xs
xsm
sm
md
lg

น้ำยาล้างเครื่องเงินกระชากวิญญาณ! "น้านงค์" โอดเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ หลอนการกินน้ำไปเลย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"น้านงค์ เชิญยิ้ม" เผยนาทีดื่มน้ำยาล้างเครื่องเงิน ลั่นเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ทั้งที่หมอบอกเคสแบบนี้ไม่มีใครรอดสักคน ตอนนี้หลอนการกินน้ำไปเลย อาการดีขึ้นแต่หมอห้ามกินเผ็ด

รอดตายปาฏิหาริย์ สำหรับตลกรุ่นใหญ่ "น้านงค์ เชิญยิ้ม" หลังพลาดดื่มน้ำยาล้างเครื่องเงินจนต้องหามส่งโรงพยาบาล หมอบอกเป็นตายเท่ากัน ล่าสุดอาการดีขึ้น พร้อมออกมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บ show ช่องวัน31 เล่านาทีชีวิตที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหลอนจนถึงวันนี้

"เหตุการณ์มันเกิดขึ้นจากความเผลอเรอของเรานี่แหละ คือเราอายุมากแล้ว เราอาจจะลืมในสิ่งนี้ได้ แต่ว่ามันมีอยู่วันนึง น้ำยาล้างเครื่องเงินที่ผมไว้ล้าง คือผมสะสมพวกเลสหลวงพ่อ แหวนหลวงพ่อ ชอบใส่เครื่องเงิน ซึ่งพอใส่นานๆ ก็จะดำใช่ไหม เราจะซื้อน้ำยาล้างเครื่องเงินมาขวดนึง มีอยู่ครั้งนึงน้านงค์ก็เทไปเกือบครึ่งขวดก็เอามาล้างเครื่องเงิน พอล้างเสร็จจะเทคืนขวดเก่า เดี๋ยวที่มันเหลืออยู่จะสกปรก เสียดาย พอดีมันมีขวดน้ำเล็กๆ อยู่ 7-8 ขวด"

"เป็นขวดน้ำจากเครื่องบิน เราไม่ได้ดื่มบนเครื่องบินไง เราก็เอากลับมาบ้าน แล้วก็เอามาแช่ไว้ที่ตู้นั่นแหละ ตอนนั้นพอล้างเสร็จเราก็รินไปในขวดน้ำ เราก็กลัวเราเผลอนี่แหละ เอาขวดนี้ไปเก็บไว้ในห้องน้ำ ผ่านไปเดือนกว่าๆ ลูกชายจะกลับบ้านตอนสงกรานต์ จะกลับพิจิตร เขาเอาแหวนเขาเป็นเงินเหมือนกันมาขอล้างน้ำยาที่เหลืออยู่ในขวดจริงยังเหลืออยู่ ก็เลยเทล้างให้ลูกชาย เราลืมขวดที่อยู่ในห้องน้ำไปแล้ว"

"ล้างเสร็จมันเหลือน้อยแล้วก็เทคืนกลับขวดเดิม ก็จะเอาไปเก็บที่ห้องน้ำเหมือนกัน ไปเจอขวดที่เดิมที่เอายาใส่เอาไว้ เราได้แต่คิดว่าใครเอาขวดน้ำเรามาใส่ไว้ในนี้ทำไม ก็เลยหยิบมาดูปุ๊บ น้ำมันน้อย ก็เลยเติมน้ำเต็มขวดแล้วไปแช่ตู้เย็น แล้วมันไปรวมอยู่ใน 7-8 ขวด แล้ววันนั้นเราตื่นนอนมา แล้วเราจะกินยา เอาน้ำมา พอกินเข้าไปนิดเดียว เรารู้เลยว่ามันไม่ใช่น้ำเพราะมันโดนลิ้นเราแล้วมันขมๆ รีบบ้วนเลย"

