"อยู่เมืองนี้ อย่ารู้เยอะ”
เรียกว่าแค่จั่วหัวขึ้นมาดังกล่าวก็ทำเอาหลายคนอยากดูขึ้นมาทันทีสำหรับออริจินัลซีรีส์ไทยเรื่องที่ 2 ของ Netflix อย่าง "Bangkok Breaking มหานครเมือง(ห)ลวง"
ยิ่งนับรวมไปกับทีมงานทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า ไล่ไปตั้งแต่ "ก้องเกียรติ โขมศิริ" (ลองของ, ไชยา, เฉือน, ขุนพันธ์ ฯลฯ) ในฐานะผู้กำกับ, "ปราบดา หยุ่น" นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง รวมถึงนักแสดงฝีมือดี นำโดย เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารส, ออม สุชาร์ มานะยิ่ง, แบงค์-ปวริศร์ มงคลพิสิฐ ฯลฯ
ทั้งหลายเหล่านี้ก็เลยทำเอาหลายคนคาดหวังไม่น้อยกับซีรีส์เรื่องนี้
Bangkok Breaking ว่าด้วยเรื่องราวของ "วันชัย" หนุ่มบ้านนอกที่ตัดสินใจเดินทางมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ตามคำแนะนำของ "โจ้" พี่ชาย ทว่าเพียงแค่วันแรกที่เดินทางมาถึง เขาก็ต้องกลายเป็นแพะรับบาปในการเสียชีวิตของพี่ชายจากอุบัติเหตุทำให้เขาตัดสินใจเข้าทำงานในมูลนิธิหน่วยอาสากู้ภัย และนั่นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ "แคท" นักข่าวหญิงที่พยามค้นหาความจริงอันน่ากลัวที่ถูกปกปิกไว้
แน่นอนว่าด้วยพล็อตเรื่องดังกล่าวทำให้มีบางคนนำเอาซีรีส์เรื่องนี้ไปโยงกับเรื่องราวกับบรรยากาศทางการเมืองอย่างช่วยไม่ได้ โดยมีบางคนก็เลือกใช้คำด้วยการเปรียบเปรยชีวิตคนบ้านนอกตลอดจนคนจนที่เข้ามาทำมาหากินในกรุงเทพทำนองว่าเป็นชนชั้นกระฎุมพี ขณะที่คนกรุงเทพเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกศักดินาที่ทำทุกอย่างที่จะกดหัวคนอื่นเพื่อความสบาของตนเองไปโน่นเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหลังออกอากาศไปแล้วแม้โดยรวมจะไม่ได้ขี้เหร่อะไรทว่าก็ทำเอาหลายคนผิดหวังไม่น้อย
โดยสิ่งที่หลายๆ คนเห็นตรงกันว่า "มีปัญหา" ก็เห็นจะเป็นในส่วนของบทและประเด็นที่จะบอก ซึ่งแม้ซีรีส์จะมีการปูทางและผูกเรื่องได้ค่อนข้างจะน่าสนใจแต่สุดท้ายการเล่าเรื่องกลับทำออกมาไม่ชวนตื่นเต้นเอาเสียเลย
หลายประเด็นก็ดูขาดความสมเหตุสมผล ปมปัญหาหลายเรื่องถูกตัดจบอย่างรวบรัดด้วยความบังเอิญ ขณะที่บางเรื่องก็เป็นประเด็นเดิมๆ ที่หลายคนรับรู้กันอยู่แล้ว กระทั่งทำเอาคำโปรยอย่าง “อยู่เมืองนี้ อย่ารู้เยอะ” ต่างๆ นั้นกลายเป็นการโฆษณาที่ดูเวอร์วังอลังการเกินจริงไปมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนชื่นชมเหมือนกันๆ ก็เห็นจะเป็นในเรื่องของโปรดักชันที่ทำออกมาได้ไม่แพ้มาตรฐานต่างประเทศ ส่วนเรื่องฝีมือในการแสดงของแต่ละคนนั้นไม่ต้องพูดถึงแต่ด้วยความที่อาจจะเป็นเพราะบทไม่ส่งเท่าไหร่ทำให้เนื้อเรื่องดูไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร
ยกตัวอย่างในส่วนของตัวละครอย่าง "ศักดิ์" (แบงค์ ปวริศร์ มงคลพิสิฐ) ซึ่งถูกสร้างปมความน่าสงสัยและดูท่าจะเป็นตัวละครที่มีความสำคัญๆ ไม่น้อย แต่เอาเข้าจริงๆ ซีรส์กลับไม่อธิบายและขยายว่าเพราะอะไรทำไมตัวละครตัวนี้ถึงเป็นเช่นนั้น โดยปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งหลายคนพยายามมองว่าอาจจะเป็นเพราะซีรีส์นั้นมีความยาวเพียงแค่ 6 ซีซันเท่านั้นทำให้การเล่าเรื่องดูขาดๆ เกินๆ แต่กระนั้นบางคนก็มองว่าตรงนี้ไม่น่าจะใช่ปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับกระแสวิจารณ์ในต่างประเทศของ Bangkok Breaking นั้นก็ต้องบอกว่าเป็นไปในระดับกลางๆ ไม่ถึงกับห่วยและก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรมากมาย
โดยในเวบไซต์อย่าง decider.com ที่ระบุว่า Bangkok Breaking นั้นชวนให้นึกถึง หนังแฟรนไชส์ Fast And Furious มากกว่าเรื่องอื่นเพราะการเปิดเรื่องชวนให้คาดคิดซีรีส์จะมีการไล่ล่าและซากปรักหักพังครั้งใหญ่มากขึ้นเมื่อซีรีส์ดำเนินต่อไป
"เราคิดว่าแนวคิดเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างมูลนิธิต่างๆ ในหนังดูสับสนนิดหน่อย ไอเดียของรถพยาบาลเอกชนไม่ใช่ของใหม่ ในสหรัฐอเมริกา แต่นี่เมืองไทย ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นการแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย และกลายเป็นการคอรัปชั่น แม้จะเรียกว่าเป็นมูลนิธิ แต่ก็แยกแยะยากว่าพวกเขาทำเรื่องเหล่านี้เพื่อผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งนี่ก็คือโลกตัว "แคท" และ "วันชัย" ต้องแทรกซึมเข้าไป ซึ่งในตอนแรกของซีรีส์ก็เซ็ตเรื่องได้ดีพอสมควร"
"อย่างไรก็ตาม แม้ ก้องเกียรติ โขมศิริ และ ปราดา หยุ่น จะสร้างเรื่องราวที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่มันก็ยังดูยากว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะต้องมาพังพินาศเพราะความซับซ้อนของมัน หรือจะกลายเป็นความระทึกขวัญที่เข้มข้น?"