xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “กรีน” ถึงเป็นนางเอกแต่ไม่ได้รวย แบกหนี้สูง 8 หลักแทนพ่อ 10 ปีต้องหมด ซึ้ง “ธันวา” ไม่ทิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กรีน” เผยยอดหนี้ 8 หลักแต่ไม่ถึง 50 ล้าน ตั้งเป้าเปลื้องหนี้ทั้งหมดไม่เกิน 10 ปี ซึ้ง “ธันวา” พิสูจน์รัก แถมช่วยเรื่องเงิน ไม่ทิ้งตนและครอบครัว แจงถึงเป็นนางเอกแต่ไม่ได้ร่ำรวยตั้งแต่เด็ก



ออกมาเผยเรื่องหนี้ที่สูงถึง 8 หลัก ซึ่ง “กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล”นางเอกดังต้องแบกรับภาระแทนคุณพ่อที่เสียชีวิต ทำคนวิจารณ์สองมุม ทั้งสงสารเจ้าตัว และอีกมุมที่สงสัยว่าเป็นถึงนางเอก ทำงานมานาน เงินหายไปไหนหมด ล่าสุดกรีนได้เปิดอกถึงประเด็นดังกล่าว

“กรีนก็มีชีวิตเหมือนพี่ๆ ทุกคน เบื้องหลังเราก็มีหนี้สินมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพียงแค่คนจะรู้หรือเปล่า ซึ่งก่อนที่กรีนจะไปออกรายการแฉ มีออกรายการของเกิร์ลวันเดอร์ก่อน ของทางช่องวัน เพื่อโปรโมตละครด้วย เหมือนรายการมีหัวข้อขึ้นมาว่าชีวิตจริงกับชีวิตในละคร คือชีวิตของแก้วและกรีนก็ไม่ได้ต่างกัน ก็ลำบากเหมือนกัน เลยมีโอกาสได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่ค่อยได้พูดถึงเท่าไหร่

หนี้จำนวนนี้มีมาตั้งนานแล้วค่ะ เราก็ช่วยกันในครอบครัว แต่พอคุณพ่อเสีย ก็เหมือนมีมากกว่าเดิมก็ค่อนข้างหนัก พอคุณพ่อเสียไปก็ไม่ได้มีคนช่วย ก็เคว้ง ลูกหลานต้องช่วยกันเอง”

ถึงเป็นนางเอกแต่ไม่ได้ร่ำรวยตั้งแต่เด็ก
“กรีนว่าแล้วแต่คน หนูไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่แรก ถ้าใครหนูรู้ ชีวิตหนูก็เป็นเด็กเอเอฟ แค่เข้ามาประกวด แต่บ้านเราก็ไม่ได้ยากจนหรือร่ำรวยขนาดนั้น แค่พอมีพอกิน จริงๆ กรีนเป็นคนประหยัดตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วไม่ได้ติดหรู เพราะเราเป็นแบบนี้บวกกับมีหนี้สินที่มีมาอยู่แล้ว เพียงแค่คนไม่รู้เบื้องลึกของเราเฉยๆ ถามว่าเป็นหนี้จากคุณพ่อหรือมาจากไหน จริงๆ ก็ตามข้อมูลที่ให้ในรายการค่ะ ไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบทั้งหมด คือมีหลายๆ ส่วนรวมกัน แล้วคุณพ่อของเรา เราก็ต้องรับผิดชอบ”

ยอดหนี้ 8 หลักแต่ไม่ถึง 50 ล้าน
ตัวเลขไม่ได้ถึงขนาด 50 ล้าน อย่างที่พาดหัวข่าวแต่ตัวเลขคือ 8 หลัก สำหรับบางคนอาจจะมองว่าไม่เยอะหรอก แต่สำหรับกรีนคือเยอะมากๆ แล้วหลายคนบอกว่ากรีนเล่นละครมาตั้งหลายปีทำไมไม่มีเงินมาจุนเจือในส่วนนี้ จะบอกว่าเวลาเราเล่นละครก็มีเรตของเขา ซึ่งทุกครั้งที่กรีนได้เงินจากการเล่นละครมา ไม่ได้หมายความว่ากรีนต้องเอาเงินทั้งหมดมาลงกับเรื่องหนี้ เพราะว่าหนี้มันมีเยอะกว่ารายได้ที่กรีนมี แล้วละครเรื่องหนึ่งดาราก็เยอะ เราไม่ได้รับได้ทีปีละ 10 เรื่อง ก็ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเราก็ต้องทำงานให้บาลานซ์กับการพัฒนาเกี่ยวกับการแสดงของเราด้วย

