“กระต่าย พรรณนิภา” เครียด ร้องไห้ ขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ดรามาทำดิ่งสุดในชีวิต จนทะเลาะ “ครูไพบูลย์” เผยข้อตกลงในการคบ ขอเงินซื้อเสื้อผ้าเดือนละ 5 หมื่น อยากมีลูกตั้งแต่ปี 63 ไม่เร็วเกินไปเพราะพร้อมท้อง ไม่เสียดายชีวิตวัยรุ่น ไม่ชอบเที่ยว แต่ถ้าอยากไปผับ สามีก็พาไป
นานๆ จะได้ยินสาว “กระต่าย พรรณนิภา” ออกมาเปิดใจเรื่องกระแสดรามา เพราะที่ผ่านมาจะเห็นฝ่าย “ครูไพบูลย์ แสงเดือน” สามี เป็นฝ่ายออกมาเคลียร์และโต้แทนชาวเน็ต ล่าสุดกระต่ายได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการคุยแซ่บshow เต็มๆ เป็นครั้งแรก ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวทำเครียดจนร้องไห้ ขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว และทะเลาะกับสามี ก่อนเผยข้อตกลงในการคบหากัน
ไพบูลย์ : ตอนนั้นค่อนข้างเครียดมาก เป็นช่วงเวลาที่เรายังไม่อยากเปิดเผย เพราะหนึ่งน้องทำงานด้วย มีคนจ้องมองเราว่า ด้วยอายุ มันเหมาะสมหรือยัง สมควรมีได้หรือยัง แต่ถ้าทุกคนบรรลุนิติภาวะ จดทะเบียนสมรสถูกต้อง ทั้งสองฝ่ายยอมรับ อันนั้นไม่ผิดอยู่แล้ว แต่น้องเขามีคนติดตามเยอะ บางคนเครซี่เขามาก ถ้าเราบอกว่าน้องมีครอบครัวแล้ว อาจเนกาทีฟมากเกินไป เลยยังไม่ได้เปิดตัว ไม่ได้บอก ไม่เคยคิดว่าเรื่องจะเดินทางมารุนแรงแบบนี้ เพราะเราตั้งใจแค่ว่าเป็นเรื่องครอบครัวของเรา
กระต่าย : พอเรื่องบานปลาย เครียดมาก ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ พอเจอแบบนี้หนูก็เครียด มีร้องไห้ ขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว เครียดหนักมาก
ไพบูลย์ : วันที่เราออกมาเปิดตัวเราแฮปปี้มาก วันที่เราออกมาแถลงข่าวว่าเราคบกัน จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย มีน้อง แต่หลังจากนั้นมันมีฟีดแบ็กอีกแบบ ที่มีเรื่องราวดรามาออกมา
กระต่าย : จริงๆ จะเปิดตัวอยู่แล้ว เราแค่รอเวลาที่เหมาะสม
ไม่ตั้งใจปกปิด แค่รอเวลาที่เหมาะสม
ไพบูลย์ : ไม่เชิงปกปิด ยังไม่ถึงเวลาสมควร ทุกคนในครอบครัว รวมถึงองค์กรรู้อยู่แล้ว แต่เราพยายามรักษาภาพในการเป็นศิลปิน ไม่อยากให้เขามองว่าทำไมมีน้องแล้ว มีลูกแล้ว อุตส่าห์ชอบอุตส่าห์ติดตาม เราตัดสินใจแถลงว่าเราคบกัน เรามีน้องด้วยกัน ตอนนี้น้อง 5 เดือนแล้วครับ
ได้รับผลกระทบหนักทั้งยูทิวบ์และร้านอาหาร จนต้องปิดร้าน
