“มาดามแพม” บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ทุ่มไม่อั้นเป็นสปอนเซอร์แต่งหน้าให้ “เฟิร์น พรนภาพรรณ” สาวออทิสติก ผู้เข้าประกวดนางสาวไทย 2565 เผยมีคนชมน้องเฟิร์นหน้าคล้าย “แอนชิลี” ลั่นจะแปลงโฉมให้เป็น “บุ๋ม ปนัดดา 2” ถึงป่วยแต่สวยได้ มั่นใจผ่านเข้ารอบ 24 คนสุดท้ายไปชิงมงฯ
ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่กองประกวดนางสาวไทย 2565 ประกาศรายชื่อสาวงามที่ผ่านเข้ารอบ 50 คนสุดท้าย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “น้องเฟิร์น พรนภาพรรณ สังวาลทอง” ผู้พิการออทิสติก อายุ 21 ปี ทำให้เธอกลายเป็นนางงามออทิสติกคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย โดยเฟิร์นมีความฝันที่อยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นที่มีความบกพร่อง ให้กล้าลุกขึ้นมาทำตามความฝัน
แม้ว่าจะมีหลายเสียงชื่นชมในหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของน้องเฟิร์น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบางกระแสบูลลี่ถึงความไม่เหมาะสมต่างๆ งานนี้ทำเอา “มาดามแพม” บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง รู้สึกเห็นใจและทึ่งในความกล้าหาญของน้องเฟิร์น จนต้องเสนอตัวเป็นสปอนเซอร์แต่งหน้าให้จนกว่าจะประกวดเสร็จสิ้น จะแปลงโฉมน้องเฟิร์นให้สวยตะลึงให้ดู
“อยากให้น้องได้รับโอกาสที่ดี เพราะรับประกันได้ว่า สปอนเซอร์ทุกคนเนี่ย อยากจะสนับสนุนคนที่สวยๆ มากกว่ามาสนับสนุนเด็ก ที่ไม่ได้มีความพร้อมเท่าที่ควร แล้วก็เขาส่งตัวเองเข้าประกวดด้วย ไม่มีใครซัพพอร์ตตรงนี้เลย เราเองเป็นคนสนับสนุนเรื่องหน้า เรื่องผม แต่ว่าตัวน้องเองก็ยังมีคนสนับสนุนอีกคนหนึ่ง ก็คือ สไปรท์ บาบาบิ ค่ะ เขาสนับสนุนเรื่องเสื้อผ้า ติดต่อห้องเสื้ออะไรแบบนี้”
“เราคิดว่าอย่างน้อยๆ ถ้าเขาเข้ารอบ เราก็ยังต้องมาปรับปรุงให้น้อง มีคุณสมบัติที่เพิ่มมากขึ้น เพราะว่าคนส่วนใหญ่ มาดรามากันตลอดว่าไม่เหมาะสม ทำเวทีเสื่อม หรือไม่เห็นมีคุณสมบัติอะไรเลย แต่เราไม่คิดจะให้โอกาสคนบ้างเลยเหรอ”
เห็นใจน้องเฟิร์น ที่โดนคนบูลลี่ว่าไม่สวย
“เห็นใจค่ะ มีคนประท้วงว่าไม่อะไรเลย แต่ว่าคุณคิดจะทำอะไรบ้างไหมล่ะ น้องต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหน ที่จะมาประกวด ทำไมไม่คิดบ้าง ว่ามีปัญหานะ”
ใจป้ำมาก เป็นคนติดต่อไปขอเป็นสปอนเซอร์ให้กับน้องเฟิร์นเองเลย
“ก็ติดต่อไปเองเลยค่ะ คนบอกว่าน้องเป็นแฟนคลับมาดามแพมอยู่แล้ว เราเคยพูดถึงเรื่องการประกวดต่างๆ เพราะเราเองไม่ได้เป็นคนที่สวยเพอร์เฟกต์ ก็มีจุดบกพร่องเหมือนกัน ทำไมเราสามารถเข้า 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 3 หรือว่าได้มงฯใหญ่มาแล้ว ทำไมคนถึงมองข้ามตรงนั้นไป ก็เลยอยากสนับสนุนน้อง”
แม้น้องเฟิร์น จะผ่านเข้ารอบ 80 คน และรอบ 50 คนมาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสแต่งหน้าให้อีกฝ่าย เพิ่งได้แต่งหน้าให้ครั้งแรกในรอบเก็บตัว
“เพิ่งเป็นครั้งแรกที่จะแต่งหน้าให้น้อง เป็นรอบเก็บตัวสื่อสัมภาษณ์ เราจะปรับลุกให้น้องสวย แล้วก็ให้น้องดูดีขึ้น คืออาจไม่ได้สวยที่สุด แต่ก็เป็นในสิ่งที่น้องจะทำได้ ในปัจจุบันนี้มากกว่า ก็คือเรานัดมาถ่ายทำวิดีโอ แล้วเราก็จะแต่งหน้าให้น้องไปรายงานตัว”
เมื่อถามว่าน้องเฟิร์นต้องปรับแก้จุดไหนมากที่สุด มาดามแพมก็บอกว่า...