"มันเข้าไปในลำคอนิดนึง ไม่ถึงกลับกลืนแค่โดนลิ้น แต่กลิ่นมันฉุนมาก ตอนนั้นพอบ้วนทิ้งแล้ว รีบกลั้วปาก เอานิ้วเข้าไปในลำคอจะให้อาเจียน แต่มันไม่อาเจียน ยืนอยู่สัก 2-3 วินาทีมันเซ เราตกใจด้วย พอเซปุ๊บเราไปหยิบขวดมาดู มันมีรูปหัวกระโหลกไขว้ แล้วก็เขียนว่าห้ามรับประทาน ก็ไปปลุกลูกชายอีกห้องให้พาไปโรงพยาบาล ก็ให้ลูกชายเอาน้ำยาที่พ่อกินไปให้หมอดูด้วย อันนี้ลูกชายเล่าให้ฟังว่ายังไม่ออกถึงป้อม รปภ.หน้าบ้านเลย เราไม่รู้ตัวแล้ว ไปถึงโรงพยาบาลปุ๊บเขารีบเอาเข้าห้องฉุกเฉิน"

ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี วันที่เกิดเหตุ เป็นวันสงกรานต์ 15 เมษายน ปกติหมอจะหยุดแต่วันนั้นมีหมออยู่เต็มโรงพยาบาล
"ใช่ เขาหยุดทำงานกันหมด แต่คุณหมออยู่โรงพยาบาลเต็มเลย รอช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดนี่แหละ (แต่ไปถึงโรงพยาบาลหมอแจ้งว่ายาต้านพิษสำหรับตัวนี้หมด?) ที่โรงพยาบาลนี้ไม่มียาต้าน มีอยู่ที่เดียวที่โรงพยาบาลรามาฯ คุณหมอก็เลยประสานกับโรงพยาบาลรามาฯ และเอายาต้านจากรามาฯ มาที่มีนบุรี"

"ลูกชายก็ถามหมอว่าเป็นยังไงบ้าง คุณหมอบอกว่าพ่อได้รับสารพิษ สารไซยาไนด์เข้าไป สามารถทำอันตรายให้ถึงแก่ชีวิตได้ ลูกก็ถามว่าพอจะรักษาได้ไหม คุณหมอบอกยังรับปากไม่ได้ อาการ 50:50 มันอยู่ที่ยาจะมาไวหรือเปล่า ก็ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงยาก็มาถึง (พอได้รับยาอาการเป็นยังไง?) ตอนนั้นน้าไม่รู้ตัว เพราะว่าตั้งแต่สลบไปถึงโรงพยาบาล มารู้ตัวก็นอนฟื้นนี่แหละ"

"ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องล้างท้องไหม แต่ที่รู้เขาเอาเครื่องช่วยหายใจยัดเข้าไปในปาก ในลำคอ แล้วก็เจาะคอเหมือนเอาตัวยาต้านเข้าไปช่วย แล้วก็เจาะแขนให้น้ำเกลืออะไรประมาณนี้ แล้วก็มัดมือ มันเท้าดุกดิกไม่ได้เลยตอนฟื้นมา เขาบอกว่าต้องขอโทษนะน้าที่ต้องมัดแขน มันขา เพราะว่าน้าดิ้นแล้วน้าชักเกร็ง กลัวว่าตื่นมาแล้วจะไปดึงสายโน่นนี่"

ตอนเกิดเหตุภรรยาอยู่ต่างจังหวัด ส่วนลูกชายก็สติแตกเพราะห่วงพ่อ
"ภรรยาอยู่ร้อยเอ็ดครับ คือภรรยาผมไปเปิดร้านอยู่ที่โน่น ตอนนี้ผมทำธุรกิจอยู่ที่โน่น ภรรยาก็เลยไปดูแล พอทราบเขาก็ตกใจ คือลูกชายผมเนี่ยเขาสติไม่มีแล้ว พอหมอไม่รับปากว่าจะได้คืนมาไหม เขาบอกเขาต้องไปนั่งทำใจว่าเขาต้องทำอะไรต่อ แล้วพอดีโทร.ไปหาน้องสาวเขา แล้วโทร.ไปหาแม่เขา แล้วก็โทร.ไปบอกป้าสมกับน้าโย่ง พอโทร.เสร็จน้าโย่งก็มา ภรรยาผมก็ขับรถจากร้อยเอ็ดมาคนเดียว พอรู้ข่าววันที่ 15 เมษายน ก็เดินทาง ซึ่งตรงกับวันที่คนเขากลับมาทำงานพอดี รถก็ติด มาถึงคือเช้าของอีกวันนึง"