กระต่าย : มีเยอะเลยค่ะ ทั้งยูทิวบ์ และร้านอาหารของเรา โดนปิดกิจการช่วงนึง เพราะคนมาถ่ายรีวิวว่าเรา ต้องปิดนิดนึงให้มันผ่านกระแสช่วงนี้ไปก่อน
ไพบูลย์ : ช่วงแรงๆ 2-3 เดือนแรก ผมทำยูทิวบ์ไม่ได้เป็นเดือน โดนด่า เขามีตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อแบน ดิสไลก์ หรือกลุ่มบูลลี่ที่เขาคุยกัน เรากระทบหนักถึงขนาดทำอะไรไม่ได้ ร้านอาหารเปิดตั้งแต่มิ.ย. พอมาเจอแบบนี้ก็โดนปิดไป 1 เดือน บางคนมาทานอาหารก็ด่าเรา จนเราคิดว่าเราทำยังไงก็ได้เพื่อให้ร้านเราได้พักปรับปรุง รอให้สถานการณ์มันดีขึ้น มันเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดฝัน พอเกิดขึ้นเราก็ต้องทำใจ พยายามคุยกันให้ดีที่สุด พยายามอย่าใช้อารมณ์กับคนมาคอมเมนต์ บางทีเราดูโกรธมาก โมโห ก็ค่อยๆ คุยกัน ใจเย็น
กระต่าย : ตอนนั้นเครียดมาก ไปเปิดโลกออนไลน์ เลื่อนติ๊กต๊อก หรือฟีด คนมาด่าเรา ทักแชตมาก็มี ก็ขังตัวเองในห้อง ไม่อยากเจอใคร เหมือนเราเป็นตัวอะไรไม่รู้ มันอธิบายไม่ถูกเลย ไม่ไปเดินห้าง ไม่ไปไหนเลย เป็นช่วงแรกๆ 1-2 อาทิตย์
ร้องไห้ทั้งบ้าน
กระต่าย : แม่หนูก็ร้อง
ไพบูลย์ : คุณยาย คุณแม่ของผม คุณย่าน้องสายแนน แกก็ร้องไห้ว่าทำไมเกิดเรื่องแบบนี้กับเราได้ ทั้งที่เราพยายามทำทุกอย่างให้มันดี ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ต้องประคองความรู้สึกทุกคน ดีที่เรามีผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษาและเข้มแข้ง กับน้องก็กอด และให้กำลังใจ บอกว่าเป็นพายุ อาจเข้าช่วงพายุใหญ่ เดี๋ยวเราก็ผ่านมันได้ อยู่ที่ว่าเราจะนิ่ง ปล่อยให้คลื่นลมซัดซาให้ผ่านไปก่อน เราก็คุยกันว่าอาจเป็นกรรมที่เราเคยทำตั้งแต่ชาติก่อน ทุกคนมีกรรม อาจมีบ้างที่เราผิดพลาดไป เป็นฟีดแบ็กที่เราต้องได้รับแบบนี้บ้าง แต่ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีกรรม ต้องผ่านกรรมนั้นไป ไม่ว่าจะกรรมดีหรือไม่ดี
ดิ่งเศร้าสุดๆ ในชีวิต จนทะเลาะกัน
กระต่าย : สุดๆ เลยค่ะ สุดๆ ในชีวิต ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ หนูทะเลาะกับเขาเลย ว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทางนี้ก็มากอดเรา ว่าสู้ๆ เดี๋ยวก็ผ่านไป
อยากมีลูกตั้งแต่ปี 63
กระต่าย : ช่วงนั้นเราอยากมีครอบครัว อยากมีคนมาเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ ก็คุยกันว่าอยากได้ลูกแฝด ก็ว่าจะไปทำ สุดท้ายก็มีน้องมาก่อน