“คือถ้าจะให้ไปศัลยกรรม มันไม่ทัน อาจได้แค่โบท็อกซ์ หรือฉีดฟีลเลอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า ต้องไปเจอน้องแล้วน้องมีความมั่นใจอยู่ในจุดไหน ถ้าน้องมั่นใจมาก เราก็กล้าที่จะใส่ให้น้องเยอะ แต่ถ้าเกิดว่าเอาให้น้องมั่นใจมากที่สุด ก็ต้องดูก่อนแหละ ว่าใส่ได้เยอะขนาดไหน เอาอย่างนั้นดีกว่า”
จะเป็นสปอนเซอร์ให้ทุกรอบเลยไหม?
“จริงๆ แล้วกำลังคุยกับน้องอยู่ ว่าถ้าการประกวดเสร็จสิ้น แล้วน้องต้องไปเก็บตัว เราไม่แน่ใจว่าน้องต้องไปเก็บตัวถึงขนาดไหน ถ้าน้องเข้ากองฯปุ๊บ มันจะมีรอบ 24 คนสุดท้าย ถ้าน้องเข้ากองฯแล้ว เราก็อาจสอนให้น้องแต่งหน้าเอง ทำผมเอง เพราะว่าพี่เลี้ยงจะไม่สามารถไปซัพพอร์ตได้ถึงในงาน เพราะปีนี้มีมิสทีน เป็นสปอนเซอร์ ถ้าเขาแต่งหน้าทำผมให้น้อง เราไม่ก้าวก่าย แต่จะให้คำปรึกษา เหมือนเป็นพี่คนนึงที่สอนน้องมากกว่า (แต่ถ้ากองประกวดอนุญาตให้เข้าไปได้ก็ยินดีไปแต่งให้น้องใช่ไหม?) ถูกต้องค่ะ แต่ถ้าไม่ว่าง ก็อาจส่งทีมงานไปแทน”
เผยทราบเรื่องที่มีคนบอกว่า บางมุมหน้าน้องเฟิร์นคล้ายกับ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส”
“ทราบเลยค่ะ (จะแต่งให้เหมือนแอนชิลีเลยไหม?) อยากจะบอกว่า แต่งคนละแบบดีกว่า อย่าไปซ้อนเงาคนอื่น”
ต่อคำถามที่ว่า จะแปลงโฉมน้องเฟิร์นให้สวยเหมือนใคร มาดามแพทก็เผยว่า จะไม่แต่งให้เป็นคนอื่น
“อยากแต่งให้สวย ในรูปแบบของผู้หญิงคนหนึ่งจะสวยได้ สวยที่สุด แค่นั้นพอ จะไม่แต่งให้เป็นคนอื่น แต่จะแต่งให้เป็นรูปแบบของน้องที่สวยขึ้น (น้องเองเขามีรีเควสไหม ว่าอยากให้แต่งลุกไหน?) น้องไม่รีเควสอะไรเลยค่ะ น้องตามใจเราเลย ก็โอเคตามนั้นเลย”
จะแต่งให้น้องเฟิร์นเป็นสาว working women ซ่อนหวาน
“ถามว่าน้องจะแต่งยังไงให้ปัง ซึ่งทุกคนมองน้องเนิร์ดอยู่แล้ว จะให้ออกแนวสไตล์ working women แต่ต้องมีความหวานในนั้นด้วย ไม่งั้นจะขัดกับบริบทนางสาวไทย พลาดไม่ได้นะคะ น้องจะต้องเป็นผู้หญิงหวานที่มั่นใจ”
“เอาง่ายๆ ขอใช้ บุ๋ม ปนัดดา ก็แล้วกัน มีความหวานเป็นใบหน้า และสวย และเก่ง ดังนั้นก็เอาพี่บุ๋ม ปนัดดา ตั้งเป็นหลัก แล้วก็ให้น้องสื่อสารความเป็นตัวเองที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น ว่าน้องจะเป็นกระบอกเสียงให้สังคมได้มากเท่าไหร่ กับผู้พิการออทิสติกเท่าไหร่ ดังนั้นเนี่ย มันอาจจะไม่เป็นเส้นที่มาดามแพมขีดไว้ ต้องเป็นเส้นที่น้องขีดไปเอง ว่าน้องจะเดินทางไหนต่อไป”
ยินดีทุ่มไม่อั้นให้น้องเฟิร์นสวยสมเวทีนางสาวไทย
“เอาง่ายๆ นะคะ มาดามแพมสนับสนุนเครื่องสำอางให้เขาแค่บางส่วน แต่ว่าเขาจะไปต่อยังไง คือมาดามแพมทุ่มไม่อั้นอยู่แล้ว เพราะว่าการแต่งหน้าทำผมของมาดามแต่ละครั้งเนี่ย ก็อยู่ที่ครั้งละเป็นหมื่น แต่เราจะปรับให้น้องยังไง เราทุ่มเรื่องเครื่องสำอางไม่อั้นอยู่แล้ว เพราะเราเป็นคนรีวิว เรามีเครื่องสำอางค่อนข้างเยอะ”