พอฟื้นขึ้นมา เหมือนความตายอยู่ใกล้เราแค่เอื้อม
"เหมือนเราลืมตามา แต่ผมโชคดีอย่างนึงคือยังจำอะไรได้อยู่ จำได้ว่าเรามาหาหมอ แต่จำไม่ได้ว่าเราเป็นอะไร ไม่รู้ตัวว่าใครทำอะไรกับเราบ้าง ตื่นมาก็เห็นแสงไฟ ก็คิดว่านี่เราอยู่โรงพยาบาลเหรอ แต่ทำไมเราพูดไม่ได้ รู้สึกเจ็บ พูดไม่ได้เลย อึดอัดมาก พูดไม่ได้ ทีนี้คิดไปถึงงานอย่างเดียวเลย ห่วงงาน เราต้องใช้เสียงด้วย ทำไงดีพูดไม่ได้ เราจะทำยังไงต่อไป"

"ผมถามหมอตอนที่เขาเอาเครื่องช่วยหายใจออก คือเราพูดไม่ได้เสียงมันแหบแห้งเลย คือร้องอะไรไม่ได้แน่นอน ผมถามทำไมเป็นอย่างนี้ แล้วผมจะทำยังไง ผมต้องมีงานวันที่ 18 คุณหมอบอกว่าเสียงจะเป็นแบบนี้ 2-3 วันเดี๋ยวมันจะหายไปเอง"

"ถามว่าถ้าเสียงเราไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจะเกิดอะไรขึ้น นั่นแหละคิดมากเลย เพราะว่าเราต้องร้องช้อน ต้องไปทำงานเกี่ยวกับเสียงอย่างเดียว ถ้าไม่มีเสียงเราจะทำยังไงต่อไป อันนั้นคือคิดล่วงหน้าเลย ใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าเสียงจะกลับมา งานวันที่ 18 น้าโย่งคืนเลย ไม่ไป ช่วงโควิดด้วย เจ้าภาพเขาจะให้ไปนั่นแหละ แต่น้าโย่งว่าไม่เหมาะที่จะไปแล้ว เพราะว่าเราก็ไม่สบายด้วย ถ้าไปก็ไป 2 คน ไป 2 คนไม่ไปดีกว่า ก็เลยคืนเจ้าภาพ"

ยอมรับกลัวตาย
"กลัวๆ กลัวตั้งแต่ดื่มเข้าไปแล้ว ตกใจ แบบตกใจมากๆ คุณหมอบอกว่ามันเป็นสารไซยาไนด์ ซึ่งเคสแบบนี้ไม่มีรอดนะน้า ถึงจะนิดเดียวก็ตายได้"

นอนโรงพยาบาล 3 วัน หายแล้วแต่หมอห้ามกินเผ็ด
"อยู่โรงพยาบาล 3 วันครับ ออกวันที่ 18 วันที่ 19 ผมก็ไปต่างจังหวัดเลย กลับไปพักฟื้นที่บ้านนอกเลย ตอนนี้คุณหมอไม่ให้ทานเผ็ด แต่บางทีเราคนลูกทุ่ง เราขาดเผ็ดไม่ได้ ก็ลองกินดูว่ามันได้ไหม (ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว แล้วจิตใจฟื้นตัวได้เร็วไหม?) หลอนมาก ตอนนี้อะไรที่มันใกล้เคียงกันผมเก็บทิ้งหมดเลย ตอนนี้จะกินน้ำก็ต้องระวัง ก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ประมาณนั้นเลย"









กำลังโหลดความคิดเห็น