นครปฐม - คุณตาป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายกลั้นใจโบกแท็กซี่ทิ้งร่างดิ่งก้นแม่น้ำ เลือกท่าเรือริมแม่น้ำท่าจีน ที่ใช้ลอยกระทงกับภรรยาทุกปีเป็นที่สุดท้าย ขณะที่ภรรยาตามหาทั้งคืนเจอแต่รองเท้า แทบล้มทั้งยืน ภาพวงจรปิดนาทีชีวิต บอกผู้ตายบ่นสงสารตนเองต้องทำงานหนักรายได้หดช่วงโควิด-19 ระบาด ตัดใจไม่ทำตัวเป็นภาระ
วันนี้ (19 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.40 น.เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหายใต้น้ำที่ท่าเรือวัดท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม จึงนำทีมชุดประดาน้ำและกู้ชีพเข้าตรวจสอบเหตุดังกล่าว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว
ในที่เกิดเหตุเป็นโป๊ะลอยน้ำติดกับท่าเรือวัดท่าข้าม บนแม่น้ำท่าจีน มีรองเท้าแตะยางสีดำวางไว้บนโป๊ะ 1 คู่ และมีกลุ่มของชาวบ้านยืนมุงดูที่ริมฝั่ง เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำ จำนวน 5 นาย พร้อมอุปกรณ์ได้ลงสำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบและสอบถามไปยังญาติของผู้สูญหายถึงจุดที่สงสัยว่าผู้สูญหายจะจมลง ทราบชื่อคือ นายสุพรรณ กิจเจริญ อายุ 63 ปี และจุดที่ได้ไปดูจากกล้องวงจรปิดของวัดท่าข้าม
ซึ่งปรากฏเป็นภาพของนายสุพรรณ ได้เดินลงมาที่โป๊ะริมน้ำ ก่อนจะถอดรองเท้าที่สวมมาและค่อยๆ ทิ้งร่างที่ดูหมดเรี่ยวแรง
ไถลตัวค่อยๆ หย่อนลำตัวให้ไหลลงไปในแม่น้ำท่าจีน โดยเป็นช่วงนาทีชีวิตที่ทั้งภรรยาและลูกหลานสะเทือนใจกับภาพที่ได้เห็นและส่งเสียงร้องไห้ระงมวัดด้วยความเสียใจกับความสูญเสียที่ได้พบ ซึ่งเวลาในกล้องวงจรปิดระบุเวลาว่าชายที่ปรากฏในภาพได้ตัดสินใจก่อเหตุเวลา 14.39 น.ของวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากที่ได้ตรวจสอบข้อมูล ทีมกู้ชีพและนักประดาน้ำทั้ง 5 นาย ได้เร่งทำการค้นหาผู้ที่สูญหายใต้นำทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลาเนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำท่าจีนกำลังเป็นช่วงน้ำลงกระแสน้ำไม่ไหลแรงมาก ซึ่งทีมประดำน้ำได้งมหาร่างนานกว่า 5 ชั่วโมงต่อเนื่อง แต่ยังไร้วี่แววว่าจะพบร่างของนายสุพรรณ ก่อนที่จะขยายพื้นที่ไปหาจุดเพิ่มเติมบริเวณคูน้ำสาขาย่อยที่อยู่ติดกับกำแพงวัด
ซึ่งมีบรรดาลูกหลานและญาติมาจุดธูปและไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อดลบันดาลให้พบร่างของผู้ที่กำลังค้นหา และเมื่อเปิดกอผักตบชวาพบว่าร่างของนายสุพรรณ ได้ลอยเกาะติดอยู่บริเวณดังกล่าว ทำให้ญาติส่งเสียงร้องไห้ระงมในพื้นที่ ก่อนจะนำร่างขึ้นมาตรวจสอบ
สอบถาม น.ส.ดาธชา อิทธิพลรัตนกร อายุ 41 ปี ลูกสาว บอกว่า พ่อของตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งรู้สึกผิดสังเกตเพราะเขาป่วยหนักและไม่ค่อยมีแรงต้องให้อาหารทางสายยางทุก 3 ชั่วโมง แต่แม่และน้องได้โทร.มาบอกว่าพ่อหายไป จึงได้ช่วยกันตามหาตัวแต่ก็ไม่พบ จึงได้เอาภาพของพ่อไปโพสต์บนโซเชียลเพื่อให้คนรู้จักช่วยตามหา และมีคนเอาไปแชร์กันต่อเนื่อง ก่อนจะวนกลับมาที่นี่ เพราะพ่อชอบมาเป็นประจำ ซึ่งได้สอบถามคนในบริเวณดังกล่าวบอกว่าเห็นพ่อเดินมาแถวท่าน้ำ และไม่เห็นอีกเลยจึงได้เดินมาดูพบแต่รองเท้าจึงคิดว่าพ่อน่าจะตัดสินใจมาจบชีวิตที่นี่ก่อนจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่วัดท่าข้าม และพบภาพในกล้องว่าเป็นพ่อจริงๆ
ขณะที่นางนงนุช พงษ์อภัย อายุ 61 ปี บอกว่า ตนเองและสามี มีอาชีพขายเนื้อหมูที่ตลาดฟ้าใส อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งสามีป่วยมะเร็งหลอดอาหารมาได้สักพัก แต่อาการกำเริบในช่วง 1 ปีเศษที่ผ่านมา โดยเป็นช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาด ทำให้ต้องใช้เงินในการรักษาเป็นจำนวนมาก และร่างกายมีความทรุดโทรมจากการป่วย ซึ่งเพิ่งกลับมานอนรักษาตัวที่บ้านได้เพียง 5 วัน
โดยทุกวันตนเองจะคอยอยู่ดูแลที่บ้าน แต่เมื่อวานนี้ตนเองต้องไปดูแผงขายหมู ซึ่งปกติตนเองจะต้องนำอาหารให้ทางสายยางทุก 3 ชั่วโมง แต่ได้ฝากคนดูแลไว้ กระทั่งช่วงประมาณบ่าย ตนเองได้กลับมาบ้านไม่พบสามี จึงคิดว่าอาจจะไปโรงพยาบาลแต่เวลาก็ล่วงเลยไป ด้วยความตกใจจึงได้สอบถามเพื่อนบ้าน บอกว่าเห็นนายสุพรรณ เดินออกมานอกบ้าน และโบกรถแท็กซี่ออกไปจากบ้าน
นางนงนุช บอกว่า ตนเองจึงได้ติดต่อลูกหลานให้ช่วยกันตามหา และไปแจ้งความเอาไว้ ว่าสามีได้หนีออกจากบ้าน ซึ่งคิดได้ว่า สามีชอบจะมานั่งริมน้ำที่ท่าเรือวัดท่าข้าม จึงได้ให้ลูกพามา สุดท้ายได้มาเห็นภาพวงจรปิดถึงกับทำใจไม่ได้ ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ได้บ่นว่า สงสารเราที่ต้องทำงานหนักในการหาเงินและทำงาน เนื่องจากเงินเก็บก็ร่อยหลอลงทุกวัน ยิ่งการระบาดของโควิด-19 รอบนี้ ต้องหยุดแผงขายหมูไปแล้ว 1 เดือน เขาคงกลัวเราจะลำบากจึงได้ทำแบบนี้ และที่คิดว่าเขามาที่นี่ครั้งสุดท้าย เพราะที่ท่าเรือนี้จะเป็นที่เราทั้งคู่จะมาลอยกระทงกันทุกปี เขาคงชอบที่นี่จึงเลือกมา นางนงนุช กล่าว