ไม่เร็วเกินไป เพราะพร้อมท้องแล้ว
กระต่าย : หนูคิดว่าหนูพร้อมแล้วค่ะ พร้อมมีครอบครัว ถามว่าเร็วไหม ในความคิดเรา เราพร้อมมีลูก และสร้างอนาคต สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตัวเองและลูกเรา
ไม่อยากใช้ชีวิตวัยรุ่น เพราะไม่ชอบเที่ยว
กระต่าย : ส่วนตัวหนูไม่ค่อยชอบเที่ยว เราก็จะอยู่กับยูทิวบ์ และโทรศัพท์ ไม่ค่อยชอบเที่ยว
ไพบูลย์ : เพราะตั้งแต่อายุ 15 เขาก็เริ่มมีคอนเสิร์ต มีงานเพลง เราอยู่กับการทำงานแล้ว ทีนี้เราคุยกันปี 63 ถ้ามีลูก หนูจะมีชีวิตที่เป็นส่วนตัวหลังจากนั้น
กระต่าย : แต่เขาก็พาไปเที่ยวนะคะ อยากไปผับก็พาไป อยากไปทะเลก็พาไปหมดเลย
ไพบูลย์ : จริงๆ แล้วชีวิตวัยรุ่นไม่ได้สำคัญเท่ากับความเป็นตัวเองและครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้หมายถึงดีพร้อม แต่เราต้องเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีเงิน มีอาชีพ มีเวลาให้สุขภาพ
ไพบูลย์ : คนเขาเสพข่าวอีกมุมนึง ที่จริงแล้วผมลาออกจากราชการ ตั้งแต่ปี 61 มันนานแล้ว เราเพิ่งคบจริงจังช่วงต้นปี 63 ตอนนั้นเริ่มหึงหวง
จุดเริ่มต้นความรัก เพราะอกหักเลยปรึกษาครูไพบูลย์
กระต่าย : ช่วงนั้นหนูอกหักค่ะ เลยไปปรึกษา(หัวเราะ) ความคิดผู้ชายทำไมคิดแบบนี้ มันเป็นยังไงทำไมคิดแบบนี้ หนูคิดว่าเขาคือคนดูแลหนู เขาสามารถให้ความอบอุ่น สั่งสอนเราได้ทุกอย่าง
ไพบูลย์ : ที่จริงเราก็ห้าม ไม่อยากให้มีตั้งแต่แรก เพราะเราผ่านการมีแฟนมา รัก เลิกรา หย่าร้าง ถ้าเมื่อไหร่จบด้วยอคติ ไม่พึงพอใจก็จะเป็นปัญหา ผมเลยบอกว่าอย่าเพิ่งมีเลย เอาให้พร้อม หาเงินให้ได้เยอะๆ ผมเครียดเรื่องการวางแผนการเงินมาก ผมวางแผนให้ทั้งครอบครัวน้อง เด็กในค่ายก็เหมือนกัน หาเงินให้ได้เยอะๆ ก่อน เมื่อไหร่มีฐานะ มีเงิน คนรักก็จะมาเอง
รักเพราะความเมตตา เห็นอกเห็นใจกัน
ไพบูลย์ : เป็นความเมตตา เห็นอกเห็นใจกัน เกิดจากความใกล้ชิด สงสาร บางครั้งครอบครัวน้อง แม่ไม่สบาย เขาไม่มีคนดูแล ผมก็ไปช่วย พ่อแม่มีปัญหาเป็นหนี้ ก็ให้เอาตรงนี้ไปช่วย ตอนแรกพ่อแม่ไม่โอเค มีช่วงนึงกำลังไปคอนเสิร์ตใหม่ๆ บอกว่าไม่อยากให้คบกับใคร ไม่อยากให้มีเรื่องชู้สาว ถ้ามีกับครูหรือใครก็แล้วแต่จะให้เลิกทำ ให้กลับไปเรียน เราจึงเซฟตัวเองมาก จะคุยกันเฉพาะเรื่องงาน
