"ดาวใจ ไพจิตร" ประกาศขายโรงเเรม-สปาหรู-โรงละครโอเปร่า เฮาส์ พร้อมที่ดินย่านสุขุมวิท ตัดใจลดกระหน่ำจาก 300 ล้าน เหลือ 240 ล้าน จะเอาเงินไปสร้างวัดและแจกพนักงาน เจ้าตัวตอบตรงๆ ถังแตกจริงไหม
ทำเอาตกใจไปตามๆ กัน หลัง "ดร.ดาวใจ ไพจิตร" ตัวแม่วงการเพลงลูกกรุงไทย ออกมาประกาศขายกิจการที่สร้างมากับมือ ทั้งโรงแรม สปาหรู และโรงละครโอเปร่า เฮาส์ ย่านสุขุมวิท ในราคา 240 ล้าน โดยเจ้าตัวเปิดใจผ่านรายการ “คุยแซ่บSHOW” ทางช่องวัน 31 เผยถึงสาเหตุที่ตัดใจประกาศขายสมบัติทิ้งทุกอย่าง ทั้งที่เป็นสิ่งที่รักและหวงแหนมาก
"ก็มีประกาศขายโอเปร่า เฮาส์ เราก็มีกิจการอยู่ 3 อย่าง คือโอเปร่า เฮาส์ โรงแรม และก็สปา ซึ่งอยู่ในที่เดียวกันคือ สุขุมวิท 71 ซอยปรีดีพนมยงค์ 14 ติดทางด่วน ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งเราก็ทำมา 10 กว่าปีแล้ว ตอนนี้อยากรีไทร์ตัวเอง"
"ตอนที่เราทำขึ้นมาเรามีความรักในงานนี้มาก เราอยากให้เป็นที่ยืนของศิลปิน รุ่นเก่าที่แทบจะไม่มีเวทียืนแล้ว ที่นี่ก็น่าจะเป็นที่ยืนของพวกเขาได้ ก็เลยตั้งชื่อวงไว้ว่าดาวค้างฟ้าขึ้นมา แล้วก็เป็นที่พึ่งของศิลปินที่ป่วยไข้ เราก็ไปเยี่ยมไข้ ภายใต้หลวงพ่ออลงกตวัดพระบาทน้ำพุ ท่านเป็นคนบอกให้เราทำ และช่วยสนับสนุนมาตลอด ก็ทำกันมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว ก็ตั้งใจว่าจะทำสัก 10 ปี แล้วจะหาคนที่ใจบุญแบบเรามาช่วย ทำงานกันต่อหรือว่าจะให้เราช่วยบริหารก็ได้ ซึ่งโดยปกติ แล้วเราเป็นโยมอุปัฏฐาก เป็นอุบาสิกาอยู่หลายวัด เช่น วัดพระบาทน้ำพุ วัดสังฆทาน และเราก็ไปนั่งวิปัสสนา กรรมฐานที่อุดรเป็นประจำ ทุกวันเสาร์"
"อย่างปีที่แล้วเราได้ทอดกฐินไป 35 วัด ที่ทำไม่ใช่เราร่ำรวยกว่าใคร แต่เป็นเพราะเขาตกค้าง คือไม่มีใครไปทอด ปีที่แล้วมีโควิดซึ่งมันก็ไม่เท่านี้ ปีนี้เราก็เลยเหมามาเลย แล้วก็ไปบอกพรรคพวก ทั้งหมด 35 วัด ซึ่งเราก็เอาบุญไปบอกเพื่อนๆ คือถ้าเรามัวแต่มาบริหารที่นี่ การทำบุญต่างๆ ก็จะไม่สะดวก"
แจงที่ขายธุรกิจเพราะอยากรีไทร์ตัวเอง
"ใช่ เพราะเราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เราอายุ 70 แล้ว บางครั้งยังนึกว่าตัวเอง 40 ไปไหนมาไหนใครๆ ก็บอกว่าแข็งแรงมาก คือถ้ามีคนมาซื้อไปหรือมารับบริหาร หรือมาจับมือกันทำ เราก็จะเบาลง เพราะถ้าเราอายุมากกว่านี้เราก็จะไปไหนไม่ค่อยไหวแล้ว"
พร้อมเผยเหตุผลที่ประกาศขายออกสื่อ ทั้งที่คนในวงการส่วนใหญ่เวลาจะขายอะไรจะปากต่อปาก จะไม่ค่อยออกสื่อ
"เพราะเราคิดว่าเป็นสิทธิ์ของเรา และเราก็มีเจตนาบริสุทธิ์ เราทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด ใครๆ ก็จะรู้ว่าเรานึกถึงคนอื่นเสมอ เพื่อนในวงการรู้ว่าเราเป็นผู้เสียสละ โอเปร่า เฮาส์ ถือว่าเป็นต้นโพธิ์ เป็นที่พักพิกที่หนึ่งของเหล่าศิลปิน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำมาตลอดทุกคนก็ภูมิใจ ทุกวันนี้ก็ยังดูแลกันอยู่ ถ้าเราจะออกมาขายหรือเปลี่ยนมือ มันมีอยู่ 3 ส่วน มีโอเปร่า เฮาส์ โรงแรม และสปา ก็อาจจะซื้อไปบางส่วนก็ได้ หรือจะซื้อหมดก็ได้ ก็แล้วแต่ ตอนนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น"