“แต่นอกจากสวยด้วยมือมาดามแพมแล้ว น้องจะต้องสวยด้วยตัวเองได้เช่นเดียวกัน เพราะหลังจากนี้เป็นต้นไป น้องต้องได้อะไรดีๆ มาในชีวิตเยอะขึ้น และต้องได้จากมาดามแพมไปเหมือนกัน นั่นก็คือความมั่นใจและความสวย ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ จะผู้พิการออทิสติกหรือคนปกติทั่วไป ก็ต้องหัดแต่งหน้า ทุกคนก็อยากสวย เราก็สนับสนุนให้เขาสวยได้ ไม่ว่าเขาจะไปสมัครงาน หรือเขาจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ ”
“ทุกวันนี้โซเชียลมาแรงมาก น้องอาจแต่งหน้าตัวเองแล้วเซลฟี่ มันก็เป็นภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น จากความสวยที่ธรรมดา เป็นความสวยขึ้น น้องก็จะมีความมั่นใจ ผู้พิการออทิสติก เขาก็ได้รู้สึกว่าฉันก็ไม่ได้แปลก หรือว่าแตกต่างจากสังคมคนธรรมดา ที่สังคมยอมรับ ฉันป่วยแต่ฉันก็สวยได้ ซึ่งทุกวันนี้ การบำบัดกับทางแพทย์อาจจะไม่เพียงพอ แต่มาดามแพม ขอเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาน้องสาวพี่สาวที่ให้การสนับสนุนมากกว่า”
วันที่ 15 ม.ค. กองประกวดนางสาวไทยจะคัดเลือกสาวงามให้เหลือ 24 คนสุดท้าย มั่นใจน้องเฟิร์นเข้ารอบชัวร์
“ค่อนข้างมั่นใจว่าน้องสามารถเข้ารอบ 24 คน แต่ว่าน้องจะได้ดีกว่ารอบ 24 คนไหม อันนี้ไม่มั่นใจค่ะ เพราะผู้หญิงทุกคนสวยเก่งเยอะมาก และมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่ ผู้หญิงทุกคนมีคุณค่าในตัวเองหมดเลย แล้วแต่กรรมการจะเฟ้นเห็นคุณค่า”
เป็นมิติใหม่ของวงการนางงาม เพราะน้องเฟิร์นเป็นนางงามออทิสติกคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลายๆ เสียงชื่นชม แต่ก็มีหลายๆ เสียงบูลลี่ ซึ่งมาดามแพมมีมุมมองเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า...
“แพมเองก็เป็นคนไม่ค่อยปกตินะคะ ถามว่าเป็น LGBTQ มันเริ่ดไหม กว่าจะมาตรงนี้ให้คนส่วนใหญ่ยอมรับได้เนี่ย มันค่อนข้างยาก แล้วยุคสมัยมันก็ผ่านไปเรื่อยๆ เขาก็มองว่าเราเป็นจุดดำจุดหนึ่ง ที่แตกต่างจากจุดอื่น น้องก็คงจะคิดแบบเดียวกับเรา เราเลยมองว่า ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะเป็นอะไรที่ดีขึ้น เราก็สนับสนุนให้น้องดีขึ้นค่ะ”
“อีกอย่างน้องจะต้องเป็นคนปกติ ที่มั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองมากที่สุด ดังนั้นคนที่ว่าน้อง คุณไม่ควรมาตัดสินอะไรจากผิวเผิน คุณไม่รู้จักน้อง คุณไม่รู้ว่าน้องทำอะไรได้บ้าง การที่เจอน้องครั้งเดียว เป็นไปได้เหรอ ว่าคุณจะรู้จักลึกซึ้งถึงภายในของน้อง ว่าน้องทำอะไรได้มากไหม เพราะว่าอย่างน้อยๆ ที่สื่อสารออกมาก หนึ่งความมั่นใจ สองภาษาอังกฤษ ซึ่งมาดามแพมไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่น้องมีความจดจำพิเศษ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ซึ่งมันต่อยอดได้”
“น้องสามารถทำอะไรที่ดีขึ้นมาได้ อย่างน้อยๆ อาจจะเป็นพนักงาน หรืออาจจะใช้ภาษาอังกฤษที่ตัวเองเรียนรู้ พัฒนาสังคมต่อไปได้เรื่อยๆ แล้วเราจะสามารถปรับบุคลิกภาพน้อง ให้ดูดี ให้ดูสวยมากขึ้นกว่าที่เป็นได้ไหม จะต้องเป็นไปได้ค่ะ”
