เคลื่อนศพ “อ๊อด คีรีบูน” นักร้องชื่อดังยุค 80 ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง เมื่อคืนที่ผ่านมา บรรยากาศพิธีรดน้ำศพเป็นไปด้วยความอาลัย
เดือนนี้วงการบันเทิงไทยสูญเสียศิลปินติดๆ กันจนน่าใจหาย ล่าสุดเมื่อเวลา 22.15 น. ของวานนี้ (16/ ต.ค./64) นักร้องดังยุค 80 “อ๊อด คีรีบูน” หรือ “รณชัย ถมยาปริวัตน์”ได้เสียชีวิตในวัย 57 ปี จากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งสมอง หลังรักษามาหลายปี สร้างความรู้สึกช็อกและเสียใจให้กับครอบครัวและเพื่อนพ้องในวงการบันเทิง รวมถึงแฟนคลับที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก
โดยวันนี้ครอบครัวได้นำร่างของนักร้องผู้ล่วงลับ มาประกอบพิธีทางศาสนา ที่ศาลา 2 วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร จ.นนทบุรี โดยมีพิธีรดน้ำศพ เวลา 15.30 น. จากนั้นมีกำหนดสวดอภิธรรม เวลา 18.30 น. เป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ทางครอบครัวยังไม่กำหนดวันฌาปนกิจ เนื่องจากอาจจะเก็บร่างไว้ 100 วัน
ภายในงานนอกจากครอบครัวและญาติสนิทแล้ว ยังมีคนในวงการบันเทิงเดินทางมาร่วมไว้อาลัย “อ๊อด คีรีบูน” เป็นครั้งสุดท้าย อาทิ “ชมพู ฟรุตตี้” สุทธิพงษ์ วัฒนจัง, “ปิง ฟรุตตี้” สมพร ปรีดามาโนช, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์รวมไปถึงเพื่อนๆ วงคีรีบูน ซึ่งวันนี้มาทั้งหมด 3 คน ได้แก่ พิพัฒน์ นิลประภา, อาทิตย์ นามบุญศรี, ไพศาล อัญญธนานอกจากนี้ยังมีคนดังร่วมส่งพวงหรีดมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวเป็นจำนวนมาก อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์, หลุยส์ สยาม สังวริบุตร, ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์, “ตูน บอดี้สแลม” อาทิวราห์ คงมาลัย, ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ และ ดีเจต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ฯลฯ
โดยภายหลังพิธีรดน้ำศพเสร็จสิ้นลงภรรยา “เอ้ก ปภัสสรา ถมยาปริวัฒน์”และลูกสาว “เอิ้ก ชมนวรรณ ถมยาปริวัฒน์”ก็ได้ออกมาเผยความรู้สึกทั้งน้ำตา ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ของบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวว่า…
ภรรยา : “พี่อ๊อดไม่ยอมให้บอกใครเลยว่าป่วย พี่อ๊อดป่วยมาตั้งแต่ปี 59 แล้ว แต่ว่าพี่อ๊อดเข้มแข็งมาก ยังทำงานปกติเลยค่ะ เหตุผลที่ไม่ยอมให้บอกใคร ก็เพราะพี่อ๊อดมีแฟนเพลงเยอะ คนรักพี่อ๊อดเยอะ ไม่อยากให้ใครห่วงค่ะ เขาใจสู้มาก ในการต่อสู้กับโรคต่างๆ เพราะว่าพี่อ๊อดคิดเสมอ ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร เขาคิดเสมอว่าเขาต้องหาย เขาเป็นคนป่วยกำลังใจดีค่ะ เราก็กำลังใจดีตามเขา
คือจริงๆ พี่อ๊อดเป็นมาตั้งแต่ปี 59 ผ่าตัดเริ่มมาจากมะเร็งปอด แต่ว่าอาการก็คงที่โรคมันไม่ได้ลุกลามไปไหน จนมาปลายปีที่แล้ว โรคมันมาที่สมอง พี่อ๊อดผ่าสมองไป 2 ครั้ง พอมาเดือนเมษาปีนี้ พี่อ๊อดก็เริ่มจะทรุดลง โรคมันเริ่มลุกลามมากขึ้นค่ะ เริ่มทรุดมากๆ เลย คือเดือนมิถุนายนค่ะ เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เข้า 10 วันออกมา 20 วัน ตั้งแต่เดือนมิถุนาค่ะ
สิ่งที่พี่อ๊อดเป็นห่วง ก็น่าจะห่วงบริษัทค่ะ เพราะว่าพี่อ๊อดทำโรงเรียนดนตรี ช่วงนี้ติดโควิดด้วย พี่อ๊อดก็ห่วงคุณครูค่ะ ตอนนี้ก็เลยให้ลูกสาวมาทำแพลตฟอร์มออนไลน์ค่ะ พี่อ๊อดเขาดีที่สุดแล้ว พี่อ๊อดเกิดมาเพื่อให้ มีแต่เป็นห่วงทุกคน ไม่ห่วงตัวเขาเองเลย”