"เรามาบอกที่นี่เป็นที่แรก เพราะเราเคยมาออกรายการนี้และเราก็ดูเป็นประจำ แต่กว่าจะประกาศขายก็ทำใจอยู่นาน เพราะมีศิลปินที่เป็นเจ้าของโอเปร่า เฮาส์ เราคิดว่าไม่น่าจะมีเกิน 3 คน และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะไม่ยิ่งใหญ่แต่เราก็ตั้งใจปั้นด้วยความรู้สึกที่ดีงาม มีครบทุกอย่าง จุคนได้ 500 คน ทุกอย่างสะอาดและพร้อมหมด"
"เราทำงานด้านนี้ เราทำการแสดงมาเป็นร้อยๆ เรื่องแล้ว เราอยู่ที่นี่มาเป็น 10 ปีแล้ว เราก็ทำเต็มที่ เพียงแต่เราตั้งเข็มกับตัวเองไว้แล้วว่า ถ้าเราอายุเท่านี้ เราจะรีไทร์ เราก็เลยออกมาประกาศให้ผู้ใจบุญที่มีสตางค์ และมีพลัง มีศรัทธาต่อศิลปิน ถ้าพูดถึงเรื่องธุรกิจ ที่นี่ก็ทำธุรกิจได้ดี เพราะในซอยนี้หลังบ้านมีคอนโด 7 แห่ง ขายหมดแล้ว และก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้า"
ต่อคำถามที่ว่า ถ้าเป็นคนอื่นออกมาประกาศขายแบบนี้ต้องมีแอบเขิน แต่ทำไมเราถึงไม่อาย เจ้าตัวก็บอกว่า...
"เราไม่ได้ทำเสียหายอะไร คนเราจะอับอาย ก็ต่อเมื่อเราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราทำสิ่งที่ถูกต้องเราจะอายทำไม แต่เราก็วิเคราะห์ดูแล้ว เราบอกประชาชนไปเลยดีกว่า ถ้าได้คนที่มีศักยภาพมารับไม้ต่อจากเราไป เราก็มีความสุข เราก็สามารถทำบุญได้มากขึ้น ยิ่งคนที่มามีวัตถุประสงค์เดียวกับเราก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะปัจจุบันนี้ ดาวใจก็ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องที่เป็นนักบุญคนหนึ่ง ไปไหนก็มีแต่คนยกยอเป็นอุบาสิกาชั้นยอดเลย แล้วตระกูลของเราก็เป็นตระกูลนักบุญ ทั้งปู่ย่า ตา ยาย"
ตอนนี้ปิดกิจการตามมาตรการป้องกันโควิด
"ช่วงนี้ปิดเพราะเราต้องปิดตามระบบของกฏหมาย แต่เดิมเรามีทั้งร้านอาหารที่อร่อยที่สุด เรามีโรงละคร มีสปา และโรงแรมเรามีพร้อมหมด"
ในกิจการทั้งหมดที่ประกาศขาย เสียดายโอเปร่า เฮาส์ มากที่สุด
"เสียดายโอเปร่า เฮาส์ เพราะว่าเป็นตัวตนของเรา เราสร้างมากับมือ เราคาดหวังว่าเราจะส่งเสริมศิลปินทั้งเก่าและใหม่ ทั้งคนเก่าที่ยังไม่ป่วย เขาก็หายป่วยเพราะได้มาแสดงที่เราหลายคน เด็กๆ ศิลปินรุ่นใหม่ก็ได้เกิดตรงนี้ ศิลปินรุ่นเดอะก็ได้ถ่ายทอดวิชาตรงนี้ ที่เราทำมาโดยตลอด เราก็เสียดายเพราะเราก็ทำเต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่เราตั้งเป้าว่าจะรีไทร์ เราก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราจะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก จะห่วงใยกังวล"
ผูกพันมาก ถึงกับน้ำตาคลอระหว่างให้สัมภาษณ์
"เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เราก็ต้องรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เมื่อถึงเวลาที่เราสมควรที่จะวางมือเราก็วางก่อนที่เราจะทำไม่ไหว ตอนนี้เราบริหารจัดการได้ทั้งหมด ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีคนใจบุญอีกมากที่เขารอที่จะช่วยเหลือศิลปินอยู่"
