“ซิดนีย์ พอยเทียร์” นักแสดงผิวดำคนแรกที่สามารถก้าวขึ้นมาสู่บทบาทดารานำในหนังกระแสหลักของฮอลลีวู้ด จนฝากผลงานระดับอมตะเอาไว้มากมาย ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 94 ปี
ซิดนีย์ พอยเทียร์ ที่ถือทั้งสัญชาติบาฮามาส และสัญชาติสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นแค่นักแสดงในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่ เชสเตอร์ คูเปอร์ รักษาการนายกรัฐมนตรีบาฮามาส ยังบอกว่าเขาเป็นทั้งวีรบุรุษ, นักต่อสู้ และเป็นสมบัติของชาติอย่างแท้จริง
โดยนักแสดงระดับตำนานของฮอลลีวูดได้เสียชีวิตลงในวันที่ 6 ม.ค. ด้วยวัย 94 ปี ที่บาฮามัส
ซิดนีย์ พอยเทียร์ เกิดเมื่อปี 1927 เขาเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คน ของครอบครัวที่มีพ่อประกอบอาชีพเกษตรกร และมีฟาร์มในเกาะแคทที่บาฮามัส แต่ตัวของ พอยเทียร์ กลับมาลืมตาดูโลกที่ไมอามี่ในสหรัฐอเมริการะหว่างที่พ่อแม่ของเขาเดินทางไปที่นั่นพอดี ทำให้เขาได้สัญชาติอเมริกาโดยกำเนิดตามไปด้วย ก่อนที่เขาจะกลับไปเติบโตอยู่ที่บาฮามาส และกลับมาอเมริกาอีกครั้งในวัย 15 ปี
เขาเริ่มต้นก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงหลังเสร็จสิ้นสงครามโลก โดยเริ่มมีผลงานในวงการละครเวที ซึ่งในยุคที่เขาเริ่มต้นทำงานเป็นยุคที่การเหยียดผิวยังคงรุนแรง ทำให้ ซิดนีย์ พอยเทียร์ ไม่ค่อยได้รับการยอมรับและค่อนข้างประสบความลำบากในการหางานแสดง
แต่ด้วยฝีไม้ลายมือในการแสดง รวมถึงความพยายามในการพูดสำเนียงอเมริกันให้ชัดที่สุด สุดท้ายเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ และสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ จนได้มีผลงานการแสดงในภาพยนตร์
ซิดนีย์ พอยเทียร์ กลายเป็นนักแสดงผิวดำคนแรก ที่ได้รับบทนำอย่างต่อเนื่องในหนังกระแสหลักของฮอลลีวู้ด ในยุค 40s – 50s ที่ปัญหาความขัดแย้งในเรื่องประเด็นสีผิวยังคงรุนแรงอยู่ในสังคมสหรัฐฯ เขายังมักจะพยายามเลือกบทเพื่อทำลายภาพในทางลบของคนผิวดำ และมักจะเลือกเล่นหนังที่ส่งเสริมภาพพจน์ของคนผิวดำ รวมถึงหนังมีเนื้อหาบอกเล่าถึงปัญหาในสังคมอเมริกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานอย่าง Guess Who's Coming to Dinner และ In the Heat of the Night
พอยเทียร์ สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายได้สำเร็จจากการแสดงในหนังเรื่อง Lilies of the Field ในปี 1963 จนในปี 2002 ซิดนีย์ พอยเทียร์ จึงได้รับรางวัลออสการ์ตัวที่ 2 เป็นรางวัลสาขาพิเศษเพื่อยกย่องผลงานตลอดชีวิตของเขา
โดยในการมอบรางวัลครั้งนั้น เขาได้กล่าวเอาไว้ว่า “ผมขอรับรางวัลนี้ในนามของนักแสดงหญิง และชายแอฟริกันอเมริกัน ที่มาก่อนหน้าผม ที่พบความยากลำบากในการทำงาน ซึ่งคนเหล่านั้น มีส่วนสำคัญเหลือเกินที่ทำให้ผมมาอยู่ในจุดนี้ได้”
ซึ่งในงานมอบรางวัลออสการ์ปี 2002 ยังเป็นปีที่ทั้ง เดนเซล วอชิงตัน และ ฮัลลี เบอร์รี สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงได้พร้อม ๆ กันด้วย “ผมไล่หลังคุณมาเสมอนะ ซิดนีย์ ผมจะเดินตามรอยเท้าคุณไปตลอด” เดนเซล วอชิงตัน กล่าวในวันนั้น
ซิดนีย์ พอยเทียร์ ยังเคยได้รับรางวัลเป็นเหรียญเกียรติยศ จากประธานาธิบดี บารัค โอบามา เมื่อปี 2009 ด้วย
สำหรับเรื่องชีวิตส่วนตัว ซิดนีย์ พอยเทียร์ แต่งงานครั้งที่ 2 กับ โจแอนา ซิมกุส ในปี 1976 และอยู่ด้วยกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเขามีลูก 6 คน และมีหลานมีเหลนอีกหลายคน