ถ้ารับเยอะขนาดนั้นการแสดงของเราก็จะไม่ดี และส่งผลต่อการทำงานในอนาคต ฉะนั้นกรีนไม่ได้มีแค่เอาเงินทั้งหมดมาลงกับเรื่องหนี้สิน เรามีภาระครอบครัวต้องดูแลคุณแม่ และมีภาระส่วนตัวของเรา ก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ฉะนั้นก็ต้องแบ่งไปเรื่อย ๆ เพราะรายจ่ายด้านอื่นเราก็มีอยู่แล้ว ซึ่งเราแบ่งไว้แล้วแหละ พอมีหนี้สินเข้ามา ความจริงมีมาตั้งนานแล้ว เราก็ผ่อนมาโดยตลอด แต่ว่ามันไม่ได้หมดง่ายๆ เพราะด้วยความที่สูงถึง 8 หลัก”

ไม่มีคำว่าหนักสำหรับลูก ไม่ได้หน้าเงินรับทุกอย่าง อยากทำงานให้ดีด้วย
“กรีนว่าไม่มีคำว่าหนักสำหรับลูกที่จะตอบแทนพ่อแม่ แค่เราจะหาวิธียังไง ที่เราสามารถทำให้คุณแม่มีความสุขได้ ให้เขาไม่ต้องกังวล กรีนรู้สึกว่าปีนี้ถ้าเรามีโอกาสมาก ทุกๆงานที่กรีนได้ทำ ก็จะทำให้เต็มที่และอยากให้ผลงานออกมาดี จะได้ส่งผลต่อเรื่องอื่นๆ ด้วย เพราะเราทำงานทุกวันนี้แน่นอนว่าทำเพื่อเงินในส่วนนึง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราหน้าเงินขนาดนั้น เราก็อยากทำผลงานออกมาให้ดีด้วย กรีนมองว่ารายได้ที่เราได้มาเป็นผลพลอยได้มากกว่า เป็นรายได้ที่เราเอามาจุนเจือครอบครัวค่ะ”

บอกยอดหนี้ที่เหลืออยู่ไม่ได้ แต่มีภาระยังต้องจ่าย
“ด้วยความที่เป็นเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจทางใต้ด้วย กรีนไม่สามารถอธิบายให้ทุกคนฟังเป็นตัวเลขเท่านั้นเท่านี้ได้ว่าเหลือเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่ากรีนก็ยังต้องจ่าย ก็มีน้องช่วยด้วยค่ะ แล้วก็มีหลานที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของกรีนคือเฮียแก๊ป ที่เป็นนักแสดงเหมือนกันแต่ตัวเขาก็มีครอบครัวแล้ว ทุกคนก็มีภาระของตัวเอง ก็จะแบ่งมาได้นิดๆ หน่อยๆ แต่หลักๆ ก็จะเป็นเรากับน้องสาว แต่น้องสาวบางทีก็ช็อตเหมือนกัน เราก็ต้องประหยัด เวลา 2 ปีที่ผ่านมาอะไรที่ไม่จำเป็นกรีนตัดทิ้งหมดเลย”

หนี้งอกโดยไม่รู้ตัว ก็จะเหนื่อย แต่ยังมีกำลังใจ คนอื่นหนักกว่ายังปลดหนี้ได้
เวลาได้ยินว่าเหมือนมีอันนี้มาเพิ่มอีกแล้วนะ(ยิ้ม) ก็จะเหนื่อยนิดนึง แต่ก็พยายามหาทางแก้ กรีนรู้สึกว่ามีคนที่มีปัญหาเรื่องหนี้สินมากกว่ากรีน เท่าที่เคยเห็นอย่างพี่บอย (อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี) กับพี่เจี๊ยบ (พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์) ที่เหมือนบังเอิญธุรกิจเขาเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ร้าน เขาเป็นมากกว่ากรีนอีก เขายังสามารถปลดหนี้ได้ ของกรีนยังไม่เท่าเขา กรีนว่าเราก็ต้องหาทางทำได้ และครอบครัวกรีนก็ช่วยเหลือกันด้วยค่ะ กำลังใจหลักๆ คือมาจากครอบครัวค่ะ”

