“เสือ” ไม่รู้ “กานต์” โพสต์เรื่องถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยเข้าไปดูเฟซบุ๊กแม่ ไม่มองเป็นภาระ เป็นเสาหลักครอบครัว ให้กำลังใจแม่ขึ้นศาล ลั่นแข็งแรงกว่าพ่อ คดีเยอะแต่ไม่ท้อแท้ ชิลๆ ปีนี้ซอฟต์ เลยจุดพีกมาแล้ว ฟุ้ง เสก รับงานปกติแล้ว เปลี่ยนยาตัวใหม่ นอนมากขึ้น เครียดน้อยลง
กลายเป็นประเด็นใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย” โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ามีคนปลอมลายเซ็นของสามี “เสก โลโซ” หรือ “เสกสรรค์ ศุขพิมาย” พร้อมขอความเห็นจากโซเชียลว่าแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ล่าสุดได้เจอตัวลูกชายคนโตอย่าง “เสือ เสฏกานต์ ศุขพิมาย” เจ้าตัวก็เผยว่ายังไม่เห็นที่แม่โพสต์ เพราะปกติไม่เคยได้ตามดูอยู่แล้ว
“ผมยังไม่รู้เลยครับ (หัวเราะ) เพราะผมไม่ได้ติดตามว่าเขาโพสต์อะไร ตอนนี้แม่เขาก็ใช้เฟซบุ๊กตัวเดียวเป็นตัวหลักนะครับ แอคเคาท์เดียวครับ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีโพสต์เกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของน้องบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มเงียบลงครับ เพราะสองฝั่งได้คุยกันนิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจบหรือยังครับ ผมก็ทำหน้าที่ดูแลน้องเหมือนเดิม ไม่ค่อยได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาของที่โรงเรียนเขามีอยู่ตอนนี้ครับ
ตอนนี้บรรยากาศในบ้านก็ดีปกติครับ ตอนนี้ยังอยู่กันที่บ้านคุณแม่ บ้านหลังเล็กกันอยู่ เพราะบ้านโน้นยังทำไม่เสร็จ 100% แล้วเขาขี้เกียจย้ายกันไปด้วย เพราะว่าของก็ยังอยู่ที่นี่ คือเขาเลื่อนมาหลายเดือนมากเลย ตอนแรกบอกจะย้ายตั้งแต่เดือนต.ค. ก็เลื่อนมาเรื่อยๆ เพราะบ้านไม่เสร็จสักที เขาก็ขี้เกียจย้ายกันด้วย ก็น่าจะเป็นต้นปีหน้า ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
บอกสงสารแม่ที่ต้องเหนื่อยขึ้นศาลบ่อยจนไม่ได้พักผ่อน
“ปีที่ผ่านมาถามว่าเหนื่อยกับข่าวพ่อแม่ไหม ก็ไม่ค่อยนะครับ ผมรู้สึกว่ามันซอฟต์กว่าช่วงที่ผ่านมาเยอะ ก็เลยไม่คิดว่ามันแย่อะไรมากครับ แต่แม่ต้องขึ้นศาลเยอะมาก ผมก็ให้กำลังใจเขาตลอดครับ เห็นเขาตื่นเช้าหลายๆ วันไปขึ้นศาล คือเวลาที่เขามีฟีลลิ่งอยากทำงาน เขาจะไม่นอนเลยครับ 2-3 วันไม่นอนเลย ทำงานติดต่อกันเลย แล้วพอเขานอน เขาก็ต้องนอนยาวๆ แต่พอมีใบศาลต้องไปทำโน่นทำนี่มันก็ทำให้เขาขาดเวลาพักผ่อน ผมก็เป็นห่วงนิดหน่อย แต่เขาก็รู้บ้างว่าต้องพักผ่อน เสือก็คอยเตือนเขาตลอด
แม่เขาเข้มแข็งมากเลยครับ ต่างจากพ่อเลยครับ (หัวเราะ) คดีเขาเยอะ แต่เขาไม่บ่น ไม่ท้อแท้อะไรเลย ส่วนคุณพ่อตอนนี้ก็กลับมารับงานปกติครับ เดือนนี้ก็งานเยอะ แต่ก็มีปัญหาเรื่องโควิดเพิ่งเข้ามาภาคเหนือ งานก็เพิ่งแคนเซิลไปเชียงใหม่ เชียงรายครับ แต่ก็เยอะพอประมาณ”
เผย “เสก” กลับมารับงานได้ปกติ แต่ยังต้องทานยาตลอด
