบ้านตน ตนคิดว่าตนมีสิทธิ์ที่จะทำ
ถามว่าทำไมอยู่ๆ คนถึงไม่โอเค คงให้คำตอบกับทุกคนไม่ได้ ตนทำอะไรพูดออกไปตอนไหน ตนเป็นคนที่รู้ ตนรู้ว่าพูดแล้วโดนอะไรบ้าง ตนก็ใช้โอกาสเท่าที่มี ในเวลาที่เหมาะสม พูดประเด็นสาธารณะ ตนพูดมั่วซั่วไม่ได้ พูดกับตัวเองเสมอว่าการเป็นตัวเองเหนื่อยน้อยที่สุดกับการเป็นอย่างอื่น ใครจะด่าก็ด่า คุณไม่พอใจก็อันฟอลโลว์ไป ไม่ใช่ไม่พอใจก็มาตามด่า ตามบูลลี่ ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง ตนรู้ว่ามีคนไม่พอใจ ไม่ใช่ไม่รู้เลย ต่อให้คอลเอาต์น้อย แต่ทุกอย่างที่ทำไม่ได้ทำให้ชีวิตใครไม่สงบสุข ไม่ชอบตนแล้วไง ต้องจัดการให้จมธรณีหรือเปล่า แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนตามใจสังคม คงไม่ทำแน่นอน
ส่วนที่คนผิดหวังกับแนวทางที่เปลี่ยนไป คนฟอลอาจคาดหวังว่าตนจะคอลเอาต์ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรม คนไม่น้อยฟอลเพราะเห็นความตลกขบขัน เห็นสิ่งที่ทำ ถ้าผิดหวัง เพราะคิดว่าจะคอลเอาต์เลิกติดตาม แฟร์ๆ เลยไม่มีปัญหา ไม่ใช่จะเลิกติดตามแต่มาหาเรื่องแซะ บูลลี่ อัตลักษณ์ก็ไม่ใช่
เรื่องแขวนคอมเมนต์คนเห็นต่าง ให้ลูกเพจมาวิจารณ์ ตนจะไม่แขวนใครก็ตามที่ไม่แขวนตนก่อน ทำไมตนไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ หรือต้องเงียบ ห้ามตอบโต้ ห้ามชี้แจง ห้ามแขวน ตนว่าก็ไม่แฟร์กับตน เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงส่วนไหนก็ไม่เข้าใจ แต่ที่ตอบไม่ได้เพราะตนรู้สึกว่าไม่ได้เปลี่ยนอะไร ยังเป็นแบบนี้ตลอด ยังมีโมเมนต์อะไรที่เคยทำก็ทำอยู่
น้าเน็กเผยว่าถ้าใครไม่ด่าคุณ คุณก็ไม่ด่าเขา เป็นสิทธิในการบริหารจัดการพื้นที่ของคุณ ตรงนี้ต้องถามความสมัครใจ ถามจุดยืนเพื่อปรับภาพมองสำหรับคนที่คาดหวัง หรือมองว่าคุณเป็นอย่างไรกันแน่ ทิดไพรวัลย์ก็ชี้แจงว่าจะเป็นตัวตนที่หลากหลาย และเป็นได้ทุกอย่าง
ตนมองว่าชีวิตไม่ได้สรุปได้อย่างนั้น ว่าชีวิตเป็นยังไง ชีวิตมันหลากหลายไหม สมัยที่พูดอะไรซีเรียสมากๆ แทบไม่เคยหัวเราะเลย เพราะขัดอัตลักษณ์ แต่แอบขัดแย้งว่าไพรวัลย์ก็หัวเราะได้นี่ สนุกได้ ทำไมต้องให้คนจำคาแรกเตอร์ว่าพระนักวิชาการ พูดอะไรเรื่องซีเรียส หลังจากนั้นไลฟ์กับอาจารย์สมปองก็เป็นอีกบุคลิกเลย ใครจะผิดหวัง หรือไม่ชอบตนแบบนี้ตนไม่วอรี่ไม่เสียดายฟอลโลเวอร์ แต่ขอรักษาคนที่เขายังอยู่ เพื่อติดตามบางอย่าง อีกหนึ่งปีอาจเปลี่ยนอีกรูปแบบนึงเลยก็ได้ ชีวิตต้องหลากหลายสิ ไม่ควรถูกแช่แข็ง