ลูกสาว : “จริงๆ เหมือนคุณพ่อเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทรุดลงหรือจะไป ทุกครั้งที่เข้าออกโรงพยาบาล คุณพ่อก็จะมีหวังตลอด ว่าเดี๋ยวจะหาย จะลุกขึ้นมาวิ่ง กลับไปเตะบอล (สะอื้น) ก็เลยไม่ได้พูดถึงการสั่งเสียในลักษณะนั้นไว้ แต่ว่าหนูเองก็จะบอกกับคุณพ่อตลอด ด้วยความที่รู้ระยะโรคของคุณพ่อ ก็จะไม่อยากให้คุณพ่อห่วง บอกว่าไม่ต้องห่วงนะ คุณพ่อปล่อยเลยอะไรที่ปล่อยได้ ปล่อยแล้วเดี๋ยวลูก ครอบครัวทุกคน ก็จะมาช่วยดูแล ในสิ่งที่คุณพ่อห่วงเอง
คุณพ่อเป็นเหมือนไอดอลของหนู (สะอื้น) ไม่ใช่แค่เป็นคุณพ่อ แต่ว่าเป็นคนที่หนูอยากเอาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต ในการทำทุกๆ อย่างให้เหมือนเขา อยากแคร์คนอื่น อยากรักคนอื่น อยากสร้างความสุข อย่างที่คุณพ่อเคยทำ
ถ้าพูดจริงๆ คือคุณพ่อจะพูดตลอดเลย ว่าให้หนูทำในสิ่งที่หนูรัก ให้หนูทำในสิ่งที่หนูมีความสุข แล้วใช้สิ่งที่เรารัก ไปสร้างความสุขให้คนอื่น แบบนั้นเราก็จะมีความสุขไปด้วย เราก็จะมอบความสุขให้คนอื่นได้ด้วย เป็นสิ่งที่หนูจำมาตลอด แล้วก็พยายามทำแบบที่คุณพ่อทำ”
รักดนตรีจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ลูกสาว : “ใช่ค่ะ”
ภรรยา : “ก่อนที่พี่อ๊อดจะเสียประมาณ 3 วัน ก่อนเข้าโรงพยาบาลรอบนี้ คือพี่อ๊อดมีอาการสับสนทางสมอง พี่อ๊อดร้องออกมาเป็นเพลง เหมือนกำลังขึ้นคอนเสิร์ตอยู่ แต่ว่าร้องออกมา เป็นภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่อง แต่เรารู้ว่าเขาร้องเพลงอยู่ มีโบกไม้โบกมือให้แฟนเพลง คือมันยังอยู่ในใจเขาอยู่แล้ว เขาชอบมอบความสุขให้กับคนค่ะ”
จริงๆ มีแพลนที่จะมีคอนเสิร์ตไหม
ภรรยา : “จริงๆ พี่อ๊อดก็มีคอนเสิร์ตตลอดอยู่แล้วค่ะ มันก็เลยเป็นอะไรที่อยู่ในใจเขาว่าเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต”
วันนี้สูญเสียหัวหน้าครอบครัวไป แต่ยังมีลูกสาวที่มาสานต่อ
ภรรยา : “คือคุณพ่อเขาก็ฝากลูกไว้ ก็คิดว่าลูกน่าจะทำในสิ่งที่คุณพ่อทำเอาไว้ คือคุณพ่อทำโรงเรียนดนตรีมา 20 กว่าปี ตอนคุณพ่อป่วยหนัก ลูกก็เข้ามาช่วยคุณพ่อดู คุณพ่อเห็นในสิ่งที่ลูกทำ ก็ค่อนข้างสบายใจค่ะ กับผลงานที่ลูกทำออกมา จากที่เขาเป็นคนที่ไม่อยากทำเลย แต่พอคุณพ่อป่วย เขาสามารถทำได้ดีค่ะ คุณพ่อก็เลยสบายใจ”
มีได้พูดอะไรก่อนจากไปไหม
ภรรยา : “อย่างที่ลูกบอกว่าเขาไม่เคยเตรียมตัวว่าจะไป เพราะพี่อ๊อดสู้เสมอ เขาคิดตลอดว่าจะหาย จะกลับไปทำงาน”
แฟนๆ ช็อกกับการจากไป
ภรรยา : “ใช่ พี่อ๊อดไม่ได้บอกใครเลย นอกจากที่ใกล้ชิดจริงๆ แม้กระทั่งพี่อ๊อดนอนป่วยอยู่ มีคนโทรมา ปลายสายจะไม่รู้เลย ว่าพี่อ๊อดนอนป่วยอยู่ เพราะจะคุยปกติมาก”
ไม่เคยโกหกแต่พยายามเลี่ยงตอบเพราะพี่อ๊อดไม่ต้องการให้ใครรู้
ภรรยา : “คือจริงๆ ก็ไม่เคยโกหกใครนะคะ เวลาใครถาม ก็จะบอกช่วงนี้โควิด พี่อ๊อดทำงานออนไลน์อยู่ เราก็จะเลี่ยงตอบ เพราะสิ่งที่พี่อ๊อดไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เรารู้เจตนาเขา เราก็เลี่ยงคำตอบเอา”
ลูกสาว : “จริงๆ เราเอาคุณพ่อเป็นหลัก ที่พูดอะไรสั่งอะไรไว้ หนูจะเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อ หนูค่อนข้างจะเข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อ เวลาที่ต้องทำงานไปด้วย อย่างเวลาขึ้นคอนเสิร์ตก็ป่วยแล้ว แต่ความรู้สึกเขา คืออยากขึ้นไปมอบความสุขให้คน หนูก็จะเคารพตรงนั้น สิ่งที่คุณพ่ออยากทำ สิ่งที่ไม่อยากให้คนอื่นเป็นห่วง”