“คุณพ่อก็ยังต้องทานยาตลอดครับ ไม่แน่ใจว่าเขากินยาเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง แต่ว่าครั้งล่าสุดที่ผมถามเขาเรื่องยา เขาบอกว่าเพิ่งไปเปลี่ยนยามาใหม่ ซึ่งมันทำให้เขานอนมากขึ้น แต่เขาเครียดน้อยลง ซึ่งก็ดีในแง่นึงครับ กิจกรรมยามว่างคุณพ่อตอนนี้เขาก็เซ็นลายเซ็นบนเสื้อที่เราขายกันนี่แหละครับ ก็เซ็นเสื้อบ่อยอยู่ครับ แล้วก็มีเล่นกีต้าร์ครับ แล้วก็มีไปเชียร์ทีมฟุตบอล เพราะตอนนี้ทีมโลโซ ยูไนเต็ดกลับมาเล่นแล้วครับ
ผมก็อยากพาเขาไปทำกิจกรรม ไปออกกำลังกายเยอะๆ ครับ เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบออกไปทำโน่นทำนี่ ผมก็เลยชอบตื๊อเขาให้ออกไปตีแบด ไปเตะบอลหน่อย หรือไม่ก็ไปเดินรอบหมู่บ้านนิดหน่อยครับ ซึ่งบางทีก็ทำ บางทีก็ไม่ทำครับ แต่เตะบอลเขาชอบอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ไปร่วมเตะด้วยทุกครั้ง
ถามว่าผมให้กำลังใจตัวเองยังไง เพราะต้องดูแลทุกคน เหมือนเราเป็นหลักของบ้าน ก็ไม่ได้รู้สึกหนัก ไม่ได้ท้อแท้อะไร ผมพร้อมสุดๆ ที่จะดูแล คล้ายๆ เป็นหัวหน้าครอบครัวเลยครับ รู้สึกว่าผมต้องทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ก็ไม่ได้เป็นปัญหาหรือภาระอะไร ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ดูแลพ่อ ดูแลแม่ ดูแลน้องๆ ด้วย ผมยอมทำได้อยู่แล้ว เรื่องเครียดมีบ้าง แต่ผมเป็นคนไม่ค่อยติดตามข่าว ไม่ค่อยติดตามโซเชียลว่าเขาคุยอะไรกันบ้างเกี่ยวกับพ่อแม่ ผมก็เลยไม่ได้ไปคิดมาก ไม่ได้นอยด์เรื่องพวกนี้ครับ”
เผยอยากทำเพลงของตัวเอง แต่ไม่คิดจะเป็นศิลปินเต็มตัวเหมือนพ่อ
“ช่วงนี้ก็งานเยอะอยู่ครับ มีคอนเสิร์ตตัวเองด้วย มีงานแสดงด้วย และมีงานยูทิวบ์ที่ทำอยู่ครับ ไม่ได้จะเป็นนักร้องอาชีพหรอกครับ แค่อยากจะมีผลงานนิดหน่อย อยากจะมาแจมด้วยนิดหน่อย ถ้ามีโอกาส คือเวลามีคอนเสิร์ตของพ่อ เขาก็จะมีวงเปิด ผมก็รู้จักกับพี่ๆ เขาเหมือนกัน ผมก็อยากไปแจมกับเขาด้วย วันนี้ก็เป็นโชว์คอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตเลย อันนี้เป็นงานส่วนตัว งานคอนเสิร์ตของเสือเองที่ร้องเองครั้งแรกเลย เพราะปกติผมจะไปร้องแจมเพลงมากกว่า
เรื่องจะไปทัวร์กับคุณพ่อ ผมว่าจะออกเพลงใหม่ของตัวเองครับ อยากจะทำเพลงเอง คือถ้าเพลงออกมาดีตามที่เสือชอบ ตามที่ตัวเองอยากจะทำก็อยากจะไปเปิดตัวบ้างในคอนเสิร์ตครับ แต่เรื่องดนตรีผมไม่ค่อยได้คุยหรือขอคำแนะนำจากคุณพ่อเท่าไหร่ อันนี้ไม่ค่อยได้ปรึกษากันเลยครับ
ส่วนพ่อกับแม่ยกให้เป็นอภิชาตบุตร (หัวเราะ) ก็ได้ยินคำนี้บ่อยอยู่ ก็รู้สึกดีใจครับ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ ข่าวของพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ทำให้ท้ออะไรครับ ผมรู้สึกว่ามันผ่านจุดพีกๆ มาแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกท้อแท้อะไร ถามว่าเป็นห่วงการโพสต์โซเชียลของแม่ไหม ก็ไม่ค่อยเท่าแต่ก่อน เพราะผมไม่ได้ติดตามเขาขนาดนั้น กับพ่อผมก็ไม่ได้ติดตามนะ”