กลายเป็นกรณีถกเถียงกันยกใหญ่ถึงการทำงานของสื่อมวลชนในเหตุการณ์ “อดีตทหาร” กราดยิงจนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ว่าเป็นการนำเสนอที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะเกรงว่าถ้านำเสนอแบบเรียลไทม์ทุกอย่างอาจจะไปซ้ำรอยของ “จ่าคลั่ง” ที่ก่อเหตุกราดยิงที่โคราชก็เป็นได้
แต่หนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากก็คงหนีไม่พ้น “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ที่แม้หลายคนยกย่องว่านี่แหละจรรยาบรรณของนักข่าวตัวจริง กับการนำเสนอคลิปเสียงที่เจ้าตัวได้พูดคุยกับคนร้าย หลังจากที่คนร้ายเข้ามอบตัวกับ ตร.ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงจะมีคนรักก็ย่อมมีคนจับผิดเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน หลายคนที่เกิดข้อสงสัยว่าทำไมต้องไปให้พื้นที่กับคนแบบนี้หรือทำไม “หนุ่ม กรรชัย” ถึงต้องไปให้กำลังใจด้วย ด้านเจ้าตัวเผยกลางรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” พร้อม “หมวย อริสรา กำธรเจริญ” ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการให้พื้นที่คนร้ายแต่อย่างใด ย้ำชัดตนเองไม่ได้เป็นคนเกลี้ยกล่อม ส่วนการให้กำลังใจเป็นการทำตามสถานการณ์ที่คนร้ายกำลังจะมอบตัว
“อยากจะบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เราไม่ได้เป็นคนเกลี้ยกล่อม แต่เป็นแม่ของผู้ต้องหา และช่วงเบรก เราได้มีติดต่อเข้าไปจริง แต่ก่อนหน้านี้เราได้คุยกับเขาไปแล้ว เขาก็บอกว่าแม่ติดต่อมาแล้ว ให้มอบตัว เราก็แนะนำไปว่าให้วางปืน ให้ยกมือออกไป”
ส่วนหลายคนมองว่าทำไมต้องไปให้กำลัง คือ การให้กำลังใจกัน ผมอาจจะไม่ได้รู้ทฤษฎี แต่ก็รู้หลักจิตวิทยาว่าควรจะพูดกับคนที่จะมอบตัว ถ้าพูดไปว่าออกไปเลย เดี๋ยวอาจจะมีการยิง ซึ่งคนที่จะเดือดร้อนคือตัวประกัน ผมและทีมงานก็ช่วยกันประเมินสถานการณ์ให้ทุกอย่างเบาบาง มันคือเหตุการณ์ไม่ใช่เหตุผล ไม่ได้มีความคิดว่าจะเห็นใจคนร้าย และที่เอามาคลิปมาเปิด คือหลังจากที่เขามอบตัวไปแล้ว เปิดให้ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ให้พื้นที่กับคนแบบนี้ ไม่ได้อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดเป็นเยี่ยงอย่าง และไม่ได้ตั้งใจจะโทร.ไปคุย เป็นความบังเอิญมากกว่า และที่ผมคุยกับเขา ผมต้องการที่จะฟังว่าเขาโดนอะไร โอเคเขาอยากระบาย เราก็รับฟัง และเราก็ประเมินสถานการณ์ตลอด และตอนนั้นเขาเกาะติดสถานการณ์ในเฟซบุ๊ก ว่าใครพูดถึงเขายังไงบ้าง
และเรามั่นใจว่า ถ้าเรานำเสนอไปสดๆ เขารู้แน่ๆ อีกอย่างเขาแค่ต้องการระบาย เราก็แค่รับฟัง ไม่ให้เขาไปทำร้ายตัวประกัน เข้าใจว่าผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ เพราะที่ต้องคุย คือ ทีมงานโทร.ไปแล้วเขาวางสาย ผมก็เลยบอกว่านี่กรรชัยนะ เขาก็บอกว่าชื่อคุ้นๆ นะ ผมก็บอกว่าได้คุยกับเพื่อนคุณแล้ว เห็นว่าจะไปเรียนอเมริกา แต่ทั้งหมดคือหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่หน้าที่ของเรา มันเป็นจังหวะและความบังเอิญเท่านั้นเอง”