ถึงจะหวงแหนมาก แต่ไม่ติดถ้ามีคนซื้อแล้วเอาไปทำอย่างอื่น
"ได้หมด เราก็ต้องไม่มีข้อแม้อะไร เพียงแต่เราก็แค่คาดหวังว่าจะเจอคนที่มีอุดมการณ์แบบเราก็ได้ หรืออาจจะเจอศิลปินรุ่นน้องที่ซื้อไว้ก็ได้ คือเขาซื้อไปแล้วจะนำไปแก้ไขอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะเขาซื้อไปแล้ว วันนี้เราก็แค่มาเล่าสู่กันฟังว่า ดาวใจมีความปราถนาแบบนี้ ก็ขอบอกผ่านรายการ เพื่อให้เขาไปบอกต่อ เรื่องใครจะว่าอย่างไร เราไม่มายด์เลย ชีวิตคนเราก็แค่นี้ มาก็มือเปล่า กลับไปก็มือเปล่า แต่ถ้าเราสามารถเอาเวลาที่เหลืออยู่นี้ไปบำเพ็ญบุญได้มากขึ้น ก็เป็นบุญกับตัวเรา"
ในแต่ละเดือนต้องแบกภาระเดือนละเป็นล้าน
"รวมทั้ง 3 ธุรกิจเดือนหนึ่งประมาณล้านกว่าบาท เพราะเราทำทุกอย่างเต็มที่ที่สุด แม้ว่าของเราจะไม่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ตาม เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเราก็ย่อลงไปบ้าง แต่ทุกวันนี้ถ้าไม่มีโควิดเราก็มีงานแสดงตลอดเวลา"
"ค่าใช้จ่ายล้านกว่าบาท ก็มีค่าอุปรากรณ์ ค่ากุ๊ก ค่าโน่นนี่ แค่ค่ากุ๊กอย่างเดียวเดือนหนึ่งก็เป็นแสนแล้ว ตอนที่เราทำก็มีทั้งงานแสดงและขายอาหาร ยุคหลังๆ เราก็มีการดัดแปลงตามสภาวะที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเราต้องแยกร้านอาหารมาอยู่ข้างล่าง การแสดงอยู่ข้างบน รายการทุกรายในประเทศไทย ไม่เคยมีรายไหนที่ไม่เคยมาถ่ายทำที่นี่ ทุกรายการเราออกมาหมดแล้ว (แล้วช่วงโควิดที่ผ่านมาต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่?) ตอนนี้ก็เหลือแค่ 2-3 แสน"
3 กิจการ ลดกระหน่ำจาก 300 ล้าน เหลือ 240 ล้าน
"หากใครสนใจติดต่อดาวใจได้ คือตอนนี้เรามีโปรโมชั่นจาก 300 ล้าน เหลือ 240 ล้านเท่านั้นเอง แถมสุนัข 6 ตัว (ราคาที่ตั้งตอนนี้คือ 240 ล้าน แต่ถ้าเขามาต่อรองยอมขาดทุนไหม?) เรื่องนี้เราคุยกันได้ ขอให้ตั้งใจจริง แล้วตัวปลอมที่มาแหย่ มาแกล้งเราอย่าทำเลยมันบาป เราคุยกันด้วยเหตุผล คือถ้าได้ของดาวใจไปก็เท่ากับว่าได้ทำบุญใหญ่"
"ลูกน้องที่เหลือตอนนี้เหลือ 10 กว่าคน แต่ก่อนมีประมาณ 50 คน เพราะแค่ห้องนวดก็มีเป็นสิบๆ ห้องแล้ว เราทำสปา เราก็ทำเป็นสปาบำบัด เป็นสูตรอย่างดีแช่น้ำว่าน รักษาโรคพาร์กินสันได้ อัมพฤกษ์ได้"
"วันที่ต้องปลดพนักงาน ถามว่าบอกเขาอย่างไร คือทุกคนรู้ ทุกอย่างมันประจักษ์อยู่แล้ว เราไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ลำบากแล้วเราบอกว่าลำบาก คือทุกคนก็เห็นกันอยู่ว่าเราเป็นคนที่เสียสละ เราเป็นคนไม่ติดยึดเรื่องลาภยศ ศฤงคารต่างๆ อยู่แล้ว คือถ้ามีเงินแล้วให้เลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม กับช่วยเหลือคน เราขอเอาเงินมาช่วยเหลือคนดีกว่า อันนี้จากใจเลยนะ"
"คือพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย สอนมาเสมอว่าเราไม่ควรอวดร่ำรวย มันอยู่ในหัวใจของเรา สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำคนให้เป็นคน ช่วยเหลือคน สร้างคน ไม่ว่าใครที่เข้ามาเราช่วยเหลือหมด ทำได้เราทำเสมอ เราขออวดความดี เราขอแข่งขันกับตัวเองทำความดี อะไรทำได้โดยเฉพาะเรื่องจรรโลงพระพุทธศาสนา เราทำมาตั้งแต่เราเป็นตัวเล็กๆ เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ปู่ ย่า ตา ยาย เคร่งเรื่องศาสนามาก"
"ทุกอย่างมีวาระของมันอยู่แล้ว คนจะคัดตัวเองอยู่แล้ว บางคนไม่ทำงานจริง มาหลอกเราก็มี คนเหล่านั้นก็ต้องไปก่อน เราคิดว่าคนดีก็เหมือนทองคำ ความดีก็คือทองคำ ส่วนคนที่เหลืออยู่ 10 กว่าคนนั้น เราไปไหนก็ไปด้วยกัน คือเราจะไม่ปลดแล้ว ถ้าเราขายกิจการไป แล้วเขาอยากกลับบ้านนอกก็กลับ แต่ถ้าเขาไม่อยากกลับบ้านนอก เราไปไหนก็ไปด้วยกัน เพราะแต่ละคนอยู่กันมาเกินครึ่งชีวิต เพราะที่ตรงนี้เราอยู่มาตั้งแต่อายุ 20 ปี เป็นที่อยู่ดั้งเดิมของเราที่เราปรับพื้นที่มาทำเป็นธุรกิจ"
เครียดเรื่องหนี้สิน
"เรื่องหนี้สินไม่มีปัญหา มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ปัญหาใหญ่คือสุขภาพร่างกายของเรา โปรเจกต์แบบนี้ถ้าเราเจอคนที่เขาอยากได้ เราก็คงจะเบาขึ้นเยอะ (ถ้ามีคนมาขอซื้อ แต่ให้เราบริหารเหมือนเดิมจะติดอะไรไหม?) เราช่วยได้เต็มที่ ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นคนพูดจริงทำจริงและใจดีพอ รักษาคำพูดทุกอย่าง และแม้ว่าเขาจะไปทำอย่างอื่น ก็เป็นสิทธิ์ของเขาแล้ว ใครสนใจก็ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-931-4775 062-364-2445 ไม่ว่าจะเป็นทั้ง 3 โครงการ หรือซื้อแค่โครงการใดโครงการหนึ่งก็คุยกันได้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อกันง่ายๆ ทุกอย่างก็ต้องมีการพูดคุย ก็มาเข้ามาดูพื้นที่ มาดูเอกสารได้หมด"
เห็นว่าสิ่งหนึ่งที่กลัวคือ กลัวคนวงในรอขย้ำเหรอ?
"ไม่กลัวหรอก เพราะบุคคลไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก เรามั่นใจว่าเราทำถูกทางแล้ว ดีกว่าการที่เราจะไปติดป้ายหน้าบ้าน มาออกรายการนี้คนดูเยอะ ก็ต้องไปโดนใจคนดูบ้างแหละ อันนี้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องเราไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น"
ฝากถึงคนที่บอกว่าตนถังแตก
"อยากจะบอกว่า ให้ไปดูแลถังของคุณเถอะ ไม่ต้องดูถังของเรา ถังใครก็ถังมัน เรามั่นใจว่าเรายืนหยัดในวงการมาได้กว่า 55 ปี ไม่เคยสร้างความเสียหายกับใคร เรื่องเงินเรื่องทองเราก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับใคร เรายืนหยัดได้อย่างสง่างาม คนเราทุกคนก็บ้านใครบ้านมัน ถ้าเขามีสติก็ต้องหันดูบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เพราะเราไม่เคยไปยุ่งของใคร การนินทาว่าร้ายใครเราก็ไม่เคยคิด การให้ร้ายคนมันบาปนะอย่าทำเลย"
เผยถ้าขายได้ 240 ล้าน จะเอาเงินไปสร้างวัด
"ส่วนหนึ่งเราก็ต้องเอาไปพัฒนาที่อยู่ของเรา และอาจจะเอาเงินไปสร้างวัดสักวัดเป็นวัดส่วนตัว แล้วเด็กของเราที่เหลืออยู่ 40 กว่าคน ทุกคนต้องมีเงิน เราก็ต้องแจก แล้วถ้าที่ไหนสร้างอะไรไม่เสร็จก็สร้างให้เสร็จ"