“ธันวา สุริยจักร” รับรู้ ช่วยได้ก็ช่วย พิสูจน์ว่าไม่ทิ้งตนและครอบครัว ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ลดบางสิ่งที่ไม่จำเป็น
“จริง ๆเขาก็รับรู้ปัญหาของกรีนมาตั้งแต่ที่เริ่มคบกัน เพราะคุณพ่อก็เคยคุยกับเขาเรื่องนี้เหมือนกัน อะไรที่ช่วยได้เขาก็ช่วย ทั้งที่เป็นเงินก็เคยช่วยเหมือนกัน ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่ทิ้งเรา ไม่ทิ้งครอบครัวด้วย ทำให้เห็นว่าพอเรามีปัญหา ครอบครัวเรามาปรึกษาหารือและหาทางแก้ ใครมีตรงไหนก็ช่วยเรื่องนั้น ใครไม่มีก็ไปช่วยเรื่องอื่นแทน ทำให้เห็นว่าครอบครัวเราแน่นแฟ้นกันมากขึ้นมากๆ ค่ะ

เราก็เลยทำธุรกิจ ทำให้วิธีคิดกรีนเปลี่ยน จากแต่ก่อนกรีนจะคิดว่าพ่อส่งเงินมาให้ตลอด เราก็ใช้แบบไม่ถึงกับฟุ่มเฟือย แต่อยากได้อะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว พอเรารู้เรื่องหนี้สินต่างๆ ที่มากขึ้นบวกกับที่คุณพ่อเสียก็ยิ่งรู้เยอะขึ้น ก็เลยปรับวิธีคิดตัวเองไปเลย อะไรที่ไม่จำเป็นคืออดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่เป็นไรเราไม่ตายหรอก เรายังอยู่ได้ ต่อให้ต้องอยู่บ้านแล้วไม่ได้ออกไปไหน โควิด-19 เป็นอะไรที่ดีมาก กรีนไม่ต้องออกไปใช้เงิน ทำให้เกิดวิธีคิดใหม่ๆ เราสามารถลดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่จำเป็น และต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ ถึงจะควักเงินออกมาใช้”

คาดการณ์ไม่ได้ เมื่อไหร่หนี้จะเบาลง ตั้งเป้าไม่เกิน 10 ปี
“มันมาจากหลายทางเลยค่ะ คาดการณ์ไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่ก็จะพยายามให้หมดไม่ให้เกิน 10 ปี ซึ่งก็ต้องไม่กระทบกับคนอื่นและตัวเราด้วย กรีนพูดตรงๆ ว่าถึงแม้เราจะต้องใช้หนี้สิน แต่เราก็ยังมีความฝัน กรีนก็ต้องแบ่งเรื่องงานกับหนี้สินให้บาลานซ์กันด้วย เรื่องสัญญาในการชำระหนี้ก็มีค่ะ คุยกันได้ เราก็มีทนายของทางฝั่งครอบครัวเรา ที่เขาก็คุยเรื่องนี้ให้อยู่เหมือนกันค่ะ”

ภูมิใจเรตติ้งละคร “แก้วลืมคอน” เรื่องแรกทางช่องวัน
ก็ดีค่ะ หนูได้ยินว่าเรตติ้ง 2.7 ก็ดีเลยแหละ ภูมิใจค่ะเพราะเป็นละครเรื่องแรกกับทางช่องวัน และช่องวันก็ให้โอกาส ไม่เคยเล่นมาก่อนคือบทฝาแฝด ส่วนที่มองว่าเป็นใบเบิกทางสำหรับเรื่องต่อๆ ไป จริง ๆ เรื่องนี้ เหมือนเราก็คุยกันก่อนหน้านั้นแล้ว เราเพิ่งมาเป็นฟรีแลนซ์ ผู้ใหญ่ก็เหมือนดูผลงานเราก่อน จริงๆ ก็ขอบคุณที่ผู้ใหญ่เอ็นดูและให้บทที่ดี เราก็ตั้งใจทำเต็มที่

เรื่องต่อไปก็มีแล้วค่ะเรื่องกระเช้าสีดา เล่นกับพี่ปีเตอร์ (ปีเตอร์ คอร์ปไดเรนดัล) เป็นละครของพี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) ค่ะ ยังไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเซ็นสัญญานะคะ ใจกรีนอยากเป็นฟรีแลนซ์มากกว่า”

เป็นปีที่ดี รักอาชีพนี้
“ดีนะคะ คือเรารักอาชีพนี้ อยากจะทำงานอาชีพนี้ให้ดีที่สุด ยิ่งผู้ใหญ่ให้โอกาสไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็ตาม เราก็อยากทำออกมาให้เต็มที่ทำให้ดีขึ้นและพัฒนาด้านการแสดงด้วยค่ะ”







กำลังโหลดความคิดเห็น