ถามว่าไปหึงเขาได้ยังไง ช่วงเขามีเพื่อนผู้ชายคุยนั่นแหละ ประมาณต้นปี 63 รู้สึกเราไม่มีใคร เราเคว้งคว้างมานาน คุยมาเรื่อยๆ ไม่มีความจริงจังเลย สุดท้ายเราจะตั้งหลักยังไงได้ ก็เริ่มหาแล้ว พอดีน้องอยู่ใกล้ เราซื้อบ้านใกล้กัน ความใกล้ชิดเพิ่มขึ้น รู้สึกว่าเขามาเติมเต็มเราในส่วนที่ขาดไป เขาก็รักแม่ รักลูกของเรา รักน้องสายแนน รักทุกคนในครอบครัว เขาสนิทกับทุกคนในครอบครัวมาก
เผยสาเหตุยอมเปิดใจ
กระต่าย : เขาเป็นคนมีความเป็นผู้นำสูง อบอุ่น สามารถช่วยเหลือเราตลอดเวลา ไม่ว่าแม่ป่วยหรือหนูเป็นอะไร เขาจะซัปพอร์ตเราตลอดเวลา เริ่มแรกแม่ห้ามตั้งแต่เริ่มรู้ว่าเราเริ่มคบกันปี 63 ก็ด่าเราว่าทำไมมีแฟนเร็วจัง แม่ก็ทะเลาะกัน สุดท้ายก็โอเค คุยกัน
เอาชนะใจคุณแม่ฝ่ายหญิงจนได้รับการยอมรับ
ไพบูลย์ : ผมให้ใจ และให้ทุกอย่าง เรื่องเงินให้เห็นเป็นอันดับแรกว่าผมได้เท่านี้ แบ่งน้องเท่านี้ เหลือเท่านี้ เราชัดเจน แม่ก็รู้สึกว่าเราเคลียร์ ครอบครัวผมก็มีเท่านี้ เราเกิดจากความยากจน เราเลยเกิดความเห็นอกเห็นใจ ถามว่าใช้เวลาพิสูจน์นานไหม พาร์ตแรกคือความจริงใจในเรื่องการทำงานก่อน ซื่อสัตย์ซื่อตรง พอรู้ว่าเราแอบชอบ หรือรูสึกดีต่อกัน คุณแม่ก็เริ่มมองว่าพร้อมไหม อนาคตเป็นยังไง ถ้าวันนึงไม่มีกระแสแล้วจะอยู่ยังไงต่อ ผมจริงใจไหม ตอนนั้นผมก็คุยไปเรื่อย (หัวเราะ) แม่มักพูดว่าครูหยุดได้หรือยัง ไม่ได้เจ้าชู้ เหมือนผู้ชายทั่วไป เมื่อไม่มีใคร จะไปไหนกับใครก็ได้ ตอนนั้นก็ไม่มั่นใจ มีทะเลาะกัน คุณแม่เข้าข้างกระต่ายมาก จนผมต้องแอบตามไปข้ามหลัง เราระแวงว่าเขาจะชอบเราหรือเปล่า เขาจะโอเคกับเราหรือเปล่า
รู้ว่ามีครอบครัวแล้ว แต่เป็นแค่อดีต
กระต่าย : รู้ค่ะ แต่เรื่องมันก็จบไปตั้ง 3 ปีแล้ว มันเป็นอดีตค่ะ
ไพบูลย์ : ตอนนั้นแม่น้องก็เซฟน้องมาก ถ้าคบครู แม่ก็บอกว่าเลิกทำงาน ให้กลับไปเรียนอย่างเดียว แต่ผมไปขอร้องเองว่าน้องจะดังนะ ให้ทำงานต่อไปด้วยกัน แม่พี่ชายพ่อไปกับน้องหมดเลย ในตอนนั้น
อายุห่างไร้ปัญหา
ไพบูลย์ : ห่างกัน 12-13 ปี บางทีเขาคิดเหมือนเด็ก
กระต่าย : เขาหัวโบราณ ไม่ทันศัพท์วัยรุ่น พอเราอธิบาย บางครั้งไม่เข้าใจ กลายเป็นเครียด
ไพบูลย์ : มันจะหยอกเรา แต่มุกมันแป้ก บางทีเอาข่าวเป็นกระแสมาพูด ผมก็อิหยังวะ (หัวเราะ) หยอกๆ กัน
เผยข้อตกลงในการคบหา
กระต่าย : หนูขอตังค์เดือนละ 5 หมื่นได้มั้ยจะเอาไปซื้อเสื้อผ้า นอกเหนือจากเงินเดือน (หัวเราะ) บางครั้งเราอยากได้ เราก็เก็บไว้ในตู้
