"คิมฮยองจุง" เคลื่อนไหวเผยเหตุผลเลิกตามไอจี "ซงจีอา" หลังดรามาใช้แบรนด์เนมปลอม

หลังจากที่ "ซงจีอา" สาวสวยสุดฮอตจากรายการเรียลิตี้ Single's Inferno เจอชาวเน็ตขุดว่าเจ้าตัวใช้แต่ของแบรนด์เนมปลอมรวมไปถึงอพาร์ตเมนท์หรูเธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแต่แค่เช่าอยู่รายเดือน จนมีข่าวตามมาว่า "คิมฮยองจุง" ชายหนุ่มที่ "จีอา" เลือกกลับรีบอันฟอลโลว์อินสตาแกรม จีอา ทันที หลังข่าวฉาว ส่งให้ชาวเน็ตไม่พอใจที่เขาไม่คิดจะปกป้องฝ่ายหญิง แถมหันหลังให้แบบไม่เหลือเยื่อใย

ล่าสุด คิมฮยองจุง ได้ให้สัมภาษณ์กับ Maeil Business Star Today ทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า

"เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และเราก็ยังคุยกันดีระหว่างที่รายการออกอากาศ "

งานนี้เจ้าตัวยังเผยถึงสาเหตุที่ไม่สานสัมพันธ์รักกันต่อว่า "มันมีหลายๆเหตุผล เกี่ยวกับสัญญาการออกอากาศที่ผมไม่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผมกับ จีอาอย่างละเอียดได้ แต่ผมอยากบอกว่าผมไม่ได้มีความรู้สึกแย่ๆ เกี่ยวกับเธอเลย"

ส่วนเหตุผลจริงๆที่เขาอันฟอลโลว์ จีอา นั่นเป็นเพราะ

"คนให้ความสนใจกับความสัมพันธ์ของเรามากเกินไป จีอา ไม่ได้ตามไอจีผมตั้งแต่แรก ดังนั้นผมไม่อยากให้มีการพูดถึงเรื่องนี้แบบต่อความยาวสาวความยืดกันไปอีก มันไม่ได้มีเหตุผลอื่น ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีข่าวดราม่าเรื่องนี้”

“บอกตามตรงว่า ผมคงไม่สามารถติดต่อเธอได้อีกเพราะข่าวเลย ตอนนี้ผมต้องระวังการที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ผมสามารถบอกได้คือ จีอา เป็นคนใจดี สดใส และตั้งใจทำงานมากครับ"

นอกจากนั้นเขายังบอกอีกด้วยว่า ตอนนี้เขาต้องเผชิญกับข้อความว่าร้ายจากชาวเน็ตที่ต่างเข้าใจผิดในตัวเขา โดยระบุว่า “ผมคิดอยู่แล้วว่ามันต้องมีเรื่องของอคติและการเข้าใจผิดจากการตัดต่อในรายการ แต่มันมีบางความเห็นที่เกินเลยล้ำเส้นไปมาก ผมมีเวลาที่ยากลำบากระหว่างที่ถ่ายทำเพราะไหล่หลุด แล้วการแสดงออกทางสีหน้าจากอาการบาดเจ็บก้ทำให้คนตีความออกไปเป็นแบบอื่น โชคไม่ดีเลยครับ”

“ทุกคนต่างมีความเข้มแข็งและความอ่อนแอ ดังนั้นผมหวังว่าทุกคนจะไม่เกลียดกันมากเกินไปนะครับ ผมขอแค่ทุกคนอย่าตัดสินและอย่าเกลียดใครเพียงเพราะรับสารแค่ด้านเดียวเลยครับ”

ส่วนทางด้าน จีอา ก็มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 19 ม.ค. เจ้าตัวเคลื่อนไหวด้วยการลบภาพในอินสตาแกรมออกไปนับร้อยรูป จาก 1,151 โพสต์ เหลือเพียง 976 โพสต์ โพสต์ที่ถูกลบเป็นภาพที่เกี่ยวกับของแบรนด์เนมปลอมทั้ง Chanel, Dior และ Rolex นอกจากนั้น วิดีโอใน YouTube กว่า 20 คลิปก็ถูกลบออกไปซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับการโชว์ของละเมิดลิขสิทธิ์