น้าเน็กเผยว่าประเด็นเกือบ 95 เปอร์เซ็นต์ พุ่งไปที่ไพรวัลย์ และไปในทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ และตนฟังและแคร์คนดูเพราะเป็นครอบครัว เปิดโอกาสให้ลูกเพจทั้งชม ด่า ติเตียนได้ตามใจชอบ เพราะเป็นธรรมชาติของคอมมูนิตี้ ตนจึงไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
ทิดไพรวัลย์เผยต่อว่า ทุกคนชอบบอกว่าตนนำคนไปแขวน แต่นั่นคือพื้นที่เดียว ถ้าไม่อธิบายแล้วจะใช้พื้นที่ไหนในการพูด พื้นที่เดียวที่จะปกป้องตนได้คือเพจของตน และเลือกที่จะทำมัน วันนี้ไม่ได้ทำเป็นไม่สนใจ ตนก็คิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับรายการนี้ ก็คุยกับเลขาแล้วว่ายินดีมูฟไป เพื่อให้ใครสักคนที่เป็นที่ยอมรับมากกว่านี้มาทำหน้าที่แทนตน
พร้อมกันนี้ทิดไพรวัลย์ก็เผยว่าขอยุติบทบาทเป็น 1 ใน 4 พิธีกรนินทาประเทศไทย ซึ่งตนคิดมาแล้ว ตนเลือกความเป็นตัวตน ไม่เลือกอันอื่นเด็ดขาด จะจัดการและรับผิดชอบกับตัวตนเอง
น้าเน็กเผยว่าไม่คิดว่าจะตัดสินใจแบบนี้ และไม่รู้จะเอาใครมาแทน แต่ละคนที่จะมาทำคอนเทนต์นี้ ต้องเป็นคนมีความกลางๆ และเคารพการตัดสินใจทิดเอก ไพรวัลย์
ไพรวัลย์เผยว่าดีใจที่ได้มานั่งตรงนี้ ได้เจอน้าเน็ก ดีใจมากที่ได้เจอได๋ ไดอาน่า เพราะเป็นดาราที่ชื่นชมในการทำงาน ไม่อยากให้บรรยากาศออกไปเหมือนมาคุ อยากให้เหมือนอำลา เหมือนรุ่นน้องบริษัทที่ออกไป
น้าเน็กเผยว่าคุณลาออกกลางรายการแบบนี้ไม่รู้จะฉลองอะไร ระหว่างนี้คิดแล้วว่าฉิบหายแล้ว แล้วจะยังไง นี่เป็นการตัดสินใจของคุณ อย่างน้อยตนต้องรับฟังผู้คนของตน เกือบ 5 ล้านฟอลโลเวอร์ด้วย จากนั้นทิดไพรวัลย์ก็ได้เดินออกจากรายการนินทาประเทศไทยกลางอากาศด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่ได๋ ไดอาน่า เผยว่าวันนี้ตนค่อนข้างเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม “ทิดไพรวัลย์” ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร โดยระบุว่า “การเดินออกจากรายการ เป็นการทำที่ถูกต้องแล้วครับ และผมได้แจ้งน้าแล้วว่า ผมจะขอเข้ารายการเพื่อชี้แจงและอำลาทุกคนอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ผมไม่ควรพูดเรื่องสาธารณะในรายการนินทาประเทศไทยแล้ว เมื่อคนไม่ต้องการอยากฟังความเห็นของผม ถ้าผมยังอยู่ คนจะไม่สนใจเรื่องสาธารณะที่เราจะคุยกัน คนจะสนใจแต่เรื่องของผม ซึ่งมันทำให้เสียประโยชน์ที่ควรจะได้รับและเสียบรรยากาศของการสนทนา”