ไพบูลย์ : มันก็ไม่ได้หรอก เราไม่ได้มีเงินซัปพอร์ตขนาดนั้น
กระต่าย : ตอนแรกก็ให้อยู่ค่ะ
ไพบูลย์ : ผมให้เดือนแรก แต่เดือนต่อมาเริ่มไม่ให้เพราะมันไม่จำเป็นแล้ว เราก็ถามว่าทำไม เขาบอกว่าใส่แล้วคนจำได้ ถ่ายรูปลงแล้วคนจำได้ เดี๋ยวคนมาแซะว่าใส่ชุดเดิม พวกแบรนด์เนมก็ให้ตามโอกาส ส่วนน้องส่วนใหญ่ใส่ชุดแฟชั่น
กระต่าย : เราใส่ถ่ายเอ็มวี ก็เปลี่ยนแล้ว ไม่ได้ใส่อีก
ไพบูลย์ : ก็ได้แค่เดือนเดียวนั่นแหละ (หัวเราะ)
โมเมนต์คำว่าแม่ ช่างยิ่งใหญ่
กระต่าย : คำว่าแม่ยิ่งใหญ่มากๆ จากที่เราไม่ค่อยอดทน เราก็อดทนมากขึ้น จากที่เราไม่เสียสละให้ใคร เราก็เสียสละให้เขา หนูคิดว่ามันยิ่งใหญ่มาก เวลาหนูมางาน หรือออกไปทำงาน คุณยายก็ดูแลแทน หนูรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น คิดมากกว่าทำ แต่ก่อนถ้าจะทำก็ทำไปเลย แต่ตอนนี้คิดหนักมาก จะถามแม่ ถามสามี ถามคนในครอบครัวว่าเราจะทำดีไหม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปถึงเขา ตอนนี้น้องอายุ 5 เดือน
รับคลอดก่อนกำหนดเพราะเครียด หวั่นมีผลกระทบตามมา
กระต่าย : ตอนนั้นหนูเครียดค่ะ ถ้าเรามีน้องแล้วจะเป็นยังไง เครียดหลายเรื่องค่ะ ถ้าคลอดไปแล้วจะมีผลกระทบอะไรตามมา คิดถึงงานยูทิวบ์ด้วย เพราะไม่ได้ลงอะไรเลย รายได้ก็ตกมาก น้องก็แข็งถี่ๆ ตลอด 5 นาที ก็ไปหาหมอตรวจ หมอได้ฉีดยา และให้กินยา สุดท้ายได้ผ่าคลอด เพราะหนูปวดท้องมาก มีน้ำออกมาด้วย หมอเลยผ่าเลย เราตื่นเต้น เพราะไม่เคยเข้าห้องผ่าตัดเลย เป็นครั้งแรก เขาบล็อกหลัง ขาก็ยกไม่ได้ ให้เราตะแคง เราก็กลัวด้วย และอยากเห็นหน้าน้องด้วย หมอบอกว่าขอลองมีดก่อนนะ แล้วก็ปาดไปเลย แต่เราไม่ได้รู้สึก หลังจากถ่ายรูปกับน้อง หนูก็สลบไปเลยค่ะ 4 ชม. ตอนนี้ก็อยากมีลูกสาวเพิ่มอีกคนพอค่ะ
อนาคตจะตอบลูกยังไงเรื่องนี้?
ไพบูลย์ : เราจะให้เรื่องความรักมากกว่า โตขึ้นเขาจะได้เรียนรู้เอง ผมรักลูกทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะน้องสายแนน ผมตั้งเป้าไว้ว่าอยากส่งเขาเรียนต่างประเทศ เราเกิดมา เรายากจน พอเราหาได้บ้างก็อยากส่งเสียให้เขาได้รับการศึกษา คุณภาพชีวิตที่ดี ผมจึงเลือกว่าสายแนนจะไปที่ไหน เพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคต
กระต่าย : หนูให้ความอบอุ่น พาเขาทำกิจกรรม ถ้าเขาโตขึ้นเขาอาจจะเข้าใจกับสิ่งที่เป็นอยู่